|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บลจ.นครหลวงไทย เดินหน้าขายกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ต่อเนื่อง ตั้งเป้าอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 กองทุน ล่าสุด ปรับกลยุทธ์ หันลงทุนในสกุลเงินวอนแทน หลังผลตอบแทนกลับมาอยู่ระดับใกล้เคียงกัน ด้านพอร์ตกองทุนหุ้น ใส่เงินลงทุนเต็มสัดส่วนในหุ้นประมาณ 20-30 ตัว ระบุตลาดหุ้นไทยเป็นขาขึ้นตั้งแต่ต้นปีแล้ว ลุ้นมีโอกาสปรับขึ้นไปถึงระดับ 700 จุดได้
นางศันสนีย์ หุตานุวัตร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าออกกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่อง แต่ได้เปลี่ยนการลงทุนจากพันธบัตรสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นการลงทุนในสกุลเงินวอนของประเทศเกาหลีเอง เนื่องจากมีการยกเว้นภาษีและการลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ มีอัตราผลตอบแทนที่ลดลงจนอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับการลงทุนในสกุลเงินวอนแล้ว
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้จะมีอัตราผลตอบแทนลดลงมาอย่างต่อเนื่อง จากช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาผลตอบแทนอยู่ที่ 5% ต่อปี ปัจจุบันลดลงเหลือประมาณ 2.6% ต่อปีเท่านั้น แต่ผลตอบแทนยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยและผลตอบแทนพันธบัตรในประเทศ
นอกจากนี้ นักลงทุนหมดความกังวลเรื่องความเสียงในการผิดนัดชำระหนี้ (Credit Default Swap :CDS) ของรัฐบาลเกาหลีใต้ จากการลงทุนในพันธบัตรสกุลเงินวอนแล้ว จากเดิมที่กังวลว่าจะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม จึงทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่กล้าที่จะลงทุนในตราสารสกุลเงินวอน แต่หลังจากเหตุการณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่กังวลไว้ ประกอบกับผลตอบแทนพันธบัตรสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลง จึงทำให้นักลงทุนสนใจลงทุนในตราสารสกุลเงินวอนเพิ่มขึ้น
“การลงทุนในสกุลเงินวอนไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งก่อนหน้านี้เราลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าสกุลเงินวอน แต่ปัจจุบันผลตอบแทนของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลง ส่วนหนึ่งเกิดจากค่าเงินที่อ่อนค่าลง ซึ่งความเสี่ยงของค่าเงินสกุลเงินวอนนั้นมีเพียงเกาหลีใต้ปิดประเทศไม่ให้นักลงทุนเอาเงินออกนอกประเทศเท่านั้น และเรื่องนี้คงเป็นไปได้ยาก” นางศันสนีย์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม โอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้จะเริ่มน้อยลงแล้ว จากเดิมมีส่วนต่างเมื่อเทียบกับในไทยประมาณ 3-4% แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 1% ทำให้ความน่าสนใจเริ่มลดลง แต่ทั้งนี้เราก็ยังมีแผนที่จะออกกองทุนเกาหลีอย่างต่อเนื่อง จากต้นปีออกไปแล้วประมาณ 10 กว่ากอง และจากนี้ไปคงมีอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 กอง รวมถึงแผนออกกองอสังหาริมทรัพย์อีกหนึ่งกอง
ส่วนการที่ภาครัฐมาจะออกตราสารหนี้มาระดมทุนจากประชาชน บริษัทจะรอดูว่าจะภาครัฐจะเสนอผลตอบแทนสูงหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่พันธบัตรออมทรัพย์ของภาครัฐอนุญาตให้รายย่อยเข้าลงทุนก่อน และไม่อนุญาตให้นักลงทุนสถาบันเข้าลงทุน โดยที่ผ่านมาผลตอบแทนของตราสารหนี้เคลื่อนไหวประมาณ 0.30 – 0.40% ต่อวัน ซึ่งนับว่าเป็นปริมาณผลตอบแทนที่มาก และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เข้ามาแทรกแซง แต่กลับไม่สามารถช่วยได้มากนัก
นางสาววรรณจันทร์ อึ้งถาวร ผู้จัดการกองทุน บลจ.นครหลวงไทย กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้ปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นให้มากขึ้น เนื่องจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจและหุ้นมีราคาถูก ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ไม่ได้แย่มากนัก แต่ทั้งนี้ต้องระมัดระวังปัจจัยที่อาจจะเกิดขึ้น หากสถานการณ์ไม่ดีอาจจะมีการขายออกไปเพื่อสร้างกำไรได้ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ที่ซื้อไว้ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นแล้ว
“สัดส่วนการลงทุนในกองหุ้นเรา Fully ไปนานแล้ว โดยลงทุนประมาณ 20-30 ตัว เนื่องจากเรามองภาวะตลาดหุ้นเป็นขาขึ้นมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว แต่ทั้งนี้ต้องระวังปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงเริ่มฟื้นตัว แม้ว่าราคาหุ้นจะถูก แต่สัดส่วนราคาต่อกำไร (PE) ยังแพง” นางสาววรรณจันทร์ กล่าว
ทั้งนี้ ประเมินว่าดัชนีตลาดหุ้นจะขึ้นไปถึงระดับ 700 จุดได้ โดยพิจารณาจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 52 และช่วงครึ่งปีแรกของปี 53 ที่จะฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจในปีนี้ได้ปรับลดลงไปถึงจุดที่ต่ำสุดแล้ว โดยมองระดับแนวรับที่ 550 จุด
อย่างไรก็ดี ภาวะตลาดหุ้นช่วงนี้ยังมีความผันผวนอยู่บ้าง เนื่องจากการเก็งกำไรของนักลงทุน อาจส่งผลทำให้ดัชนีปรับลดลงได้บ้าง ดังนั้นสำหรับนักลงทุนที่ไม่มีหุ้นอยู่ในพอร์ตเลยและยังไม่กล้าเสี่ยงในตลาดหุ้น แนะนำว่าอย่าเพิ่งเข้าไปซื้อตอนนี้ ส่วนนักลงทุนที่ชอบความเสี่ยง แนะให้เป็นการลงทุนระยะยาวและเลือกหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลที่ดี
ขณะที่ราคาหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นที่ยังได้ปรับตัวขึ้นไปมากนัก เช่น หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อการ บันเทิง และโรงไฟฟ้า ส่วนโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่แพร่ระบาดในปัจจุบันยังไม่ได้ส่งผลกระทบตลาดหุ้นมากนัก โดยที่ผ่านมา เมื่อเกิดไข้หวัดนกส่งผลกระทบแค่ระยะสั้นเพียง 3 เดือนเท่านั้น และสามารถผ่านจุดนั้นมาได้
|
|
|
|
|