ไทยประกันชีวิตเพิ่งจะผ่านยุคของการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงกว่า 10
ปีที่ผ่านมาและกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ ภายใต้การนำของอภิรักษ์ ไทพัฒนกุลทิศทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
จะเน้นที่ความเติบใหญ่หรือจะเน้นสร้างความแข็งแกร่งภายใน
องค์กรธุรกิจที่มีอายุยืนยาวผ่านการสืบทอดการบริหารจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง
ในแต่ละยุคของผู้บริหารที่เป็นผู้นำองค์กรแต่ละคนนั้นมักจะมีลักษณะพิเศษที่โดดเด่นเป็นยุคต่าง
ๆ กัน
อภิรักษ์ ไทพัฒนกุล เพิ่งจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำไทยประกันชีวิต บริษัทของคนไทยที่มีขนาดใหญ่โตที่สุดในสายธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทย
ยุคของอภิรักษ์ ไทพัฒนกุล หรือที่ใครต่อใครมักเรียกเขาว่า "อาจารย์อภิรักษ์"
จริง ๆ แล้วเป็นยุคที่สืบต่อจากยุคของอนิวรรตน์ กฤตยากีรณ อดีตกรรมการผู้จัดการที่เป็นผู้ฉุดกระชากลากดึงไทยประกันชีวิตจากบริษัทอันดับโหล่สุดทะยานขึ้นสู่อันดับยอดสุดได้ย่างน่าอัศจรรย
์และเป็นที่ยอมรับกันว่ายุคของอินวรรตน์ เป็นยุคที่ไทยประกันชีวิตเติบโตอย่างก้าวกระโดดซึ่งเด่นมาก
ๆ ก็คือด้านการตลาดที่บุกทะลวงถึงไหนถึงกันไปทั่วทิศ
สำหรับอภิรักษ์ เขาจะสร้างสรรค์เอกลักษณ์โดดเด่นเช่นไร่ในยุคของเขา
ทุก ๆ วันกว่าครึ่งปีมานี้ ถ้าไม่มีภารกิจรัดตัว อภิรักษ์ ไทพัฒนกุล จะใช้เวลาที่พอปลีกตัวได้คลุกอยู่กับฝ่ายคอมพิวเตอร์ของบริษัทฯ
แม้จะเป็นเวลาหลังงาน การพักผ่อนบนโต๊ะอาหารเย็นแกล้มเครื่องดื่มช่วยเพิ่มความอบอุ่นก่อนกลับบ้าน
คนที่ดูเหมือนจะต้องนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยสม่ำเสมอก็เห็นจะได้แก่มานิต โฆวินทะ
ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในฝ่ายคอมพิวเตอร์ของไทยประกันชีวิต
เขายอมรับว่าในแต่ละวัน เวลาส่วนใหญ่ที่ถูกใช้ไปมักจะเป็นเรื่องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ระหว่างเขาในฐานะผู้เข้าใจระบบงานของบริษัททุกระบบอย่างลึกซึ้ง กับคนของศูนย์คอมพิวเตอร์
และระบบที่เข้าใจการทำงานของคอมพิวเตอร์อย่างผู้รู้ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความ
"ลงตัว" ในการนำคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยงาน
เขาไม่ปฏิเสธถ้าใครจะให้คำจำกัดความไทยประกันชีวิตในยุคที่เขาขึ้นรับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการว่าเป็นยุคแห่งการพัฒนาตัวเอง
"คอมพิวเตอร์ไรซ์" อย่างสมบูรณ์แบบ
แต่ถ้าจะให้ถูกต้องยิ่งขึ้น ควรเรียกว่ายุค "ไฮเทค"
อภิรักษ์ ไทพัฒนกุล ปีนี้อายุ 45 เขายังมีอายุงานอีกมาพอสมควร และถ้าทุกอย่างดำเนินไปตามแผนที่วางไว้เป็นขั้น
ๆ แต่ละขั้นใช้ระยะเวลา 5 ปี
เขาจะต้องมีโอกาสได้ชื่นชมกับผลงานที่ลงทุนลงแรงไปนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
