คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ.) กำลังสึกษาอัตราภาษีที่เหมาะสมที่จะจัดเก็บสำหรับกิจการที่ได้รับการส่งเสริม
รวมทั้งระยะเวลาที่จะขยายอกไปโดยไม่กระทบกระเทือนต่อกิจการที่ผู้ได้รับการส่งเสริม
ซึ่งทางบรรษัทการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอฟซี แนะว่าไทยควรจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลของผู้ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน
ตั้งแต่ระดับต่ำสุดจนถึงระดับสูงสุดของอัตราภาษีที่ไทยเก็บ โดยใช้วิธีจัดเก็บจากอัตราน้อยที่สุดก่อนและทยอยเพิ่มขึ้นเรื่อย
ๆ จนกระทั่งเก็บได้เต็มเพดานปกติ และให้ขยายเวลาในการส่งเสริมแก่เอกชนให้มากขึ้น
นอกจากนั้น บีโอไอ.ยังได้ทำการศึกษาบทบาทของสำนักงานในอนาคตด้วย และคาดว่าเมื่อถึงระยะหนึ่ง
ไทยอาจหมดยุคของการส่งเสริมการลงทุนก็เป็นได้ ซึ่งอาจทำให้บทบาทของสำนักงานลดลง
และจากข้อมูลที่ได้ก็สรุปได้ว่าควรจะทำหน้าที่เป็นศูนย์ข้อมูลทางธุรกิจที่สำคัญสำหรับเอกชน
และชักชวนนักลงทุนต่างประเทศให้มาร่วมทุนในไทยให้มากขึ้น และขณะนี้ทางสำนักงานก็ได้เริ่มดำเนินการไปบ้างแล้ว
โดยเฉพาะกับนักธุรกิจต่างประเทศ ที่มีการติดต่อเข้ามาตลอดเวลา