|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“พานาโซนิค” มองบวก ลั่นปีนี้กอบกู้ยอดขายคืน หวังโต 10% หลังวูบเป้าไป 20% ปีที่แล้ว ยอมรับตลาดไทยหินมาก เปิดแผนบุกมุ่งเน้นยอดขายและกำไรมากกว่าแชร์ พร้อมรับนโยบายบริษัทแม่ วางรากฐานไทยเป็นฐานผลิตสำคัญ เผยออร์เดอร์ต่างประเทศเริ่มไหลเข้าแล้ว
นายฮิโรทากะ มุราคามิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท พานาโซนิค ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทยเป็นตลาดที่ยากมาก การแข่งขันเรื่องราคาค่อนข้างรุนแรง และเป็นตลาดที่ให้ส่วนลดสินค้ามากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่เคยบริหารมา ส่งผลต่อมาร์จิ้นของผู้ประกอบการลดลงด้วย ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทฯโดยรวม ในส่วนของการขายในรอบปีบัญชีที่แล้ว (เม.ย. 2551 – มี.ค. 2552 ) ตกลง 20% หรือมีรายได้ประมาณ 17,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ามีอัตราการเติบโตไว้ 10% ซึ่งจะมาทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศรวมกัน มั่นใจว่าจะสามารถทำได้ เพราะภาพรวมของเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น การเมืองไทยเริ่มมีความมั่นคงมากขึ้น อีกทั้งบริษัทฯก็มีแผนที่จะให้ผลตอบแทนเพื่อเป็นแรงจูงใจในการขายให้กับพนักงาน ซึ่ง 3 เดือนแรกนี้บริษัทฯเติบโต 5% ส่วนครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโต 15% และคาดว่าทั้งปีจะโต 10% ตามเป้าหมายได้ โดยในปีนี้บริษัทฯมุ่งเน้นยอดขายและผลกำไรมากกว่า ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดสินค้านั้นก็มีการเพิ่มขึ้นบางกลุ่ม
“ปีที่แล้วเราต้องปรับตัว โดยลดต้นทุนการผลิตในโรงงาน เพราะเราขึ้นราคาสินค้าไม่ได้ ส่วนระดับโลกก็ปรับตัวด้วยการมองหาสถานที่ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ในการผลิตมากขึ้น และวางเป้าหมายระดับโลกโดยให้แต่ละประเทศนำไปปรับใช้ คือ ผลิตภัณฑ์จะต้องประหยัดพลังงาน ตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2555 จะต้องส่งสินค้าประหยัดพลังงานมากถึง 80% ลงตลาด และลด ปริมาณ ซีโอทูในโรงงานประมาณ 3 แสนตันต่อปีทั้งโลก ส่วนที่ไทยจากทั้งหมด 11 โรงงาน ตั้งเป้าลดปริมาณซีโอทู ลง 10,000 ตันต่อปี” นายฮิโรทากะกล่าว
แผนตลาดในประเทศไทย ปีนี้คือ 1.เน้นผลิตภัณฑ์ที่เป็นตัวแฟลกชิบ เช่น แอร์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า กล้องภาพนิ่ง เป็นต้น ด้วยการออกสินค้าใหม่ๆต่อเนื่อง 2.การเน้นช่องทางการขายใหม่ๆ เช่น บีทูบี และการขายตรงเข้าโครงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนช่องทางขายแบ่งเป็น บีทูบี 10% ดีลเลอร์ 40% และช่องทางห้าง 50%
ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เพราะเมื่อพิจารณาจากจำนวนประชากรกับอัตราการครอบครองผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าของคนไทยแล้วยังต่ำมาก เช่น แอร์ มีการครอบครองทั่วประเทศเพียง 16% เครื่องทำน้ำอุ่นประมาณ 12% กล้องประมาณ 9% เท่านั้นเอง โดยจะใช้งบการตลาดปีนี้ประมาณ 10% จากยอดขายหรือประมาณ 1,800 ล้านบาท เน้นไปที่บีโลว์เดอะไลน์ 60% ส่วนอโบฟเดอะไลน์ 40% จากปีที่แล้วที่เป็น 50%-50%
นายฮิโรทากะ กล่าวต่อว่า สำหรับช่องทางที่เป็นร้านเอ็กซ์คลูซีฟชอปนั้นปัจจุบันมี จำนวน 11 สาขา ซึ่งจะเป็นร้านที่ขายเฉพาะแบรนด์พานาโซนิคเท่านั้น ส่วนจะเพิ่มสาขาหรือไม่นั้นอยู่ที่ความสนใจของดีลเลอร์เพราะว่าดีลเลอร์จะเป็นผู้ลงทุน
สำหรับส่วนแบ่งตลาดสินค้าของพานาโซนิค ในหลายกลุ่มที่เป็นผู้นำตลาดนั้นเช่น เครื่องทำน้ำอุ่น มีแชร์ 55% เครื่องเป่าผมมีแชร์ 36% แบตเตอรี่มีแชร์ 83% โทรศัพท์ไร้สาย 22% เครื่องแฟ๊กซ์มีแชร์ 36% เป็นต้น
ส่วนตลาดส่งออก เริ่มมีออร์เดอร์จากต่างประเทศไหลเข้ามาแล้วตั้งแต่เดือนเมษายนประมาณ 15% ซึ่งมั่นใจว่าจะมีรายได้จากการส่งออกประมาณ 60,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มี 52,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทแม่ให้ไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์การผลิตที่สำคัญแห่งหนึ่งของพานาโซนิคทั่วโลก เช่น แบตเตอรี่ หม้อหุงข้าว เครื่องซักผ้า ตู้เย็น เป็นต้น
ภายหลังจากที่หลายโรงงานทั่วโลกได้ปิดตัวลง ซึ่งเมื่อปีที่แล้วพานาโซนิคไทยได้ใช้งบประมาณไปมากกว่า 3,100 ล้านบาท ในการเพิ่มไลน์และขยายโรงงานการผลิต ล่าสุดเมื่อต้นปีนี้พานาโซนิคไทยได้ส่งอุปกรณ์หลักๆคือ โมเดลและแผงวงจรไฟฟ้าสำหรับทีวีพลาสม่าไปตลาดยุโรปแล้ว ทั้งนี้ตลาดที่เติบโตมากขึ้นคือ ตลาดยุโรป ซึ่งเมื่อปีที่แล้วมีสัดส่วนเพียง 5% แต่คาดว่าปีนี้จะมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 40% ตลาดญี่ปุ่น 15% ตลาดเอชเอ 25% และที่เหลืออื่นๆ สาเหตุที่ไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญเนื่องจากว่า 1.ระบบสาธารณูปโภคที่พร้อม 2.เรื่องของการสนับสนุนจากทางรัฐบาลผ่านทางบีโอไอ 3.เรื่องค่าแรงของคนไทย 4.เรื่องแนวความคิด
กรณีที่พานาโซนิคเข้าซื้อกิจการของซันโยในต่างประเทศนั้น นายฮิโรทากะ กล่าวเพียงว่า เรื่องนี้ยังไม่มีมีความชัดเจน ยังเป็นเรื่องของขั้นตอนกฎหมายอยู่ และ ยังไม่มีการดำเนินการอะไร
|
|
|
|
|