Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2530








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2530
"ผมไม่อยากให้บรรยากาศรับจ้างเขียนข่าวเหมือนในอดีตกลับมาอีก"             
 


   
search resources

News & Media




ถ้าพูดถึงพัฒนาการของธุรกิจข่าวนั้น แต่แรกข่าวจะออกมาในลักษณะข่าวราชการ ทางราชการมีอะไรก็แจ้งให้ชาวบ้านทราบ เช่น ราชกิจจานุเบกษา ต่อมารัฐยอมให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเองหรือคนอื่น ๆ ทำข่าวในลักษณะที่แตกต่างไปจากข่าวราชการโดยปกติ ข่าวจึงเริ่มมีลักษณะ CONTROVERSIAL มีข้อโต้แย้งซึ่งทำให้น่าติดตาม เช่น ข่าวเรื่องข้อกล่าวหารัฐมนตรีบางคนที่เกี่ยวข้องกับบัญชีเงินฝากธนาคารในต่างประเทศ เป็นข่าวที่ต้องพิสูจน์ต้องติดตาม การติดตามข่าวเริ่มเป็นนิสัยของคนในสังคมที่ต้องหาซื้อมาเพื่อให้เกิดความคิดที่ก้าวหน้าทันสมัย ธุรกิจข่าวก็เริ่มเกิดขึ้น

เมื่อพิจารณาถึงลักษณะประชากรประกอบ เมืองเติบโตขึ้น ลักษณะของสังคมชนบทที่เป็นสังคมค่อนข้างนิ่งอยู่กับที่ เมื่อจำนวนประชากรมากขึ้นสภาพการไหลเวียนพบปะที่เรียก INTERACTION เกิดขึ้น ก็ทำให้เกิดกิจกรรมในสังคมต่าง ๆ ซึ่งเป็นข่าวได้ เช่น ข่าวการเมือง ข่าวเศรษฐกิจ ข่าวสังคม ข่าวสตรี ข่าวเด็ก ข่าวบันเทิง ฯลฯ และตัวข่าวเองก็พัฒนาขึ้นด้วยจากเพียงข่าวที่บอกข้อเท็จจริงว่าอะไรเกิดขึ้น ก็มีการเชื่อมโยงข่าวต่าง ๆ เข้าด้วยกันว่ามันมีความสัมพันธ์กันหรือไม่ อย่างไร เช่น เรื่องที่เกิดขึ้นที่ชายแดนสัมพันธ์กับเรื่องในรัฐสภาอย่างไร ขอบเขตของข่าว ความใฝ่รู้ใฝ่เห็นขยายตัวออกไป ข่าวต่างประเทศเข้ามามากขึ้น การเติบโตของข่าวจึงพัฒนาจากลักษณะนี้

พอมาถึงจุดนี้สื่อต่าง ๆ ที่รวมข่าวหลาย ๆ อย่างเข้าไว้ด้วยกันก็จะแยกเป็นส่วน ๆ ไปเช่น หนังสือพิมพ์ก็มีข่าวเศรษฐกิจ ข่าวการเมือง ข่าวสตรี ฯลฯ วิทยุ โทรทัศน์ก็เติบโตในลักษณะเดียวกัน เราจะพบว่าขณะนี้วิทยุ โทรทัศน์ มีการแยกข่าวเป็นส่วน ๆ มีข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม บันเทิง ตามกันมา

ยิ่งเมื่อขบวนการสื่อสารทันสมัยยิ่งขึ้น ทำให้ข่าวสดขึ้น น่าเสพขึ้น ความน่าสนใจของข่าวมีมากขึ้น ทั้งในตัวเนื้อข่าว ที่มีความสด ความลึก และครอบคลุมเนื้อหาข้อเท็จจริง ความคิดเห็น การเชื่อมโยงข้อมูลอื่น ๆ เกิดการแข่งขันในการทำข่าวให้น่าสนใจ การทำข่าวจึงเป็นธุรกิจจริงจังขึ้น

เพราะฉะนั้นเมื่อเราอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ ฟังวิทยุ หรือดูโทรทัศน์ นอกจากข่าวแล้วโฆษณาก็ตามมา ผมสนับสนุนอย่างยิ่งในการทำรายการข่าว ผมพูดเรื่องนี้ใน กบว. อย่างการทำข่าวโทรทัศน์เดี๋ยวนี้เขาใช้เงินแพงมาก แพงกว่าทำละครเยอะ เพราะฉะนั้นถ้ารัฐสนับสนุนเขาไม่ได้ ต้องอนุญาตให้เขาทำโฆษณาได้เต็มที่ เขาจะได้หาเงินมาจุนเจือการทำข่าวให้ดีขึ้น ซึ่งในขณะนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าต้องเป็นเช่นนั้น

เมื่อข่าวเป็นธุรกิจมากขึ้น การแข่งขันก็มีมากขึ้นทั้งในตัวข่าวเอง ซึ่งต้องมีทั้งความกว้าง ความลึก ความสด และรวดเร็ว การแข่งขันทางด้านการตลาด เช่น การครอบคลุมพื้นที่การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ได้มาก และที่สำคัญการแข่งขันกันที่ศิลปะการนำเสนอก็ตามมา

