Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน17 มิถุนายน 2552
เงินหมื่นล้าน$ทะลักEM             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน จำกัด

   
search resources

อเบอร์ดีน, บลจ.
Funds




บลจ.อเบอร์ดีนเผย เม็ดเงินทะลักเข้าตลาดเกิดใหม่แล้วกว่าหมื่นล้านเหรียญ อานิสงส์นักลงทุนพร้อมใจ ควักเงินสดออกมาลงทุน หลังมั่นใจต่อเศรษฐกิจโลก แม้ปัจจัยพื้นฐานยังไม่ดีขึ้น หุ้นกลุ่มไอทีและพลังงานพุ่งแรงสุด ประเมินตลาดเอเชีย ยังไปได้ต่อได้อีกในระยะยาว แม้ราคาหุ้นขยับขึ้นสูงแล้ว แนะจับจังหวะเข้าลงทุน หากราคามีการปรับฐาน

นายคริสโตเฟอร์ หว่อง ผู้จัดการกองทุนในทีมตราสารทุนเอเชีย กลุ่มอเบอร์ดีน เปิดเผยถึง ภาวะตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) ทั่วโลกว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ มีอัตราการเติบโตสูงว่าตลาดหุ้นของประเทศที่พัฒนาแล้ว 3-4 เท่า แต่เมื่อเกิดวิกฤตสถาบันการเงินขึ้นมา ตลาดของประเทศเกิดใหม่ก็ปรับตัวลงไปอย่างแรงเช่นเดียวกัน แต่ขณะนี้หลังจากผ่านไตรมาสแรกของปีนี้ นับตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา ตลาดหุ้นของประเทศเกิดใหม่เริ่มปรับตัวขึ้นมาอย่างมากขณะที่ความผันผวนในตลาดก็เริ่มน้อยลง โดยมีเงินทุนไหลเข้าในตลาดประมาณ 1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ และเมื่อเทียบกับในช่วงเวลาเดียวกันประเทศที่พัฒนาแล้วมีเงินทุนไหลออกไปจากตลาด 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

โดยดัชนี MSCI Emerging Market นั้น ได้ชี้ให้เห็นว่าหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ มีการปรับตัวขึ้นมาอย่างแรงมากเมื่อเทียบกับในช่วงก่อนหน้าที่ลดลงไปอย่างมาก เนื่องจากประเทศผู้ส่งออกสินค้าเหล่านี้ เช่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง ได้รับผลกระทบจากการส่งออกไปยังหรัฐฯ ขณะที่ราคานํ้ามันที่เริ่มปรับตัวขึ้นนั้น เป็นอีกตัวหนึ่งที่ทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นไปด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นผลมาจากตลาดเริ่มมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ส่วนหุ้นในกลุ่มการอุปโภคบริโภคนั้นยังไม่ดีเท่ากับหุ้นในกลุ่ม เทคโนโลยีสารสนเทศ และกลุ่มพลังงาน

ทั้งนี้ เหตุที่ตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศเกิดใหม่น่าลงทุนนั้น เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีประชากรจำนวนมาก ทำให้การอุปโภคบริโภคภายในประเทศจึงมีสูง ขณะเดียวกันยังมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและสอดคล้องกันในระดับประเทศและระดับองค์กรธุรกิจ อีกทั้งประเทศเหล่านี้มีศึกษาถึงปัญหาทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา เพื่อป้องกันตนเองและมีการเน้นไปที่การลดภาระหนี้สินต่างๆ รวมทั้งปัจจัยในเรื่องของการส่งออกจำนวนมากด้วยเช่นกัน

ขณะเดียวกัน ในเรื่องของอัตราการออมนั้น กลุ่มประเทศเกิดใหม่มีอัตราการออมที่มากกว่าเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว รวมทั้งเรื่องของการกู้เงินของภาคเอกชนนั้น มีการกู้ในระดับที่ไม่สูงนัก เนื่องจากมีงบดุลอยู่ในระดับดี ทำให้สถาบันการเงินสามารถปล่อยกู้เงินที่มีอยู่ได้ทันทีซึ่งต่างจากในสหรัฐฯและยุโรปที่ต้องกู้เงินมาและทำการปล่อยกู้อีกทีหนึ่ง

