|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ซัสโก้หนุนรัฐเลิกอุ้มแอลพีจีทั้งภาคครัวเรือนและขนส่ง แนะให้กลไกราคาตลาดเป็นตัวบีบให้ประชาชนประหยัด หลังยอดการใช้แอลพีจีในภาคขนส่งขยับเพิ่มสูงขึ้น ด้านปตท.วางแผนนำเข้าแอลพีจีเพิ่มขึ้นอีก โดยเดือนหน้าจ่อนำเข้าสูงถึง 8 หมื่นตัน
นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามสหบริการ จำกัด (มหาชน)หรือซัสโก้ เปิดเผยว่า หากนโยบายรัฐไม่ต้องการตรึงราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี)ต่อไป โดยจะปล่อยให้เป็นไปในทิศทางตลาดโลกนั้น ย่อมส่งผลกระทบต่อยอดการใช้แอลพีจีในภาคการขนส่งและอุตสาหกรรมลดลงแน่นอน เพียงแต่จะมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับราคาแอลพีจีที่จะปรับขึ้นมา
ซึ่งในความเห็นส่วนตัวเห็นด้วยที่รัฐจะปล่อยให้ราคาแอลพีจีปรับขึ้นตามกลไกตลาด และไม่ควรอุ้มราคาแอลพีจีในภาคครัวเรือนด้วย เนื่องจากจะเกิดปัญหาการลักลอบนำก๊าซแอลพีจีครัวเรือนไปใช้ในภาคขนส่งเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายต่อชีวิต ควบคุมได้ยาก และยังลดภาระของภาครัฐด้วย
ขณะนี้ยอดการใช้แอลพีจีในภาคขนส่งได้เพิ่มสูงขึ้นมาตั้งแต่เดือนพ.ค.หลังจากราคาน้ำมันขยับสูงขึ้น เพราะเมื่อเปรียบเทียบราคาน้ำมันแก๊สโซฮฮล์ 95 กับแอลพีจีพบว่าราคาแอลพีจียังถูกกว่ามาก ซึ่งยอดขายแอลพีจีของปั๊มซัสโก้ขณะนี้ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.5 แสนลิตร/เดือน/ปั๊ม จากต้นปีนี้ที่ยอดขายลดลงมาก เนื่องจากราคาน้ำมันถูกทำให้คนหันไปใช้น้ำมันมากขึ้นแทนแอลพีจีทำให้ยอดขายลดลงไป 50%เมื่อเทียบกับช่วงที่น้ำมันสูงถึงลิตรละ 40 บาทพบว่าปั๊มแอลพีจีของซัสโก้บางแห่งมียอดขายสูงถึง 3-4 แสนลิตร/เดือน/ปั๊ม
"หากมีการปรับขึ้นแอลพีจีทั้งภาคครัวเรือนและขนส่งไปไปพร้อมกัน ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากเมื่อเทียบกับน้ำมัน ที่มีปริมาณการใช้สูงกว่ามาก ซึ่งตนเองเห็นว่าไม่ควรอุ้มราคาก๊าซฯในภาคครัวเรือน แต่ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด ทำให้เกิดการประหยัดในการใช้หากราคาสูงขึ้น โดยมองว่าปีนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่น่าจะเกิน 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล "
แหล่งข่าวจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.มีแผนนำเข้าแอลพีจีปริมาณ 6.6 หมื่นตัน แต่เมื่อประเมินดูสถานการณ์ความต้องการใช้แล้วอาจจะปรับลดลงเหลือ 2 ลำเรืออยู่ที่ 4.4 หมื่นตัน และเดือนถัดไปอาจจะมีการนำเข้าแอลพีจีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8.8 หมื่นตัน คงต้องประเมินการใช้แอลพีจีเป็นรายวันเพื่อไม่ให้ผิดพลาด ซึ่งการนำเข้าแอลพีจีที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงนี้เนื่องจากความต้องการใช้ภายในประเทศทั้งภาคขนส่งและอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับราคาน้ำมันโลกที่ปรับสูงขึ้น โดยราคาแอลพีจีนำเข้ามาอยู่ที่ตันละ 400 กว่าเหรียญสหรัฐ ทำให้รัฐต้องอุดหนุนราคาส่วนเกินที่สูงกว่าราคาควบคุมในประเทศหากสถานการณ์ความต้องการใช้แอลพีจีในประเทศไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ยืนยันว่าจะไม่มีปัญหาการตึงตัวเหมือนปีก่อนที่ผู้ค้าก๊าซฯไม่มีแอลพีจีจำหน่าย ขณะเดียวกันโรงแยกก๊าซฯและโรงกลั่นน้ำมันยังไม่มีแผนหยุดซ่อมบำรุงในช่วงนี้ด้วย
|
|
|
|
|