|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
อาร์เอส ผนึกช่อง 3 และช่อง 7 ในฐานะ ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกปีหน้า แย้มขายสปอนเซอร์ชิป 2 แพกเกจ พร้อมอัดอีเวนต์สร้างกระแส มั่นใจสร้างรายได้ 500 ล้านบาท
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ อาร์เอส เปิดเผยว่า จากการที่อาร์เอส ได้ลิขสิทธิ์บอลโลกปี 2010 ล่าสุดได้จับมือกับทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 และสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ในฐานะ Strategic partners ในการดำเนินการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก (FIFA WORLD CUP SOUTH AFRICA 2010) ที่จะมีขึ้นประมาณกลางปีหน้าโดยคนไทยจะสามารถรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันทั้งหมด 64 แมทซ์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย.-11 ก.ค. 2553
สำหรับการร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นลักษณะของการซื้อเวลา แล้วทั้ง 3 พาร์ทเนอร์จะมีการทำกลยุทธ์ร่วมกันทั้งในเรื่องของการขายสปอนเซอร์ชิป และเรื่องของการถ่ายทอดสด เบื้องต้นจะเริ่มมีการทำรายการพิเศษ เพื่อเรียกกระแสปูพรมก่อนเข้าสู่การแข่งขันอีก 4-5 รายการ รวมทั้งเรื่องของการจัดอีเวนต์ ซึ่งทั้ง 2 สถานีฯ สามารถขายโฆษณาหาสปอนเซอร์ได้ทั้ง 2 ฝ่ายแล้วนำมาแชร์กัน ขณะที่ส่วนแบ่งรายได้ จะแบ่งกันทั้ง 3 บริษัท
ทั้งนี้ในส่วนของสปอนเซอร์ชิปนั้น จะมีแพกเกจการขายอยู่ 2 แบบ คือ แพลททินัม แพกเกจ ราคา 50 ล้านบาท สามารถโฆษณาได้ 2.30 นาที ในแต่ละแมทซ์การแข่งขัน ซึ่งขณะนี้เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว 2 ราย คือ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และยามาฮ่า และกำลังสรุปผลอีกหลายราย และ 2.โกลด์ แพกเกจ ราคา 30 ล้านบาท ลูกค้าสามารถโฆษณาผ่านการแข่งขันได้ 1.30 นาที ในทุกแมทซ์ ทั้งนี้มองว่าจะมีสปอนเซอร์ชิปแบบแพลททินัม แพกเกจ ราว 4-6 ราย
นายสุรชัย กล่าวต่อว่า การแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ ถือว่าโชคดีในแง่ของเวลาในการแข่ง เพราะเป็นช่วงไพร์มไทม์ในบ้านเรา คือ 18.00น., 21.00น. และ 01.00น. โดย 2 ช่วงเวลาแรกมีกว่า 34 แมทซ์ที่จะแข่งขัน บวกกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองที่เริ่มส่งสัญญาณว่าจะดีขึ้นในไตรมาสสี่นี้ ปีหน้าจึงมองว่าการได้ลิขสิทธิ์การแข่งขันครั้งนี้ จะมีรายได้และกำไรเข้ามาอย่างน้อย 500 ล้านบาท ซึ่งรายได้หลักมาจากการถ่ายทอดสด และการขายสปอนเซอร์ชิฟ ส่วนรายได้ของอาร์เอส ปีนี้คาดรายได้จะอยู่ที่ 2,400-2,600 ล้านบาท โดยตั้งแต่ไตรมาสสองเป็นต้นมา เริ่มมีกำไรบ้างแล้ว หลังจากนี้เชื่อว่าจากสถานการณ์ต่างๆที่เริ่มดีขึ้น จะส่งผลต่อรายได้ให้กลับมาดีขึ้นและมีกำไรมากขึ้นต่อไป
ด้านสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 กล่าวว่า ฟุตบอลโลกครั้งนี้ เชื่อว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้อุตสาหกรรมโทรทัศน์ในปีหน้าขยับตัวสูงขึ้น หลังจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ภาพรวมโทรทัศน์ทรงตัว ซึ่งการขายโฆษณาในช่วงไพร์มไทม์ครั้งนี้ ซึ่งอาจจะตรงกับเวลาละครช่วงไพร์มไทม์ มองว่าลูกค้าจะสนใจที่จะซื้อโฆษณามากขึ้น เพราะถือเป็นช่วงเวลาสั้นๆแต่สามารถสร้างการรับรู้ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเมื่อเปรียบเทียบรายได้โฆษณาจากโปรแกรมการแข่งขันครั้งนี้แล้ว ถือว่าสูงกว่าราคาโฆษณาที่ขายอยู่ในปัจจุบัน จากโปรแกรมละครหลังข่าวด้วย
นายสมพงษ์ อัชฌานุเคราะห์ ผู้จัดการฝ่าย สังกัดสำนักประธานกรรมการ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 กล่าวเสริมว่า เชื่อว่าแนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งปีหลังที่จะดีขึ้น จะทำให้ภาพรวมรายได้ที่จะมาจากการขายสปอนเซอร์ชิปของฟุตบอลโลกมีรายได้เป็นไปตามที่วางไว้ นอกจากนี้ทางกลุ่มยังจะมีการเจรจากับทางฟรีทีวีอีก 1 ช่องในลักษณะของการซื้อเวลาเพื่อถ่ายทอดสดการแข่งขันในแมทซ์ที่มีการแข่งชนกันด้วย คาดว่าในอีก 2 อาทิตย์ที่จะถึงนี้จะสรุปผลได้ว่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์ช่องใด
|
|
|
|
|