อภิรักษ์นั้นร่วมงานกับไทยประกันชีวิตตั้งแต่ปี 2518 เขาเป็นศิษย์เก่าคณะวิทยาศาสตร์สาขาคณิตศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยเป็นอาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในช่วงปี
2508 ถึงปี 2511 ก่อนจะได้รับทุน กพ.ไปเรียนต่อปริญญาโทที่สหรัฐฯในปี 2512
โดยเลือกเรียน STATISTICS IN ACTUARIAL SCIENCE ที่มหาวิทยาลัยไอโอวา
"เป็นหลักสูตรปริญญาโททางด้านคณิตศาสตร์ประกันภัย และอาจารย์อภิรักษ์เป็นคนไทยคนแรก
ๆ ที่เป็น A.S.A. (SOCIETY OF ACTURIES) USA. ในแง่ความเป็นนักวิชาการแล้วคนที่เป็น
A.S.A. ทั่วโลกเขายอมรับกันมาก" แหล่งข่าวคนหนึ่งเล่า
กลับจากสหรัฐฯ เปลี่ยนงานตามเงื่อนไขของทุนที่ได้รับจากอาชีพ "เรือจ้าง"
กลายเป็นหัวหน้าฝ่ายประกันชีวิต สำนักงานประกันภัยกระทรวงพาณิชย์ อภิรักษ์ใช้เวลาอยู่ที่นี่
5 ปี ก่อนตัดสินใจตอบรับคำทาบทามจากอนิวรรตน์ กฤตยากีรณ เข้าร่วมงานกับไทยประกันชีวิต
โดยเริ่มต้นจากตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยผู้จัดการ "อาจจะเรียกว่าเป็นเรื่องของความร้อนวิชาและอยากทำงานที่มันท้าทายมากขึ้น
เพราะเป็นข้าราชการสำนักงานประกันภัยอย่างมากก็คอยควบคุมดูแลให้บริษัทประกันชีวิตทุกแห่งทำธุรกิจไปตามกรอบที่ทางการกำหนด
ก็อยากจะลองลงมือทำดูเองบ้าง ก็เลยลาออกโดยก่อนหน้าจะลาออกก็ใช้เวลาหลายปีคลุกคลีกับผู้คนในธุรกิจนี้จนคิดว่าพอจะได้รับการถ่ายทอดประสบการณ์ได้มาพอสมควร
" อภิรักษ์บอกถึงเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจให้ฟัง
ปี 2518 ที่อภิรักษ์เข้าร่วมงานกับไทยประกันชีวิตนั้น ก็น่าจะกล่าวได้ว่าไทยประกันชีวิตเพิ่งจะอยู่ในระยะตั้งไข่ภายหลังวานิช
ไชยวรรณ ซื้อกิจการแห่งนี้เมื่อปี 2513 และดึงอนิวรรตน์ "มือเก่า"
ผู้ผ่านงานประกันชีวิตมาแล้วอย่างโชกโชนเป็นผู้รับผิดชอบซึ่ง 3-4 ปีแรกต้องล้มลุกคลุกคลานพอสมควรและพอจะเริ่มลุกยันขึ้นมาได้เมื่อขึ้นปีที่
5 หรือปีที่อภิรักษ์เข้าไทยประกันชีวิต
ทุกวันนี้ถ้ามีเวลาว่างเขาจะขลุกตัวเองอยู่กับคนของศูนย์คอมพิวเตอร์ เขาไม่ปฏิเสธถ้าใครจะพูดกันว่า
ยุคเขาเป็นยุคที่คอมพิวเตอร์เริ่มเข้ามามีบทบาทอย่างจริงจังในไทยประกันแต่ถ้าจะให้ถูกต้องยิ่งขึ้นเขาอยากจะเรียกมันว่ายุค
"ไฮเทค"
ระยะเวลาอย่างน้อยกว่า 10 ปีที่ไทยประกันชีวิตเติบโตอย่างต่อเนื่องในยุคกรรมการผู้จัดการคือนิวรรตน์
สำหรับอภิรักษ์แล้วเขาเป็นคนหนึ่งที่มีส่วนได้ร่วมดื่มด่ำกับความสำเร็จนี้อย่างใกล้ชิดและเป็นความจริงที่จะต้องยอมรับกันว่า
เบื้องหลังความสำเร็จส่วนหนึ่งเป็นฝีมือของอภิรักษ์เช่นเดียวกับอีกหลาย ๆ
คนที่เป็น "ขุนศึก" หรือ "กำลังรบ" ของผู้นำอย่างอนิวรรตน์
กฤตยากีรณ
เพราะฉะนั้นกับคำถามของบางคนที่มองว่าวไทยประกันฯเติบโตจนยิ่งใหญ่มาก ๆ
ในยุคอนิวรรตน์จะสร้างความหนักใจให้กับอภิรักษ์หรือไม่
