|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ยัมฯดึงพิซซ่าฮัทกลับคืนอ้อมอก หลังไม่ต่อสัญญาแฟรนไชส์กับซีอาร์จี ลุยเอง มั่นใจทำเองเร็วกว่า สะดวกกว่า แต่ยืนยันไม่มีปัญหาขัดแย้งกัน ครึ่งปีหลังทุ่มต่ออีก 150 ล้านบาท
นายศรัณย์ สมุทรโคจร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของแบรนด์เคเอฟซีและพิซซ่าฮัท เปิดเผยว่า บริษทแม่ของพิซซ่าฮัทมองเห็นศักยภาพตลาดพิซซ่าในไทย โดยเป็นเพียงประเทศเดียวในเอเชียที่บริษัทแม่ลงทุนเองและมีแฟรนไชส์ รวมทั้งจีนด้วย ขณะที่ประเทศอื่นเป็นการลงทุนโดยแฟรนไชส์ทั้งสิ้น
โดยพิซซ่าฮัทไทยจะเป็นทั้งแม่แบบของธุรกิจหรือฮับให้กับพิซซ่าฮัทในเอเซียทั้งเรื่องการขยายสาขา การพัฒนาเมนู และการลงทุนด้านการตลาด
โดยระยะ 2-3 ปีจากนี้บริษัทฯวางเป้าหมายขยายร้านพิซซ่าฮัทในไทยรวม 200 สาขา จากปัจจุบันที่มีประมาณ 81 สาขา ซึ่งจะเร็วกว่าแผนเดิมวางไว้ที่ 3-4 ปี ในกรณีที่ทั้งบริษัทฯและซีอาร์จียังลงทุนทั้งสองฝ่าย ซึ่งมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในขณะที่บริษัทยัมฯดึงสิทธิ์จากซีอาร์จีกลับมาและเป็นผู้ลงทุนและบริหารพิซซ่าฮัทในไทยเองทั้งหมดแล้ว หลังจากที่ทางกลุ่มซีอาร์จีของเซ็นทรัลได้หมดสัญญาแฟรนไชส์ลงเมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา จะทำให้การทำงาน การลงทุน และการตัดสินใจรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม
“ช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ทางกลุ่มซีอาร์จีลงทุนต่อเนื่อง แต่ก็เปิดสาขาใหม่น้อยมาก เช่น ที่เซ็นทรัลเวิลด์ หรือเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ของกลุ่มเซ็นทรัลเอง แต่ซีอาร์จีก็ไม่ได้เปิดพิซซ่าฮัทแต่อย่างใด”
โดยบริษัทฯซื้อสาขาทั้งหมดจากซีอาร์จี 25 แห่ง แต่ได้ปิดไป 10 แห่ง อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทฯดึงพิซซ่าฮัทกลับมาทำเองทั้งหมด นายศรัณย์ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาหรือทะเลาะกับทางซีอาร์จี ซึ่งยังให้การสนับสนุนกันอยู่ ส่วนแบรนด์เคเอฟซีทางซีอาร์จีก็ยังทำอยู่ไม่มีปัญหา ซึ่งเหตุผล ที่ไม่ได้ต่อสัญญากับซีอาร์จีคือ เราต้องการเห็นพิซซ่าฮัทเติบโตเร็วกว่านี้ เพราะตลาดพิซซ่าในไทยแข่งกันรุนแรง
อีกทั้งซีอาร์จีมีหลายแบรนด์ การที่จะไปโฟกัสแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งหรือพิซซ่าฮัทก็อาจจะลำบาก เลยตกลงให้ยัมทำเอง ซึ่งยอมรับว่าการทำร่วมกันก่อนหน้านี้มีปัญหาตรงที่ การสูญเสียโอกาสจากความล่าช้า เพราะงบประมาณก็ต้องร่วมกัน การจะทำอะไรก็ต้อมีการปรึกษาหารือกันก่อน
อีกทั้งสาขาที่เปิดเดิมส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ของเบอร์เกอร์คิงที่ซีอาร์จีเคยรับลิขสิทธิ์มาแล้วเลิกไป ทำให้บางโลเคชั่นไม่เหมาะสมกับพิซซ่าฮัทเพราะพื้นที่ใหญ่ไป และเบอร์เกอร์คิงเป็นคิวเอสอาร์แต่พิซซ่าฮัทเป็นแคชชวลไดนิ่ง แต่ที่เปิดคราวนั้นเพราะอยู่ในช่วงที่ยัมดึงพิซซ่าฮัทคืนมาจากกลุ่มไมเนอร์และซีอาร์จีมีพื้นที่ก็เลยเปิดเพราะไม่อยากเสียพื้นที่ไป ซีอาร์จีมองคล้ายกับเรา จึงเป็นเหตุผลที่เราเข้าเทคโอเวอร์สาขาจากเขาทั้งหมด
โดยแผนครึ่งปีหลังจะลงทุนอีก 150 ล้านบาท จะเปิดอีก 14 แห่ง จากงบทั้งปี 250 ล้านบาท วางแผนเปิด 20 สาขา เน้นแบบเดลโก้พลัส คือ จุดดีลิเวอรี่แบบมีที่นั่งเล็กน้อย เปิดตามตึกแถว เปิดไปแล้ว 3 แห่งที่ ขอนแก่น พิษณุโลก นครสวรรค์ และงบตลาดครึ่งปีหลัง 80 ล้านบาท จากทั้งปี 150 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกเติบโต 12% ตามเป้าหมาย แบ่งสัดส่วนดีลิเวอรี่ 60% และ 40% นั่งทานในร้านคาดว่าครึ่งปีหลังจะเติบโต 15% ส่วนรายได้ พิซซ่าฮัทจากซีอาร์จีมีสัดส่วน 25% จากรายได้พิซซ่าฮัททั้งหมด
ล่าสุดเปิดสาขาแบบใหม่ด้วยการเข้าไปเปิดครัวในแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บาร์ แอนด์ เรสเทอรองตส์ ร้านอาหารกึ่งผับที่สุขุมวิท 11
|
|
|
|
|