Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน25 มิถุนายน 2552
บล.ดีบีเอสฯดึง6บจ.โรดโชว์สิงคโปร์หวังชูศักยภาพธุรกิจไทย-ปลายมิ.ย.นี้             
 


   
search resources

ดีบีเอส วิคเคอร์ส
Funds




บล.ดีบีเอส วิคเกอร์ นำ 6 บจ.ไทย โรดโชว์ประเทศสิงคโปร์ ในงาน The Pulse of Asia ปลาย มิ.ย.นี้ หวังอวดศักยภาพธุรกิจไทยดูดนักลงทุน เลื่อนโรดโชว์อเมริกา และอังกฤษเหตุไข้หวัดระบาด แนะลงทุนหุ้นขนาดกลาง กลุ่มอาหารและโครงสร้างพื้นฐาน ในภาวะตลาดหุ้นผันผวน

นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมนำบริษัทจดทะเบียน (บจ.) 6 แห่ง คือ บมจ.ไทยยูเนียน โฟรเซ่น โปรดักส์ (TUF), บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH), บมจ.ศุภาลัย (SPALI), บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ ( ประเทศไทย ) ( DELTA ), บมจ.พรีเชียส ชิพปิ้ง ( PSL), บมจ.อินโดรามา โพลีเมอร์ส (IRP) เดินทางไปโรดโชว์ในประเทศสิงคโปร์ ภายใต้งานที่ใช้ชื่อว่า The Pulse of Asia ซึ่งเป็นที่จัดขึ้นโดยกลุ่มบล.ดีบีเอส วิคเกอร์ ที่มีสาขากระจายอยู่ในหลายประเทศ เช่น ฮ่องกง จีน มาเลเซีย เป็นต้น เป็นประจำทุกปี

เนื่องจากมองว่าบริษัทเหล่านี้ยังมีความสามารถในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และต้องการให้นักลงทุนต่างชาติได้เห็นถึงศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางมากยิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทางกลุ่มบริษัทได้จัดงานลักษณะนี้มาก่อนแล้วและได้รับความสนใจจากผู้บริหารกองทุนในประเทศสิงคโปร์กว่า 300 คน และนักลงทุนต่างประเทศ เข้าร่วมงานคับคั่ง

" งาน The Pulse Asia นั้นจะเริ่มขึ้นระหว่าง30 มิถุนายน - 2 กรกฏาคม 52 คาดว่าจะมีผู้บริหารกองทุนในสิงคโปร์กว่า 300 แห่ง และนักลงทุนจากประเทศอื่นเข้าร่วมด้วยอีก ซึ่งปกติผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่จะค่อนข้างรู้จักบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่และขนาดกลางของไทยอยู่แล้ว แต่ว่ายังไม่ค่อยเห็นความชัดเจนถึงประสิทธิภาพของบริษัทขนาดกลาง จึงหวังว่าการดึง 6 บจ. เข้าร่วมน่าจะเป็นโอกาสในการชูศักยภาพของธุรกิจไทย และเป็นอีกทางเลือกของการลงทุนให้ผู้ที่สนใจลงทุน " นางภัทธีรากล่าว

อย่างไรก็ตาม จากปัญหาวิกฤตการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ส่งผลกระทบให้ บล.ดีบีเอสฯ จำเป็นต้องเลื่อนแผนการไปโรดโชว์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและอังกฤษช่วงสิงหาคม-กันยายน 52 ออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่เชื่อว่าแผนนี้จะเกิดขึ้นภายในปี52

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยครึ่งหลังปี 52 คงประเมินยาก เพราะต้องขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นผลประกอบการของ บริษัทจดทะเบียนสิ้นไตรมาส 2 และการไหลของกระแสเงินทุนจากต่างประเทศ แต่ก็ยังมีข่าวดีตรงที่หลายฝ่ายมองว่าปัญหาเศรฐกิจที่เกิดขึ้นได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ขณะที่ประเด็นการเมืองในประเทศปัจจุบันไม่มีผลต่อความเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยมากนักเพราะไม่ได้เกิดเหตุการณ์ที่จะเป็นปัจจัยลบหรือบวกต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมทั้งมองว่าการที่ดัชนีหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 600 จุด นั้นค่อนข้างเกินกว่าปัจจัยพื้นฐานและน่าจะมีทิศทางเกินผลประกอบการที่ออกมาก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ในส่วนเม็ดเงินจากการลงทุนของนักลงทุนต่างชาตินั้นเชื่อว่าจะยังคงไหลเข้ามาในภูมิภาคเอเชีย และไทยก็น่าจะได้รับการจัดสรรจากการกระจายการลงทุนของนักลงทุนสถาบันและกองทุนต่างๆ สำหรับปัจจัยอื่นๆ ทั้งเรื่องการเมือง ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีผลต่อตลาดและมีความชัดเจนมากกว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจส่วนราคาน้ำมันนั้นช่วงนี้อาจจะไม่ได้เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อบริษัทแต่น่าจะเป็นยอดการสั่งสินค้าและผลตอบแทนจากการลงทุนมากกว่า

ส่วนกลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้นักลงทุนควรกระจายพอร์ตการลงทุนไปยัง พันธบัตรรัฐบาล อนุพันธ์ ฯลฯ เพื่อป้องกันความเสี่ยง หากบรรยากาศซื้อขายหลักทรัพย์มีความผันผวนค่อนข้างรุนแรง และหากต้องการลงทุนในหุ้นควรเลือกกลุ่มที่มีสัดส่วนขนาดใหญ่ของตลาด ทั้งนี้ หากเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดหุ้นแนะนำว่าในระยะต่อไปให้เลือกลงทุนในหุ้นขนาดกลาง เช่น กลุ่มอาหาร และกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ได้รับอานิสงส์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us