"ไม่ได้หนักใจอะไรเลย ผมคิดว่าผมเองเป็นคนหนึ่งที่มีส่วนทำให้มันโตอยู่ด้วย"
อภิรักษืตอบตรงไปตรงมา
ไทยประกันชีวิตในยุคก่อร่างสร้างตัวนั้น มีงานที่จะต้องทำหลายด้าน
จะต้องสร้างทีมขายให้แข็งแกร่ง เพื่อนำสินค้า (กรมธรรม์) ออกสู่ตลาดอย่างกว้างขวาง
จะต้องสร้างระบบควบคุมที่รัดกุมเพียงพอไปพร้อม ๆ กับการเติบโตของกิจการ
และยังมีงานทางด้านการลงทุนที่วานิช ไชยวรรณ รับผิดชอบมาตั้งแต่ต้นจนขณะนี้
"จริง ๆ แล้วก็คือการดึงคนมีฝีมือเข้ามานั่นเอง คุณวานิชตัดสินใจถูกแล้วที่มอบความรับผิดชอบให้กับคุณอนิวรรตน์
เพราะคน ๆ นี้กว้างขวางมากและยังตาถึงในเรื่องการดูคน ความเก่งของคุณอนิวรรตน์ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเลือกคนเก่ง
ๆ เข้ามาร่วมงาน ไทยประกันชีวิตก็เลยโตวันโตคืน" ผู้ที่ทราบประวัติความเป็นมาของบริษัทไทยประกันชีวิตเป็นอย่างดีสรุปให้ฟัง
การสร้างแบบกรมธรรม์ให้มีความโดดเด่นสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ก็ต้องนับเป็นงานสำคัญอีกงานหนึ่งในระยะตั้งตัวและเติบโตของไทยประกันชีวิต
งานส่วนนี้ค่อนข้างเป็นงาน "เทคนิค" ที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ
เปรียบเทียบได้กับฝ่ายสร้างสรรค์และผลิต ที่คิดค้นสินค้าคุณภาพเพื่อให้ฝ่ายขายน้ำเข้าตลาด
ซึ่งถ้าเป็นสินค้าที่ดีเหมาะสมกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายแล้ว งานด้านการตลาดก็จะทรงประสิทธิภาพขึ้น
และอภิรักษ์ในช่วงดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยผู้จัดการคือคนที่ต้องดูแลงานด้านนี้โดยตรง
ซึ่งถ้าการขยายตลาดพร้อมกับเน้นแบบกรมธรรม์หลากหลายมากกว่าใคร ๆ คือที่มาแห่งความสำเร็จของไทยประกันชีวิต
ก็คงจะถูกต้องแล้วที่อภิรักษ์บอกว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่มีส่วนอยู่ในความสำเร็จนั้น
ความเชี่ยวชาญในฐานะนักคณิตศาสตร์ประกันภัยผสมผสานกับประสบการณ์ด้านการตลาดที่สั่งสมจากการเข้าร่วมงานกับไทยประกันชีวิต
แบบกรมธรรมม์จำนวนหลายสิบแบบถกคิดค้นขึ้น แม้เมื่อเร็ว ๆ นี้การตัดสินใจรับประกันชีวิตให้กับทหารในกองทัพบกซึ่งฮือฮากันมากกว่ากล้าทำได้อย่างไร
ก็เป็นผลงานชิ้นโบแดงอีกชิ้นหนึ่งในช่วงที่อภิรักษ์ก้าวขึ้นรับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการแล้ว
"เราจับสถิติมาโดยตลอด และเราคิดว่าเราทำได้ เราอาจจะต้องเสียบ้าง
แต่คิดแล้วจำนวนเงินที่จะต้องเสียไปเปรียบเทียบกับผลดีทางด้านภาพพจน์ ดูแล้วคุ้มมาก
" อภิรักษ์ เปิดเผย
ค่อนข้างจะเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ชัดเจนว่า พร้อม ๆ กับการก้าวขึ้นรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการภายหลังทำหน้าที่รักษาการมาระยะหนึ่งของอภิรักษ์
ไทพัฒนกุลนั้น การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้คืบคลานเข้ามาในไทยประกันชีวิตอย่างเงียบเชียบ