นายคริสโตเฟอร์ หว่อง กล่าวต่อว่า สำหรับราคาหุ้นของประเทศเกิดใหม่ที่มีราคาแพงนั้น มาจากราคาซื้อเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับหุ้นของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งหุ้นบางกลุ่มมีราคาสูงจากฐานราคาในอดีตและตัวเลขผลประกอบการที่อยู่สูง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของตลาดหุ้นและการลงทุนในประเทศเกิดใหม่นั้น มีปัจจัยทางเทคนิคอีกมากที่สามารถช่วยหนุนตลาดหุ้นของประเทศเกิดใหม่ให้ปรับตัวขึ้นมาได้ในช่วงสั้นๆ ได้แก่ การที่ผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่ได้มีการถือเงินสดไว้จำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา และนำเงินกลับเข้าลงทุนในตลาดหุ้นเมื่อเห็นว่าตลาดเริ่มมีแนวโน้มที่ปรับตัวขึ้น

ขณะเดียวกันนโยบายการเงินของโลกที่ผ่อนคลายลง ส่งผลให้เกิดสภาพคล่องในระบบและไหลเข้าสู่การลงทุนในตราสารทางการเงิน รวมทั้งความมั่นใจของนักลงทุนที่มีมากขึ้น หลังจากมีข่าวเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งสะท้อนมาจากตัวเลขรายได้ของภาคธุรกิจในไตรมาสแรกของปีนี้ที่ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ภาวะตลาดดังกล่าวยังเทียบไม่ได้กับภาวะตลาดในช่วงที่อุปสงส์ปรับตัวขึ้นมาจากเรื่องของปัจจัยพื้นฐานอย่างแท้จริง

"เราอยากเห็นปัจจัยพื้นฐานที่เริ่มดีขึ้นซึ่งจะทำให้หุ้นปรับตัวขึ้นไปอีก และหากหุ้นปรับตัวลงไปอีกก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่จะเข้าลงทุน เพราะเรามองว่าในระยะ 3-5 ปีต่อจากนี้ หุ้นของกลุ่มประเทศเกิดใหม่จะโตต่อไปได้อีก"ผู้จัดการกองทุนในทีมตราสารทุนเอเชีย ระบุ

นอกจากยังกล่าวเสริมอีกว่า ในเรื่องของราคาหุ้นประเทศเกิดใหม่ทั่วโลกนั้น หุ้นของประเทศเกิดใหม่ในเอเชียขณะนี้ราคาขึ้นไปมากและมีราคาสูงกว่าประเทศเกิดใหม่ในตะวันตกประมาณ 15-16เท่า และยังเชื่อว่าในระยะยาวแล้วจะมีเงินไหลเข้าลงทุนในประเทศเกิดใหม่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งผู้จัดการกองทุนจำนวนมากยังถือเงินสดกันอยู่ ถ้ามองตามเทคนิคแล้วหากบริษัทต่างๆเริ่มมีสถานการณ์ที่ดีขึ้น เชื่อว่าจะมีเงินทุนไหลเข้าไปลงทุนในภูมิภาคเอเชียได้อีก โดยเศรษฐกิจของโลกในปัจจุบัน มีการเข้าลงทุนอยู่ในตลาดเกิดใหม่มากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงมีเรื่องของความผันผวนเข้ามากระทบอยู่บ้างตามปกติของตลาดเกิดใหม่

สำหรับการลงทุนในหุ้นของประเทศเกิดใหม่นั้น คริสโตเฟอร ์ หว่อง ระบุว่า ทาง บลจ. อเบอร์ดีน ให้นํ้าหนักการลงทุนไปที่เอเชียและกลุ่มประเทศละตินอเมริกาเป็นหลัก โดยในกลุ่มละตินอเมริกานั้นมีสัดส่วนการลงทุนอยู่ประมาณ 26%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us