|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ไออาร์พีซีจ่อพับโครงการยูโร 4 แต่หันมาใช้วิธีแลกเปลี่ยนน้ำมันกับโรงกลั่นอื่นๆในเครือ ปตท.แทน โดยรอจังหวะเศรษฐกิจดี ความต้องการใช้น้ำมันสูงขึ้นค่อยตัดสินใจลงทุนใหม่ เผยดำเนินงานไตรมาส 2 กำไรสูงกว่าไตรมาส 1 เนื่องจากมาร์จินปิโตรเคมีดีกว่า แถมกำไรจากสต๊อกน้ำมันหนุน ยิ้ม"พิชัย"นั่งกก.บอร์ดจะทำให้บริษัทฯมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นายบรรลือ ฉันทาดิศัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่บริษัทฯจะตัดสินใจไม่ลงทุนโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันตามมาตรฐานยุโรป (ยูโร 4) เงินลงทุนประมาณ 100 กว่าล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากคุ้มค่ากว่าหากพิจารณาภาพรวมความต้องการใช้น้ำมันในประเทศแล้วพบว่ากำลังการผลิตน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศเกินความต้องการใช้ หากทุกโรงกลั่นลงทุนปรับปรุงคุณภาพยูโร 4 ทั้งหมด ก็จะต้องส่งออกน้ำมันยูโร 4 บางส่วนไป ซึ่งตลาดส่งออกไม่ต้องการน้ำมันชนิดนี้ ทำให้ไม่ได้ราคาส่งออกที่ดี
ดังนั้น เบื้องต้นไออาร์พีซีจะใช้วิธีแลกเปลี่ยนน้ำมันสำเร็จรูปกับโรงกลั่นอื่นๆในเครือปตท.แทน หลังจากนั้นหากความต้องการใช้น้ำมันในประเทศเพิ่มสูงขึ้น ก็จะตัดสินใจลงทุนโครงการปรับปรุงน้ำมันมาตรฐานยูโร 4 แทนก็ไม่สายเกินไป
ก่อนหน้านี้ นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในไออาร์พีซี ได้แสดงความเห็นว่าไออาร์พีซีไม่ควรจะลงทุนโครงการยูโร 4 แต่ใช้วิธีการแลกเปลี่ยนน้ำมันกับโรงกลั่นในเครือปตท.แทน ซึ่งจะช่วยประหยัดการลงทุน และไม่ต้องส่งออกน้ำมันเกรดยูโร 4
"ขณะนี้บริษัทฯยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะลงทุนโครงการยูโร 4 หรือไม่ แต่หากมองภาพรวมตลาดน้ำมันพบว่ากำลังการกลั่นโดยรวมยังเกินความต้องการใช้ในประเทศอยู่ หากทุกโรงกลั่นลงทุนยูโร 4 ก็จะต้องมีการส่งออกบางส่วนซึ่งตลาดไม่ต้องการน้ำมันชนิดนี้ ดังนั้น เราอาจเลื่อนการลงทุนออกไปก่อนจนกว่าตลาดจะฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งอาจจะลงทุนทำทั้งหมดหรือบางส่วนที่เราขายน้ำมันในประเทศก็ได้ ทั้งนี้หากจะตัดสินใจลงทุนยูโร 4 ก็จะต้องเริ่มดำเนินการก่อสร้างเพื่อให้ทันกับการบังคับใช้ในปี 2555"
นายบรรลือ กล่าวต่อไปว่า ส่วนโครงการปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันที่จะต้องใช้เงินลงทุน 620 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเพิ่มกำลังกลั่นน้ำมันจาก 2.15 แสนบาร์เรลเป็น 2.62 แสนบาร์เรล/วันนั้น ก็ต้องเลื่อนโครงการนี้ไปก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย เนื่องจากโครงการนี้จะเหมือนกับโครงการPQIของโรงกลั่นบางจากที่จะปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีน้ำมันหนัก (น้ำมันเตา)ออกมาน้อย และได้น้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น ซึ่งเดิมราคาน้ำมันเตาจะต่ำกว่าน้ำมันดิบมากทำให้โรงกลั่นไม่สามารถกลั่นได้เต็มที่ และมาร์จินของน้ำมันใสจะสูงมาก แต่ปัจจุบันพบว่ามาร์จินของน้ำมันใสลดลง และราคาน้ำมันเตาก็ต่ำกว่าน้ำมันดิบไม่มาก
ปัจจุบันแม้ว่าโรงกลั่นน้ำมันไออาร์พีซีกลั่นอยู่ที่ 1.6 แสนบาร์เรล/วัน แต่ก็เดินโรงงานปิโตรเคมีเต็มที่ โดยมีการนำเข้าวัตถุดิบคือ โพรพิลีนจากต่างประเทศเข้ามาใช้ในโรงผลิตเม็ดพลาสติกพีพี ขณะเดียวกันก็ขายเอทิลีนไปให้โรงงานผลิตแอลดีพีอีของบมจ.ทีพีไอโพลีนบางส่วนด้วย ซึ่งไตรมาสนี้ มาร์จินจากปิโตรเคมีค่อนข้างดีเมื่อเทียบไตรมาส 1/2552
โดยส่วนต่างมาร์จินของเม็ดพลาสติกกับแนฟธาอยู่ที่ 500-600 เหรียญสหรัฐ/ตันแม้ว่าความต้องการบริโภคเม็ดพลาสติกในประเทศจะอ่อนตัวลง แต่ก็ไม่ลดลงมากเมื่อเทียบกับการประมาณการณ์ในช่วงปลายปีที่แล้ว
ส่วนค่าการกลั่นในขณะนี้ประมาณ 3-4 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบจากไตรมาส 1/2552 แต่เชื่อว่าไตรมาส 2 นี้บริษัทฯจะมีรายได้และกำไรสุทธิสูงกว่าไตรมาสแรกของปีเดียวกันที่มีรายได้ 2.66 หมื่นล้านบาทและกำไรสุทธิ 1.62 พันล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ทำให้มีกำไรจากสต็อกน้ำมันบางส่วน และมาร์จินของปิโตรเคมีดีขึ้น
"ในครึ่งปีหลังเชื่อว่าราคาน้ำมันจะไม่แย่ลงไปกว่านี้ ส่วนราคาปิโตรเคมีนั้นมีแนวโน้มที่มาร์จินจะอ่อนตัวลง เนื่องจากมีกำลังการผลิตใหม่จากตะวันออกกลางเข้ามา แต่บริษัทฯก็เร่งหาตลาดใหม่เพิ่มขึ้นด้วย"
สำหรับกรณีที่นายพิชัย ชุณหวชิร จะเข้ามาเป็นกรรมการอิสระในไออาร์พีซีนั้น นายบรรลือ กล่าวว่า นายพิชัย เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ จะเข้าช่วยปรับปรุงบริษัทฯให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งในปีนี้ไออาร์พีซีไม่มีแผนจะกู้เงินหรือออกหุ้นกู้เพิ่มเติม เนื่องจากบางโครงการได้ชะลอการลงทุนไป ขณะที่โครงการอื่นๆก็เดินหน้าโดยมีแหล่งเงินทุนเพียงพออยู่แล้ว ปัจจุบันบริษัทมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA) 2,000 กว่าล้านบาท
|
|
|
|
|