จากยุคที่เติบโตอย่างพรวดพราดตลอดระยะเวลาอย่างน้อย 11-12 ปีที่เป็นยุคของ
อนิวรรต์ซึ่งเน้นการตลาดและแบบประกัน ที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าทุกระดับทั้งรายได้น้อยรายได้ปานกลางจนไปถึงกลุ่มระดับ
"ครีม" ในสังคม
ยุคของอภิรักษ์ ไทพัฒนกุล เป็นยุคที่ไทยประกันชีวิตจะต้องใหญ่อย่างมีประสิทธิภาพและทันสมัยในทุกด้าน
หรือถ้าจะบอกว่าเป็นยุคที่ไทยประกันหันมาให้ความสำคัญกับระบบการจัดการภายใน
การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโดยเฉพาะด้านการให้บริการที่รวดเร็วกับลูกค้าแล้วก็คงจะทำนองนั้น
อภิรักษ์ได้บอกอย่างชัดเจนว่าในอนาคตไทยประกันชีวิต จะเป็นบริษัทที่ทุกระบบงานจะต้องถูกคอมพิวเตอร์ไรซืทั้งหมดและสำนังกานใหญ่ที่กรุงเทพฯกับสาขาทั่วราชอาณาจักรจำนวนกว่า
200 สาขาจะติดต่อสื่อสารกันด้วยระบบ "ออนไลน์" ซึ่งกว่าจะสำเร็จสมบูรณ์ก็คงต้องใช้เวลาพอสมควร
เพราะฉะนั้นในระยะเฉพาะหน้าก็จะเน้นไปที่ระบบงานที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการลูกค้าก่อน
"อย่างเช่นการพิจารณาและออกกรมธรรม์การออกใบเสร็จรับเงินเป็นต้น"
แหล่งข่าววงในคนหนึ่งบอก
ถ้ามองกันในแง่ที่ปัจจุบันไทยประกันชีวิตเติบโตจนมีจำนวนกรมธรรม์ที่ออกไปแล้วกว่า
7 แสนรายและในแต่ละเดือนจะต้องอกใบเรียกเก็บเงินจากลูกค้าผู้ซื้อกรมธรรม์กว่า
3 แสนชุดแล้ว ความพยายามที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของการให้บริการด้วยการคอมพิวเตอร์ไรซ์งานส่วนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะมีความสำคัญและจำเป็นมาก
ๆ
"ไทยประกันนั้นเขาโตขึ้นมาจึงจุดหนึ่งแล้ว คนของเขาก็พัฒนาคุณภาพไปมากแล้ว
โดยเฉพาะงานด้านการตลาดที่จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะไประดมเงินเข้ามาก็มั่นคงมาก
ปัญหาข้างหน้าของเขาก็อยู่ที่ว่าจะต้องเริ่มสร้างความมั่นคงภายใน พัฒนาระบบงานให้มีประสิทธิภาพ
มีความรวดเร็วในการให้บริการและมีความรัดกุมไม่ผิดพลาดการปรับตัวของไทยประกันจริง
ๆ แล้วก็สอดคล้องกับสถานการณ์มากเพราะยุคต่อไปของธุรกิจประกันชีวิตนั้น เป็นยุคที่แต่ละบริษัทฯ
จะต้องเน้นความแข็งแกร่งของระบบการให้บริการลูกค้า" แหล่งข่าวคนหนึ่งให้ความเห็น
การนำคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยงานของไทยประกันชีวิตจริง ๆ แล้วก็มีความเด่นไม่แพ้แนวความคิดในเรื่องนี้
โปรแกรมระบบงานถูกเขียนขึ้นเอง โดยคนของศูนย์คอมพิวเตอร์ด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ที่ล้ำยุค
และแทนที่จะลงทุนกันอย่างมหาศาลด้วยการซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่เข้ามาไทยประกันชีวิตกลับเลือก
"ไมโครคอมพิวเตอร์" ที่ถูกกว่าอย่างมาก ๆ
และดูเหมือนสิ่งที่ไทยประกันคำนึงอย่างที่สุดก็คือ PRICE/PERFORMANCE
"ซึ่งจากการคอมพิวเตอร์ไรซ์ สาขาสำเร็จเป็นบริษัทแรก เรากล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า
