|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เพาเวอร์ไลน์ฯ ปรับแผนรับงานขนาดเล็กในประเทศและขยายงานในการ์ต้าเพิ่ม หลังงานประมูลขนาดใหญ่ในประเทศลดตามภาวะเศรษฐกิจ หวังประคองรายได้ใกล้เคียงปีก่อน 9.14 พันล้านบาท เผยมีงานในมือกว่าหมื่นล้านบาท ทยอยรับรู้ต่อเนื่องถึงปี 54 แจงน้ำมันแพงกระทบน้อยเพราะป้องกันความเสี่ยงไว้แล้ว
นายเสวก ศรีสุชาต ประธานกรรมการ บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PLE เปิดเผยว่า ในปี 52 แนวทางการบริหารงานของบริษัทคงจะเน้นเข้าร่วมประมูลโครงการภาคเอกชนขนาดเล็กในประเทศและขยายงานในประเทศการ์ต้า เพื่อทดแทนรายได้จากโครงการประมูลขนาดใหญ่ในไทยที่เริ่มน้อยลง ตามภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและชะลอตัวหลังเกิดวิกฤตทางการเงินลุกลามทั่วโลก
" ภาพรวมธุรกิจรับเหมาปีนี้ถือว่าค่อนข้างชะลอตัวลงหรือซบเซามากกว่าปี 51 และการลงทุนขนาดใหญ่จากทางภาคเอกชนน้อยลงเพราะสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา จึงทำให้ตอนนี้เราจำเป็นต้องปรับแนวทางรับงานมาเป็นโครงการขนาดเล็กมากขึ้น พร้อมทั้งเตรียมจะขยายการรับงานในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศการ์ต้า เนื่องจากมองประเทศดังกล่าวยังคงมีการลงทุนอยู่อย่างต่อเนื่อง" นายเสวกกล่าว
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (backlog) แบ่งออกเป็น โครงการประเทศไทยมูลค่า 6-7 พันล้านบาท จากโครงการ เช่น โครงสร้างอาคารสูงจำนวน 3 ตึกของ IDEO และโครงการในต่างประเทศ อาทิ โครงการสร้างอาคารต่าง ๆ ในประเทศการ์ต้าประมาณ 7 พันล้านบาท ซึ่งงานในส่วนดังกล่าวจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องไปจนถึงปี 54
สำหรับ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างเนื่องจนไปยืนเหนือระดับ 60 ดอลลาร์สหรัฐ/บาเรลล์นั้น ส่งผลกระทบบ้างเล็กน้อย เพราะมีการป้องกันความเสี่ยงในการรับงานในโครงการต่าง ๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนต้นทุนวัตถุดิบโดยเฉพาะราคาเหล็กที่ปรับลงมาจากเดิมที่เคลื่อนไหวขึ้นลงค่อนข้างแรงนั้นไม่ได้มีผลดีอะไรมากเพียงแต่ให้ PLE สามารถคำนวณต้นทุนในการรับงานได้ชัดเจนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจ ทางบริษัทได้ถือโอกาสที่เกิดขึ้น ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพของพนักงาน โดยจะเริ่มมีการตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานทุกคน และประเมินว่ามีใครทำได้หรือต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้หรือไม่ ซึ่งถ้าหากใครไม่ผ่านก็จะให้ออกจากงานเพื่อเป็นการลดต้นทุนในการบริหาร พร้อมกับตั้งเป้าปี 52 จะมีรายได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 9.14 พันล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/52 ยังไม่สามารถคาดเดาได้
อนึ่ง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 52 มติงดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น หลังผลประกอบการสิ้นปี 51 (ตั้งแต่ 1 มกราคม 51 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 51) ปรากฏว่าขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 251.51 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่กำไรสุทธิ 98.80 ล้านบาท หรือลดลง 350.31 ล้านบาท หรือคิดเป็น 354.57% ผลจากบริษัทมีรายได้ในการรับงานลดน้อยลงและต้นทุนวัตถุที่ใช้ในการบริหารสูงขึ้น
|
|
|
|
|