|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นายกสมาคมประกันชีวิตไทยแย้มพร้อมเข้าลงทุนหากรัฐออกพันธบัตรระดมเงิน ระบุมีสภาพคล่องเพียงพอ แต่ต้องหารือถึงรูปแบบพันธบัตร อายุ และผลตอบแทนให้เหมาะสม ด้านผลการดำเนินงานโดยรวมยังน่าพอใจ เติบโตสวนกระแส ล่าสุดเพิ่มความคุ้มครองประกันสุขภาพรวมไข้หวัดใหญ่ 2009 พร้อมเร่งเพิ่มตัวแทนรุกตลาดภาคอีสาน
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัด กล่าวในฐานะนายกสมาคมประกันชีวิตไทย ถึงกรณีที่รัฐบาลจะออกพันธบัตรเพื่อระดมเงินมาลงทุนในโครงการต่างๆ ว่า ขณะนี้สภาพคล่องที่หมุนเวียนอยู่ในธุรกิจประกันชีวิตนั้น ก็อยู่ในระดับสูง จึงมีความพร้อมในการลงทุนหากทางรัฐบาลต้องการที่จะระดมเงินทุน แต่ก็จะต้องมีการหารือกันถึงรูปแบบ ระยะเวลา รวมถึงผลตอบแทนอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตามปกติแล้ว บริษัทประกันก็มีการลงทุนในตราสารหนี้ต่างๆในจำนวนที่มากอยู่แล้ว โดย 80-90%ของเงินลงทุนก็จะลงทุนในพันธบัตรและตราสารหนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อหรือหารือกันในเรื่องนี้กับทางการแต่อย่างใด
'ในฐานะของนายกสมาคมประกันชีวิตผมพูดได้เลยว่าเราพร้อมที่จะเข้าไปลงทุน แต่คงต้องมีการเจรจากันในรายละเอียด จะให้เราเข้าไปคุยก็ได้ หรือจะมาคุยกับเราก็ได้ โดยต้องหารือเรื่องอายุของการลงทุน เนื่องจากเงินที่ได้จากธุรกิจประกันชีวิตส่วนใหญ่เป็นเงินระยะยาว แม้ว่าระยะเวลาของกรมธรรม์ในช่วงหลังๆจะลดลงบ้างแล้วก็ตาม แต่ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นเงินออมระยะยาวอยู่ดี ซึ่งระยะเวลาที่เหมาะสมก็น่าจะเป็น 10 ปี หรือ 15 ปี ส่วนด้านตลาดทุนนั้น แม้ว่าจะมีสัดส่วนการลงทุนในระดับที่ต่ำ แต่ขณะนี้ก็เป็นอีกช่องทางที่น่าพิจารณาเนื่องจากราคาหุ้นในตลาดอยู่ในระดับต่ำ'
สำหรับผลการดำเนินงานภาพรวมยังเติบโตได้ดีช่วงไตรมาสแรกเบี้ยประกันเติบโตประมาณ 14% ส่วนของบริษัทเมืองไทยประกันชีวิตก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยช่วง 5 เดือนแรกของปี มีเบี้ยประกันเพิ่มขึ้น 25% ขณะที่เบี้ยประกันใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 30% ซึ่งถือว่าสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ประชาชนหันมาสนใจการออมผ่านการประกันชีวิตมากขึ้น
เพิ่มความคุ้มครองหวัด 2009
นอกจากนี้ ล่าสุด บริษัทยังได้ปรับเพิ่มผลประโยชน์สัญญาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพ หากผู้เอาประกันภัยซื้อความคุ้มครองจากสัญญาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพ และเข้ารับการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในของโรงพยาบาลเนื่องจากเจ็บป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิด เอ 2009 เอช 1 เอ็น1 ในระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2552 ถึง วันที่ 31 สิงหาคม 2552 บริษัทจะจ่ายเพิ่มผลประโยชน์เพิ่มเติมของสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพวงเงินแน่นอน และสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่าย เป็นจำนวน 3 เท่า ตลอดจนปรับเพิ่มผลประโยชน์มรณกรรมของกรมธรรม์ที่มีสัญญาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพแนบท้ายอยู่ กรณีเสียชีวิต จากสาเหตุโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิด เอ 2009 เอช 1 เอ็น 1 บริษัทฯ จะเพิ่มผลประโยชน์มรณกรรมของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีสัญญาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพที่มีผลบังคับอยู่แนบท้ายอยู่ อีก 25% สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยมีกรมธรรม์ประกันชีวิตมากกว่าหนึ่งกรมธรรม์ ผลประโยชน์มรณกรรมจะเพิ่มให้เฉพาะกรมธรรม์ที่แนบสัญญาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพที่มีผลประโยชน์มรณกรรมสูงสุดเพียงกรมธรรม์เดียว
'เมืองไทยประกันชีวิตเอง ตระหนักถึงความสำคัญของการมีสุขภาพที่ดีของประชาชนชาวไทยทุกคน ตลอดจนเล็งเห็นว่าโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 นั้น กำลังแพร่ระบาดในขณะนี้ และเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้เอาประกัน'
เนื่องจากบริษัทจึงตระหนักถึงความสำคัญของวิธีการเบื้องต้นเพื่อป้องกันปัญหาการติด เชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 โดยได้จัดทำภาพยนตร์โฆษณา 3 เรื่อง ได้แก่ ชุด ล้างมือ 15 วินาที ชุดทิชชู 15 วินาที และชุด หน้ากาก 15 วินาที เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการป้องกันโรคเบื้องต้นจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้แนวคิด 'สุขภาพดีของคุณ คือ ความสุขของเรา'โดยจะออกอากาศทางโทรทัศน์ทุกสถานี
รุกเพิ่มตัวแทนลุยตลาดภาคอีสาน
สำหรับแผนงานของบริษัทในช่วงต่อไปนั้น จะเน้นเพิ่มและพัฒนาด้านตัวแทนขาย โดยใน ปีนี้ตั้งเป้าจะเพิ่มตัวแทนเป็น 25,000 คน พร้อมทั้งพัฒนาศักยภาพของตัวแทน โดยจัดทำโครงการ 1 อำเภอ 1 สำนักงานตัวแทน เพื่อให้สามารถ เข้าถึงลูกค้าได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในปีนี้ที่บริษัทจะมุ่งเน้นขยายตลาดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้มากขึ้น หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากภาคเหนือมาแล้ว ซึ่งบริษัทจะพยายามจัดสรรผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม และเพิ่มตัวแทนในภาคดังกล่าวเป็น 2,000 คน จากปัจจุบันที่มีอยู่ 1,000 กว่าคน
|
|
|
|
|