ระบบของเราทรงประสิทธิภาพที่สุด ทรงประสิทธิภาพมากกว่าแบงก์ เพราะที่เราทราบมาการใช้ไมโครของแบงก์ราคาของเขาแพงกว่าเรามาก
แล้วทำงานน้อยกว่า ในขณะที่เราถูกกว่าแต่ทำงานได้มาก" อภิรักษ์พูดอย่างภูมิใจ
หลักการใช้คอมพิวเตอร์ของไทยประกันชีวิตเป็นหลักการที่นำไมโครคอมพิวเตอร์ไปติดตั้งทุกสาขา
และยัดระบบไมโครเน็ทเวิร์ค 4-5 สาขาเชื่อมโยงเข้าด้วยกันเป็น "พวง"
ก็จะเชื่อมโยงเข้าหากันอีกชั้นหนึ่ง การกระจายออกไปเช่นนี้ ทำให้จำนวนข้อมูลแทนที่จะทะลักเข้ามาจัดเก็บ
และประมวลผลภายใต้เครื่องใดเครื่องหนึ่งที่อาจจะมากจนต้องลงทุนเพิ่มเพื่อขยายขีดความสามารถของเครื่อง
ข้อมูลก็จะกระจายกันไปอยู่ตามสาขาต่าง ๆ และพร้อมที่จะถ่ายเทข้ามจากสาขาหนึ่งไปอีกสาขาหนึ่ง
หรือจากสาขาเข้าสำนักงานใหญ่หรือสำนักงานใหญ่ไปสาขาผ่านระบบการสื่อสารที่เชื่อมโยงไว้
อภิรักษ์ดูเหมือนจะเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า ระบบไมโครเน็ทเวิร์คของไทยประกันชีวิตเป็นระบบที่ทันสมัยและไม่เคยมีใครทำกันมาก่อน
และสำคัญกว่านั้นก็คือลงทุนไม่มาก อีกทั้งไม่ใช่เป็นการลงทุนหนักเพียงครั้งเดียวอย่างเช่นบางองค์กร
แต่ค่อย ๆ ลงตามจำนวนสาขาที่พร้อมจะคอมพิวเตอร์ไรซ์
และนี่กระมังที่อภิรักษ์อยากจะให้เรียกยุคของเขาว่าเป็นยุค "ไฮเทค"
อภิรักษ์ ไทพัฒนกุล ทุกวันนี้ยังคงคร่ำเคร่งอยู่กับงานของเขาอย่างสนุกสนาน
เขาใช้เวลาช่วงเช้าและอาจต่อไปถึงบ่ายในการปฏิบัติงานประจำวันที่ต้องอนุมัติและลงนามเอกสารที่จะส่งเข้ามาเป็นแฟ้ม
ๆ เขาบอกว่าพื้นฐานความเป็นนักคริตศาสตร์ประกันภัยที่จับงานสายประกันชีวิตมานับสิบ
ๆ ปีส่งผลให้การตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องการงานประกันชีวิตเป็นไปอย่างฉับไว
ส่วนงานที่ต้องลงแรงค่อนข้างหนักก้คือการเข้าไปแก้ไขระบบเพื่อให้เกิดความคล่องตัวของทุกฝ่ายโดยเฉพาะในฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าโดยตรง
เขาเลิกงานจริง ๆ ราว 2 ทุ่มและกลับถึงบ้างไม่เคยต่ำกว่า 3 ทุ่มทุกคืน
ยามว่างเขาชอบทำสวนแต่งบ้านและเล่นหมากรุกและที่ชอบที่สุดก็คือการอ่านหนังสือโดยเฉพาะหนังสือคอมพิวเตอร์
วันอาทิตย์เป้ฯวันที่ให้กับครอบครัวเป็นวันของเขากับภรรยา ถิระวรรณและลุกชาย
2 หญิง 1 ซึ่งถ้าไม่ช่วยกันจัดสวนแต่งบ้านก็จะออกไปช้อปปิ้งข้างนอกและนาน
ๆ ครั้งจะออกไปต่างจังหวัด
นอกจากตำแหน่งกรรการผู้จัดการไทยประกันชีวิต อภิรักษ์ยังมีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทไทยประกันสุขภาพที่เป็นบริษัทในเครือ
ส่วนในด้านสังคม เขาเป็นกรรมการร่างหลักสูตรการสอนของคณะสถิติประยุกต์ที่นิด้า
เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของนิสิตปริญญาโทที่จุฬาฯ สอนหนังสือหลายมหาวิทยาลัย
เป็นนายกสมาคมคณิตศาสตร์ประกันภัยแห่งประเทศไทยและเพิ่งจะได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมประกันชีวิต