7วันตอบได้แค่อยู่ในชั้นศาล! ผู้บริหาร บสท.เพิ่งได้ข้อสรุปหลังมีข่าว "ฟ้องกราวรูด 21 บิ๊ก บสท. ลูกหนี้เล่น กม.อาญายัดคุก!" ตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย. "กัญจนพันธุ์" อ้าง บสท.อมใบหุ้นลูกหนี้ชอบด้วยกฎหมายแต่ไม่สามารถชี้แจงรายละเอียด เพราะอยู่ในชั้นศาล ส่วนกรณีประเคน "ไทยพับลิคพอร์ต" ให้กลุ่มพานิชชีวะ เป็นความร่วมมือของเจ้าหนี้หลายราย ไม่ได้เลือกปฏิบัติ

หลังจากหนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการรายวันและผู้จัดการออนไลน์ ได้เปิดโปงความไม่โปร่งใสในกระบวนการฟื้นฟูหนี้ของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) ที่กระทำต่อนายจิระ รัตนะรัต ประธาน The Siam Chemicals Public Co., Ltd. ผู้ก่อตั้งบริษัท ไทยพับลิคพอร์ต จนถูกฟ้องกลับเนื่องจากลูกหนี้รายนี้เห็นว่า บสท.กลั่นแกล้งอมใบหุ้น ประนอมหนี้สองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติ โดยรายละเอียดเรื่องดังกล่าวได้ถูกตีแผ่ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 52 (ฟ้องกราวรูด 21 บิ๊ก บสท. ลูกหนี้เล่น กม.อาญายัดคุก! ) และวันอังคารที่ 9 มิ.ย.52 (ศาลนัดบสท.ไกล่เกลี่ยลูกหนี้ จิระลั่นลดหนี้เลิก 2 มาตรฐาน)

เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.52 หรือผ่านไปกว่า 1 สัปดาห์ บสท.โดยนายกัญจนพันธุ์ พันธ์สุวรรณ รักษาการกรรมการผู้จัดการ ได้ส่งหนังสือชี้แจงมายังกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการรายวัน ขอบคุณที่ASTVฯ ให้ความสนใจต่อการบริหารงานของ บสท. แต่เนื่องจาก บสท.เห็นว่า เนื้อหาของข่าว อาจมีผลให้ผู้อ่านมีความเข้าใจ บสท. คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงได้ นายกัญจนพันธุ์จึงขอชี้แจงว่า

"ประเด็นที่ลูกหนี้อ้างว่า บสท.ยังไม่ได้คืนหลักประกันใบหุ้นของ บริษัท สยามเฆมี จำกัด (มหาชน) นั้น เนื่องจากเรื่องนี้ นายจิระฯได้กล่าวอ้างและฟ้องร้องดำเนินคดี ซึ่งเป็นคดีความอยู่ในขั้นตอนกระบวนพิจารณาของศาลแล้ว บสท.จึงยังไม่สามารถชี้แจงได้ในขณะนี้ เพราะอาจจะกระทบกับคดี แต่อย่างไรก็ตาม บสท.ขอเรียนว่า การดำเนินการใด ๆ ของ บสท. เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายทุกประการ"

หนังสือชี้แจงอ้างว่า นายจิระ รัตนะรัต เป็นลูกหนี้ที่ บสท.รับโอนหนี้จากสถาบันผู้โอนเดิม ตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บรรษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2544 เนื่องจากนายจิระฯ ได้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ และเจ้าหนี้เดิมได้ดำเนินคดีแพ่งและศาลได้พิพากษาให้ชำระหนี้แล้ว เมื่อ บสท.ได้รับโอนหนี้ดังกล่าวมา จึงได้แจ้งให้ติดต่อและเสนอแนวทางปรับโครงสร้างหนี้ต่อ บสท. แต่ลูกหนี้มิได้เสนอแผนปรับโครงสร้างหนี้ บสท.จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินคดีล้มละลายตามอำนาจหน้าที่ตามที่พ.ร.ก.บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย พ.ศ.2544 ได้กำหนดอำนาจหน้าที่ให้ดำเนินการ

การดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าว เป็นไปตามตามกระบวนการขั้นตอนทางกฎหมายทุกประการ ซึ่งผลคดีจะเป็นเช่นใดเป็นดุลพินิจวินิจฉัยของศาลและยืนยันว่า การที่ บสท.ได้บังคับคดีกับบัญชีเงินฝากของนายจิระฯ เป็นการดำเนินการกระบวนการทางกฎหมายโดยชอบตามหมายบังคับคดีของศาล

ส่วนกรณี บจก. ไทยพับลิคพอร์ต ซึ่งนายจิระอ้างว่า มีความเกี่ยวข้องเป็นผู้บริหารเดิม และผู้ถือหุ้นนั้น นายจิระฯ ไม่ได้เป็นผู้เข้ามาเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับ บสท. และเจ้าหนี้ร่วมแต่อย่างใด เนื่องจาก บจก. ไทยพับลิคพอร์ต เป็นลูกหนี้ที่มีเจ้าหนี้หลายราย (Syndicated Loan) และในการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ บสท.จะพิจารณาตามความสามารถ และเป็นไปตามหลักเกณฑ์บสท. เนื่องจากลูกหนี้รายดังกล่าวเป็นภาระหนี้ Syndicate ดังนั้นการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ และอนุมัติรับแผนปรับโครงสร้างหนี้ รวมถึงการดำเนินการใดๆ ต้องได้รับมติเห็นชอบจากเจ้าหนี้ทุกรายร่วมกัน

