Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน18 มิถุนายน 2552
อิออนยันคุมNPLไม่เกิน2.7-2.8%             
 


   
www resources

โฮมเพจ อิออน ธนสินทรัพย์

   
search resources

อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์), บมจ.
อภิชาต นันทเทิม
Banking and Finance




อิออนมั่นใจคุมหนี้เอ็นพีแอลปีนี้ให้อยู่ในระดับ 2.7-2.8%ได้ ระบุช่วงที่ผ่านมาคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อป้องกันไว้แล้ว หวังครึ่งปีหลังเศรษฐกิจเริ่มกระเตื้องช่วยดันรายได้โต 10% ขณะที่ผู้ถือหุ้นไฟเขียวออกหุ้นกู้ 3 พันล้าน

นายอภิชาต นันทเทิม กรรมการบริหาร บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AEONTS เปิดเผยว่า ในรอบปีบัญชีของบริษัทซึ่งจะสิ้นสุด ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2553 นั้น บริษัทเชื่อว่าจะมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)เโดยเฉลี่ยในระดับ 2.5-3% จากในรอบปีบัญชีก่อนที่อยู่ในระดับ 2.7-2.8% โดยจะเห็นว่าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์โดยรวมเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะปริมาณการใช้จ่ายของผู้บริโภคก็มีแนวโน้มที่ฟื้นตัวขึ้นบ้าง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท

นอกจากนี้ จากสภาวะเศรษฐกิจที่น่าจะดีขึ้นในครึ่งปีหลัง จึงคาดว่ารายได้ของบริษัทในปีนี้จะเติบโตในระดับ 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 9.4 พันล้าน

"หวังว่าสถานการณ์ในครึ่งปีหลังจะมีทิศทางที่ดีขึ้นทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง จากครึ่งปีแรกที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบต่างๆหลายด้าน ดังนั้น ในครึ่งปีหลังจะเป็นตัวชี้สถานการณ์ว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งหากทุกอย่าง ทั้งการเมือง เศรษฐกิจโลกคลี่คลาย ความมั่นใจก็จะกลับมาได้เอง" นายอภิชาตกล่าว

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้อำนวย ซึ่งก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับผู้ให้บริการสินเชื่อทั้งระบบ โดยจะต้องพิจารณาทั้งอาชีพของลูกค้า และฐานเงินเดือน ซึ่งเป็นตัวช่วยแก้ปัญหาเอ็นพีแอลได้พอสมควร อีกทั้ง บริษัทได้มีการปรับตัวล่วงหน้าเพื่อรองรับสถานการณ์มาก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุนและการเพิ่มศูนย์จัดเก็บหนี้ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 4 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพ หาดใหญ่ เชียงใหม่ และขอนแก่น ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทไม่กระทบมากนัก

"ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้ให้ความเข้มงวดในการปล่อยหนี้ในกทม.มากขึ้น เนื่องจากโรงงานหลายแห่งมีการเลิกจ้างงานพนักงานซึ่งปัจจุบันบริษัท มีลูกค้ากว่า 3 แสนราย โดยเป็นลูกค้าต่างจังหวัด 50-52% ที่เหลือเป็นลูกค้าในกทม.

สำหรับการประชุมผู้ถือหุ้นวานนี้ มีมติอนุมัติออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 3 พันล้านบาท โดยหลังจากนี้จะนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทพิจารณาในรายละเอียดรวมถึงช่วงจังหวะเวลาที่นำเสนอขาย โดยเบื้องต้นจะออกทั้งจำนวน 3 พันล้านบาท อายุ 3-5 ปี เพื่อใช้รีไฟแนนซ์และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่มีความจำเป็นเพิ่มทุน เพราะปัจจุบันบริษัทยังมีสภาพคล่องเพียงพอในการขยายกิจการแน่นอน โดยได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากบริษัทแม่

ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทงวด 1 ปีสิ้นสุดวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2552 ที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,192 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดปี 2551 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 1,173 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้แสดงความเห็นว่าแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในการลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตของธนาคารกรุงเทพลง 2% คาดว่าไม่มีผลกระทบในทันทีต่ออันดับเครดิตของหุ้นกู้ภายใต้โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ประเภทกลุ่มลูกหนี้บัตรเครดิตทั้ง 3 โครงการ ซึ่งมีบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน หรือ อิออน อันดับเครดิตภายในประเทศอยู่ที่ "BBB+(tha)"/"F2(tha)" เป็นผู้ขายสิทธิเรียกร้อง เนื่องจากการวิเคราะห์ในการจัดอันดับเครดิตได้ครอบคลุมถึงความเสี่ยงต่างๆ รวมถึงความเสี่ยงจากการลดอัตราดอกเบี้ยในระดับหนึ่งแล้ว นอกจากนี้รายได้จากกลุ่มลูกหนี้และรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย (yield and excess spread) ที่ผ่านมาของทั้ง 3 โครงการยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ถึงแม้ว่าการลดอัตราดอกเบี้ยอาจช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ใช้บัตรเครดิต แต่ภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยในปีนี้น่าจะส่งผลให้อัตราส่วนลูกหนี้ผิดนัด (default rate) เพิ่มขึ้นและอัตราการชำระหนี้คืนรายเดือนเมื่อเทียบกับยอดลูกหนี้ (monthly payment rate) ลดลง โดยฟิทช์ประมาณการณ์การเติบโตของ GDP ประเทศไทยที่ติดลบ 3.8% สำหรับปี 2552

ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตของธนาคารกรุงเทพอาจเพิ่มแรงกดดันให้ผู้บริการบัตรเครดิตรายอื่นทำการลดอัตราดอกเบี้ยตาม ในส่วนของอิออน ผู้บริหารได้ชี้แจงว่าในขณะนี้ทางบริษัทยังไม่มีนโยบายที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตเนื่องจากลูกค้าของบริษัทอยู่ในกลุ่มที่มีรายได้ต่ำและความเสี่ยงสูง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us