Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน12 มิถุนายน 2552
เปิดผลสำรวจบิ๊กบอสบริษัทเบรกลงทุน-ท่องเที่ยวหัวทิ่ม             
 


   
www resources

โฮมเพจ สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย

   
search resources

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย - TMA
Investment




บริษัทระดับแนวหน้ารายได้สูงประเทศไทย 412 แห่ง ชี้เศรษฐกิจไทยปีหน้ายังหัวทิ่มจากเศรษฐกิจโลกและการเมืองกดดัน ภาคเอกชนพร้อมใจลดการลงทุน-ลดค่าใช้จ่ายไม่เว้นการปลดหนักงาน ชี้อุตสาหกรรมหนัก-เบา ค้าปลีก โรงแรมท่องเที่ยวเจ๊กอั๊ก มีเพียงภาคการเกษตรดาวรุ่ง

วานนี้ (11 มิ.ย.) สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ร่วมกับสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัท มาร์เก็ตไว้ส์ จำกัด ได้ทำการสำรวจความคิดเห็น ผู้บริหารระดับสูง 412 บริษัทจากจำนวน 1,000 บริษัทระดับแนวหน้า มีรายได้สูงสุดของประเทศไทย ในหัวข้อผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกต่อธุรกิจในประเทศไทย ในระหว่างวันที่ 11 มีนาคม -11 พฤษภาคม 2552

นางดารณี เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาร์เก็ตไว้ส์ จำกัด กล่าวว่า การสำรวจความคิดเห็นผู้บริหารระดับสูง ตำแหน่งระดับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประธาน รองประธาน กรรมการผู้จัดการ ฯลฯ จำนวน 412 บริษัท มีมุมมองด้านเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจว่า ธุรกิจไทยในปีหน้ามีแนวโน้มในทิศทางลบมากขึ้น ทั้งนี้เป็นผลจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกถดถอยตั้งแต่ปี 2551 ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจในประเทศไทย

การสำรวจในปีนี้มีผู้บริหาร 87% ที่เห็นว่าธุรกิจในประเทศไทยในอีก 1 ปีข้างหน้า หรือในปี 2553 จะเป็นไปในทิศทางลบ ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นมากจากการสำรวจในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ 49% โดยผู้บริหารเห็นว่าทิศทางของธุรกิจประเทศไทยในปีหน้า ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกอย่างสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และความมั่นคงทางการเมืองมากขึ้นกว่าในปีที่ผ่านมา

ในช่วงไตรมาส 1 และ 2 ของปี 2552 การสำรวจความคิดเห็นผู้บริหาร 76% เปิดเผยว่า องค์กรของตนได้รับผลกระทบในระดับที่ค่อนข้างสูงจนถึงสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมเบา เช่น ผู้ผลิตอุปกรณ์ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ ผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้พลาสติก ตลอดจนธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และขนส่ง และคาดว่าปีหน้าอุตสาหกรรมเบา จะยังไม่ดีขึ้น และยานยนต์ค่อนข้างไม่ดี

ส่วนอุตสาหกรมหนัก ได้แก่ ผู้ผลิตเหล็ก ปิโตรเคมี พลังงาน และกลุ่มโรงแรม ท่องเที่ยว ค้าปลีก เทคโนโลยีสารสนเทศ อสังหาริมทรัพย์ ในช่วงไตรมาส 1 และ 2 ได้รับผลจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกค่อนข้างมาก ขณะที่สินค้าอุปโภคบริโภค ธนาคาร การเงิน สื่อ โฆษณา บันเทิง มีผลกระทบค่อนข้างน้อย และภาคเกษตรกรรมได้รับผลกระทบน้อย

พร้อมทั้งคาดการณ์ว่าปีหน้ากลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ สินค้าอุปโภคบริโภค ธนาคาร การเงิน สื่อ โฆษณา บันเทิง สถานการณ์ธุรกิจเริ่มอยู่ในระดับปานกลาง โดยมีภาคการเกษตรกรรม เป็นธุรกิจเดียวที่มีทิศทางจะดีขึ้นในปีหน้านี้ ขณะที่อุตสาหกรรมหนักปีหน้า โรงแรม ท่องเที่ยว ค้าปลีก และอสังหาริมทรัพย์ แนวโน้มค่อนข้างไม่ดี และธุรกิจที่ปรึกษา มีแนวโน้มไม่ดี

ลดต้นทุนรับมือเศรษฐกิจไม่ฟื้น

นางดารณี กล่าวต่อว่า บริษัทหรือองค์กรต่างๆ ให้ความคิดเห็นว่า องค์กรต้องรับบทหนักเพื่อรับมือจากผลกระทบดังกล่าว ด้วย 4 แนวทาง คือ การลดค่าใช้จ่ายถึง 80 บริษัท จากจำนวน 412 บริษัท ตามการเพิ่มประสิทธิภาพดำเนินงาน 68 บริษัท ลดการลงทุน 39 บริษัท และเน้นความสามารถหลักขององค์กร 35 บริษัท และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร มี 18 บริษัทเลือกวิธีการลดจำนวนพนักงาน

นอกจากนี้การสำรวจในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2547 พบว่า คุณลักษณะธุรกิจที่ควรปรับปรุงและพัฒนาเพื่อให้ประสบความสำเร็จ และมีแนวโน้มว่าเพิ่มขึ้น ได้แก่ การมีบรรษัทภิบาล การบริหารจัดการทางการเงินที่ดี และวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล จะเป็นทางรอดภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นการบริหารจัดการที่ไม่ต้องใช้งบลงทุน เมื่อเทียบกับการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ บริการพนักงาน และนวัตกรรมและเทคโนโลยี ลดลง เพราะเป็นส่วนที่ต้องใช้งบลงทุน

นายปรีชา เชาวโชติช่วง ประธานสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย หรือทีเอ็มเอ เปิดเผยว่า สมาชิกของสมาคมการจัดธุรกิจฯ กว่า 1,000 บริษัท ส่วนมากยังไม่มั่นใจว่าเศรษฐกิจจะฟื้นได้เร็ว และยังมีความระมัดระวังการบริหารการเงิน อย่างไรก็ตามมองว่าผู้ประกอบการไทยควรปรับตัว เร่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และสร้างความแตกต่าง ขณะเดียวกันภาครัฐบาล ควรเป็นผู้ขับเคลื่อนสำคัญในการเร่งพัฒนาระบบคมนาคม เพื่อผลักดันซัพพลายเชนให้ประเทศไทยให้ดีขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน การลดต้นทุน และขนส่งสินค้าได้รวดเร็ว

สำหรับโครงการ“Thailand Corporate Excellence Survey 2008” ได้จัดทำรางวัล 8 สาขา ได้แก่ ความเป็นเลิศด้านผู้นำ สินค้าบริการ การตลาด บริหารการเงิน ความรับผิดชอบสังคม นวัตกรรมและการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ การจัดการทรัพยากรบุคคล การพัฒนาบริหารจัดการขององค์กร โดยความคิดเห็นจาก 412 บริษัท มี 14 องค์กรที่ได้รับการเสนอชื่อ ได้แก่ บริษัทโออิชิ กรุ๊ป เข้าชิงรางวัลความเป็นเลิศด้านการตลาด ครั้งแรก ธนาคารไทยพาณิชย์ ด้านการตลาดและด้านนวัตกรรม และความเป็นเลิศผู้นำ ส่วนโตโยต้าและปูซีเมนต์ เข้าชิง 5 รางวัล เป็นต้น.   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us