สำหรับเรื่องการเพิ่มทุน/ลดทุน หรือการประมูลหุ้น ของ บจก.ไทยพับลิคพอร์ต ซึ่งลูกหนี้อ้างถึงนั้น นายกัญจนพันธุ์อ้างว่า เป็นเรื่องภายในของผู้ถือหุ้น บจก. ไทยพับลิคพอร์ต ที่ดำเนินการเอง เรื่องดังกล่าวไม่ได้กำหนดไว้ในเงื่อนไขในสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แต่อย่างใด บสท.จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการดังกล่าวด้วยแต่อย่างใด

"ท้ายสุดนี้ บสท.ขอเรียนชี้แจงว่า การดำเนินงานของ บสท. มีความชัดเจน โปร่งใสสามารถ ตรวจสอบได้ เป็นไปตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่ง บสท. ยึดเป็นพื้นฐานสำคัญยิ่ง โดยมีแนวทางปฏิบัติอยู่ภายใต้กฎหมายและหลักเกณฑ์ ที่เปิดเผยต่อสาธารณชนทั่วไป" นายกัญจนพันธุ์ระบุ

เป็นที่น่าสังเกตว่าการชี้แจงครั้งนี้ไม่มีข้อมูลรายละเอียดในประเด็นสำคัญ ส่วนใหญ่นายกัญจนพันธุ์จะโบ้ยให้ไปเปิดดูเว็บไซต์ www.tamc.or.th

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว "ASTVผู้จัดการรายวัน-ออนไลน์" ได้รับการร้องเรียนจาก นายจิระ รัตนะรัตน์ ว่า ได้ฟ้องผู้บริหารและบอร์ด บสท.จำนวน 21 ราย ประกอบด้วย นายเชาว์ สายเชื้อ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม อดีตกรรมการผู้จัดการ ธนาคารไทยพาณิชย์ นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ อดีตกรรมการผู้จัดการ บสท. นายกัญจนพันธุ์ พันธุ์สุวรรณ รักษาการกรรมการผู้จัดการ บสท. นายวิชิต ชุมชัยเวทย์ นายปรีชา อาภาวัฒนาสกุล น.ส.ธนษร เพชรแสงใสกุล นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล อดีตปลัดกระทรวงการคลัง รศ.คิม ไชยแสนสุข อธิการบดี มหาวิทยาลัยรามคำแหง ร.ต.คัมภีร์ แก้วเจริญ นายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ นายชัยวัธ มะระพฤกษ์วรรณ กรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทยและประธานสมาคมธนาคารไทย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาสมาคมธนาคารไทย นายวิรัช กฤตผล รองประธานกรรมการ บริษัท มิลเลนเนียม สตีล จำกัด (มหาชน) และนายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)

ที่มาของการฟ้องกลับเนื่องจากนายจิระถูก บสท.ฟ้องล้มละลายแต่ศาลพิพากษายกฟ้อง นายจิระเห็นว่า บสท.รังแกและทำผิดกฎหมายอาญา มาตรา 188 เพราะหลังศาลพิพากษายกฟ้องเงินที่ถูกอายัดเงินประมาณ 96 ล้านบาท มีส่วนที่เกินหนี้ยังไม่ได้คืน ที่สำคัญใบหุ้นที่นายจิระวางเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันจำนวน 1.148 ล้านหุ้น (ประมาณ 11 ล้านบาท) ก็ถูก บสท.ยึดไว้

สำหรับมาตรา 188 ระบุว่า “ ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือ ทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพินัยกรรมหรือเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินห้าปีและปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท"

นายจิระเปิดเผยว่าคดีที่ฟ้องกลับ ศาลรับฟ้องนัดไต่สวนนัดแรกวันที่ 27 ก.ค. 52 อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ ศาลอาญาได้ส่งหนังสือนัดตนและ บสท.ไปไกล่เกลี่ยประนอมยอมความที่ศาลอาญา ในเวลา 13.30น.

"วันพุธหน้า (24) ผมจะดูท่าทีของ บสท.อีกครั้ง หากยังตะแบงไม่ยอมรับความผิด ผมจะฟ้องร้องให้ถึงที่สุด คนพวกนี้สมควรติดคุก ไม่งั้นลูกหนี้อีกหลายรายจะถูกรังแกเหมือนผม ต้องทำให้คดีนี้เป็นตัวอย่าง" นายจิระกล่าว

แบงก์ชาติเย้ยสาวไม่ถึงตัวบอร์ด

แหล่งข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวถึงกรณีที่ลูกหนี้ บสท.ได้ฟ้องร้องนางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธปท.คนปัจจุบัน ซึ่งเป็นหนึ่งในบอร์ด บสท.ด้วยว่า ที่ผ่านมาเคยมีกรณีที่ลูกค้าหรือลูกหนี้ฟ้องร้องคนแบงก์ชาติที่ไปเป็นบอร์ดหน่วยงานต่างๆ ปรากฏว่า ท้ายที่สุดกรณีที่บอร์ดแพ้จากการฟ้องร้อง บอร์ดก็ไม่มีความผิด การเอาผิดที่เกิดขึ้นจริง สามารถลงโทษได้แค่ระดับปฏิบัติการ กรณี บสท.ก็เช่นกัน หากศาลตัดสินว่ามีความผิดต่อลูกหนี้ ก็คงมีแค่พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ที่ถูกลงโทษ

"ตอนนี้ บสท.ยังไม่มีการติดต่อข้อข้อมูลใดๆ มายังแบงก์ชาติ เข้าใจว่าฝ่ายกฎหมาย บสท.จะดำเนินการเอง กรณีจะขอความร่วมมือ เราก็คงส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายให้ไปช่วยประสานงานเท่านั้น" แหล่งข่าวกล่าว