Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายวัน24 มิถุนายน 2552
หุ้นร่วงต่อหลังศก.โลกฟื้นช้า             
 


   
search resources

Stock Exchange




ข่าวร้ายยังกระหน่ำตลาดทุน ฉุดดัชนีหุ้นไทยดิ่งลงอีก 12 จุด มูลค่าการซื้อขายช่วงนี้เหลือเพียง 1.6 หมื่นล้าน เหตุนักลงทุนต่างชาติระส่ำ หลังเวิล์ดแบงก์ปรับคาดการณ์จีดีพีโลก ติดลบเพิ่มขึ้นเป็น 2.9% กูรูแนะลุ้นผลประชุมเฟด เชื่อวันนี้มีแรงดีดตัวในระยะสั้น แต่ภาพรวมกอดเงินไว้กับตัวช่วงนี้ปลอดภัยกว่า

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯวานนี้ ปิดที่ระดับ 569.85 จุด ลดลง 12.44 จุด หรือ -2.14% มูลค่าการซื้อขาย 16,832.62 ล้านบาท และระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ 569.85 จุด และต่ำสุด 561.05 จุด ซึ่งการเคลื่อนไหววานนี้เป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค โดยประเด็นหลักมากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง และนักลงทุนต่างประเทศมีความกังวลเพิ่มขึ้น เพราะมองว่าเศรษฐกิจอาจฟื้นตัวล่าช้ากว่าที่คิดไว้ บวกกับ ธนาคารโลกได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจลงด้วย

ขณะเดียวกัน เมื่อแบ่งเป็นประเภทนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิถึง 2,079.96 ล้านบาท ตามมาด้วยสถาบันที่ขายสุทธิอีก 1,139.39 ล้านบาท มีเพียงนักลงทุนทั่วไปที่ซื้อสุทธิ 3,219.36 ล้านบาท ส่วนหลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 55 หลักทรัพย์ ลดลง 295 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 90 หลักทรัพย์

นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคที ซีมิโก้ เปิดเผยว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นวานนี้ภาพรวมมีการปรับตัวลงแรงทั้งช่วงเช้าและบ่าย โดยในช่วงเช้าดัชนีฯ มีการปรับตัวลดลงตามตลาดภูมิภาคที่มีการปรับลดถึง 2% กว่า ประกอบกับไม่มีข่าวดีเข้ามากระตุ้น ส่งผลให้ดัชนีฯ มีการปรับตัวลงต่อในช่วงบ่าย และมีการรีบาวน์ขึ้นมาเล็กน้อยในช่วงท้าย

“ปัจจัยลบภายนอกที่เข้ามาตลาดวานนี้ มีทั้งดัชนีดาวโจนส์ที่ร่วงลงกว่า 200 จุด ราคาน้ำมันดิบที่ ลดลงกว่า 2.62 ดอลลาร์ การปรับตัวของราคาทองคำ รวมทั้งราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่แนวโน้มจะลดลงตาม อีกสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่คนส่วนใหญ่ต่างประเมินว่ากำลังจะฟื้นตัวดีขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจจะยังต้องใช้เวลามากกว่านี้”

สำหรับแรงซื้อที่ยังมีเข้ามาจากนักลงทุนต่างชาตินั้น มองว่าเป็นการซื้อแบบตั้งรับ ไม่ใช่การซื้อเพื่อดันดัชนีฯ จึงมองว่าไม่สามารถผลักดันให้ตลาดฯ มีการปรับตัวสูงขึ้นได้ รวมทั้งนักลงทุนมีความหวั่นไหวในปัจจัยต่างๆ มากขึ้น ซึ่งทำให้ต้องระวังแรงขาย

ส่วนปัจจัยภายในประเทศด้านประเด็นทางการเมืองเชื่อว่านักลงทุนจะให้น้ำหนักในเรื่องของการ ผิดกฎหมายของ ส.ส.เข้าไปถือหุ้นในบริษัทเอกชนมากกว่าประเด็นที่ ส.ว.ผ่าน พ.ร.ก. 4 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามคงต้องติดตามผลการประชุมกันต่อไปว่าจะมีบทสรุปออกมาเป็นอย่างไร ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้นักลงทุนถือเงินสดและรอจังหวะการลงทุนที่ดี แต่หากต้องการจะลงทุนจริงๆ ก็ให้รอจังหวะที่ดัชนีฯมีการปรับตัวเด้งขึ้นแล้วรอขาย ซึ่งประเมินแนวรับที่ 550 จุด แนวต้าน 575 จุด

ด้านนายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ซิกโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวานนี้ปรับตัวลดลงตามทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ที่ปรับตัวลดลง 200.72 จุด หลังจากที่ธนาคารโลกได้ปรับลดประมาณการการเติบโตของจีดีพีโลกในปีนี้ว่ามีโอกาสที่จะติดลบมากขึ้นเป็นติดลบ 2.9% จากเดิมที่คาดว่าจะติบลบ 1.7% อีกทั้งนักลงทุนบางส่วนยังไม่มั่นใจกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงเช่นกัน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผล ต่อบรรยากาศการทุนในหุ้นกลุ่มหลักของตลาดหุ้นไทยด้วย

“แนวโน้มวันนี้คาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยอาจมีการฟื้นตัวในช่วงสั้น โดยประเด็นที่ต้องติดตามคือ การประชุมอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 24 มิถุนายน 52 ของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ว่าจะมีบทสรุปออกมาเป็นเช่นไร โดยประเมินกรอบแนวรับที่ 560 จุด แนวต้าน 575 จุด กลยุทธ์แนะนำนักลงทุนเมื่อดัชนีฯปรับตัวขึ้นให้ขายทำกำไร”   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us