LPN สร้างกระแสคอนโดฯฮอต ยุคเศรษฐกิจฝืด เปิดขาย ลุมพินี คอนโดทาวน์ รามอินทรา-นวมินทร์1,088 ยูนิต หมดเกลี้ยงภายใน 1 ชั่วโมง ผู้บริหารระบุแม้วิกฤตเศรษฐกิจแต่ประชาชนยังต้องการที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะราคา 7-8 แสนบาท/ยูนิต พร้อมชูจุดแข็งด้านการบริหารชุมชนด้วยแนวคิด “ชุมชนน่าอยู่”
ปรากฏการณ์ประชาชนแห่ซื้อคอนโดมิเนียมในกรุงเทพเริ่มกลับมาให้เห็นอีกครั้งหลังจากที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อ 3-4 ปีก่อนหน้านี้ ปัจจุบันการขายคอนโดฯในหลายโครงการดูเหมือนจะเป็นเรื่องยาก บางรายถึงขั้นไปไม่รอดต้องเอาห้องชุดที่สร้างเสร็จแล้วมาทำโปรโมชั่นขายลดราคากันสุด แต่บางรายยอดขายไม่ถึงเป้าสร้างโครงการไม่ได้ต้องคืนเงินลูกค้า และถึงขั้นฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลก็มีให้เห็น
ใช่ว่าการพัฒนาโครงการคอนโดฯในยุคเศรษฐกิจฝืดจะเป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะมีหลายโครงการที่แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองฝุ่นตลบก็ยังสร้างกระแสแรงไม่หยุดขายหมดในวันเดียว สะท้อนให้เห็นว่ากำลังซื้อยังมีเพียงแต่รอความมั่นใจ และโครงการนั้นโดนใจผู้ซื้อเพียงใด ล่าสุดปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในโครงการ “ ลุมพินี คอนโดทาวน์ รามอินทรา-นวมินทร์ " ของบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ แอล.พี.เอ็น.
โดยนายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. เปิดเผยถึงบรรยากาศการเปิดขายโครงการดังกล่าว เมื่อที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า หลังจากที่ L.P.N. ได้เริ่มทำกิจกรรมทางการตลาดเพื่อโฆษณาโครงการดังกล่าว และเปิดรับบัตรคิวได้เพียง 1 สัปดาห์ก็ได้รับความสนใจจากประชาชนจำนานมาก โดยมียอดบัตรคิวสูงที่สุด ถึง 5,000 ใบ และสามารถปิดการขายภายในวันเดียว 1,088 ยูนิต ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ลบสถิติการขายโครงการ “ลุมพินี คอนโดทาวน์ บดินทร์เดชา–รามคำแหง ที่ปิดการขาย 1,200 ยูนิตภายใน 3 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้การขายโครงการประสบความสำเร็จทั้งๆ ที่สภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะวิกฤติเนื่องจากความต้องการที่อยู่อาศัยที่ยังคงมีอยู่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ LPN กับคอนโดมิเนียมในราคา 7–8 แสนบาท ที่ไม่มีผู้ประกอบการรายใดเข้ามาพัฒนาในตลาดนี้เลย ถึงแม้ว่าทำเลของโครงการนี้จะไม่อยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้าแต่ก็สามารถเดินทางสะดวก เมื่อประกอบกับจุดเด่นของโครงการที่เป็นอาคารสูง 25 ชั้น รวมถึงความเชื่อมั่นในแบรนด์และจุดแข็งด้านการบริหารชุมชนด้วยแนวคิด “ชุมชนน่าอยู่” ซึ่งเป็นสิ่งที่ LPN ให้ความสำคัญตั้งแต่เริ่มต้นพัฒนาคอนโดมิเนียมมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้สามารถพิสูจน์วิสัยทัศน์ของผู้บริหารและทีมงานให้เห็นเป็นรูปธรรม ด้วยจำนวนผู้มายื่นบัตรคิวเกินความต้องการหลายเท่าตัว
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ LPN สร้างมิติใหม่ให้วงการอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมย่านสุขุมวิท 41 ในชื่อโครงการลุมพินี สวีท สุขุมวิท 41 จำนวน 159 ยูนิต มีผู้สนใจเข้าแถวรับบัตรคิวตั้งแต่เที่ยงคืนก่อนเปิดขาย 1 วัน และใช้เวลาขายภายใน 3 ชั่วโมง รวมทั้งการเปิดขายโครงการลุมพินี วิลล์ พหล-สุทธิสาร จำนวน 861 ยูนิต, โครงการลุมพินี เพลส พหล-สะพานควาย จำนวน 1,093 ยูนิต และเฟสแรกของโครงการลุมพินี คอนโดทาวน์ บดินทร์เดชา-รามคำแหง จำนวน 1,200 ยูนิต ที่สามารถปิดการขายได้ภายในเวลาที่รวดเร็วเช่นเดียวกัน
สำหรับผู้ที่พลาดหวังจากการจอง ลุมพินี คอนโดทาวน์ รามอินทรา–นวมินทร์ ในเฟสแรก แต่ยังคงมีความต้องการซื้อ บริษัทฯ จะเก็บบัตรคิวไว้เพื่อให้สิทธิ์ในการหย่อนบัตรคิวก่อนเพื่อซื้อเฟส 2 ในวันที่ 20 มิ.ย. ทั้งนี้ในช่วงเดือนกรกฎาคม และสิงหาคม จำนวน 2 โครงการ คือ โครงการลุมพินีวิลล์ ราษฎร์บูรณะ-ริเวอร์วิว มีจุดเด่นคือทุกห้องสามารถเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้จากห้องนั่งเล่นและห้องนอน และลุมพินี วิลล์ ปิ่นนเกล้า ซึ่งทั้ง 2 โครงการเป็นการออกแบบห้องชุดรูปแบบใหม่สไตล์ LPN Design
อนันดาขาย 4 วัน 60%
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทได้จัดงาน Opening Party เปิดตัวโครงการ IDEO MORPH 38 - The Emergence of 6-D Living ระหว่างวันที่ 28-31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ถือว่าได้ผลตอบรับที่ดีมียอดจองสูงกว่า 60% ในช่วง 4 วัน ทั้งนี้จุดเด่นของ IDEO MORPH 38 คือการดีไซน์ห้องมีรูปแบบ Double Volume มีความสูงจากพื้นถึงเพดาน floor to ceiling สูงเกินกว่ามาตรฐาน 2 เท่า ส่วนห้องนอนถูกยกเป็นสเต็ป โดยใช้ความสูงของห้องทางด้านบนวาง plan ในรูปแบบ Mezzanine บริเวณด้านล่างมีพื้นที่ใช้สอยได้เต็มพื้นที่
ทั้งนี้ โครงการ IDEO MORPH 38 ประกอบด้วย 2 อาคาร มูลค่ารวม 2,700 ล้านบาท โดยส่วนที่เปิดขายในช่วง ที่ผ่านมา คือ ตึก A เป็นอาคารสูง 10 ชั้น จำนวน 162 ยูนิต มูลค่ากว่า 700 ล้านบาท โดยมีลักษณะเด่น คือ ทุกห้องเป็นแบบ Double Volume สะท้อนคอนเซป 6-D Living ราคาเริ่มต้นที่ 3.1 ล้านบาท และตึก B สูง 32 ชั้น จำนวน 199 ยูนิต บนพื้นที่กว่า 3 ไร่ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท
|