ยกตัวอย่างเช่น ข่าวโทรทัศน์ ซึ่งขณะนี้มีการแข่งขันกันมาก ในบางช่องที่เป็นของรัฐมีการร่วมกับเอกชนทำข่าว เช่น ช่อง 9 อ.ส.ม.ท. กับบริษัทแปซิฟิคฯ ผมว่าเขามีความคล่องตัวดี ระบบเอกชนทำให้ความคล่องตัวดีมาก เอื้อที่จะตามล่าข่าวได้รวดเร็วกว่าการทำงานของรัฐวิสาหกิจซึ่งต้องรออนุมัติเป็นขั้น ๆ และข่าวนี้จะเหมาะไม่เหมาะก็ต้องพิจารณาอีก แทนที่จะไปเอาข่าวมาก่อนแล้วดูว่าเหมาะไม่เหมาะ มันเลยช้าไปอึดใจ นอกจากนี้ทางเอกชนเขาก็มีมุมมองที่ต่างไปจากแนวปฏิบัติของราชการ ทำให้ได้ประเด็นข่าวที่แปลกแยกออกไป

เมื่อย้อนมาพูดถึงการแข่งขันกันในตัวข่าว ผมขอใช้คำ 2 คำ คือ ข่าวจิก กับข่าวเจาะ "ข่าวจิก" มันเหตุการณ์อะไรก็ได้ที่เกิดขึ้นเดี๋ยวนั้นก็จิกติดเนื้อเป็นข่าวเดี๋ยวนั้นเลย แต่ "ข่าวเจาะ" เป็นลักษณะภาพมลังเมลืองคลุมเครือไม่ชัดเจนว่ามันเกิดอะไรขึ้น เช่น ข่าวเครื่องราชฯ มีการเสาะหารายละเอียดที่ลึกลงไป ซึ่งการแข่งขันกันทำข่าวให้มีคุณภาพเช่นนี้ทำให้ข่าวประเภทเชย ๆ ข่าวที่ขายไม่ออกค่อย ๆ หมดไป เช่น ข้าวที่ใช้ภาษาเยิ่นเย้อ ข่าวคนฟังไม่รู้เรื่องบอกแต่เรื่องอนาคต สัญญิงสัญญาซึ่งจับรูปธรรมไม่ได้ เช่น ข่าวรัฐบาลจะทำอย่างโน้นจะทำอย่างนี้ซึ่งเดี๋ยวนี้ประชาชนเขาไม่สนใจกันแล้ว

สำหรับความกว้างขวางในการครอบคลุมพื้นที่การเข้าถึงประชาชนนั้น ในสื่อโทรทัศน์ตามแผนพัฒนาฯฉบับที่ 6 จะมีการสร้างสถานีโทรทัศน์ย่อยอีกหลายสิบสถานี และเมื่อช่อง 11 เปิดทำการอย่างจริงจัง สถานีในต่างจังหวัดของกรมประชาสัมพันธ์ที่ อ.ส.ม.ท. เช่าอยู่ จะต้องโอนไปขึ้นกับ ช่อง 11 เพราะฉะนั้น อ.ส.ม.ท. จะต้องสร้างสถานีข่ายของตัวเองมากขึ้น รวมทั้งระบบดาวเทียมด้วย เรื่องนี้เป็นการแข่งขันแย่งชิงประชาชน ในประเด็นนี้ถ้ามองเชิงธุรกิจว่าเมื่อมีสถานีมากขึ้น ตลาดที่เชื่อว่ามีเนื้อยู่ก้อนเดียวคืองบโฆษณาซึ่งมีทั้งหมดประมาณ 6 พันล้านบาทต่อปี จะต้องเอามาเฉลี่ยให้แต่ละสถานี ซึ่งแต่ละสถานีก็จะได้ชิ้นส่วนนั้นน้อยลง นี่ก็เป็นหลักเหตุผลปกติ

แต่ถ้าจะมองอีกแง่หนึ่ง เมื่อมีสถานีมากขึ้น ครอบคลุมพื้นที่ได้มากขึ้นก็จะเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น พฤติกรรมในการบริโภคมีมากขึ้น และจะไหลกลับมาที่สถานีมากขึ้น และสถานีก็จะส่งกลับไปที่ผู้บริโภคมากขึ้นในด้านรายการที่มีคุณภาพ ผมว่ามองอย่างนี้จะครบวงจรมากกว่า ซึ่งรายการข่าวก็จะได้ส่วนแบ่งก้อนนี้เพิ่มขึ้นด้วย

สำหรับศิลปะการนำเสนอผมว่าขณะนี้ดีกว่าเมื่อก่อนมาก มีหนักเบา มีเทคนิคที่แปลกไปกว่าเก่า แต่เมื่อเทียบโทรทัศน์ทั้ง 4 ช่องขณะนี้เหมือนกันเกินไป รูปแบบการนำเสนอมีคนนั่งหลาย ๆ คน อ่านหน้าเคาน์เตอร์ แล้วมีรูปอะไรก็แล้วแต่เป็นฉากหลัง ความคิดเหมือนกันหมด มันไม่หลากหลายเท่าที่ควร จำได้ว่าช่อง 9 ทำเรื่องนี้ก่อนใคร ผมว่าตอนนี้น่าจะถึงเวลาแล้วที่แต่ละช่องต้องหาจุดของตนว่าจะไปทางไหน ซึ่งก็มีประเด็นในศิลปะการนำเสนออยู่ว่า ในข่าวโทรทัศน์หรือแม้จะเป็นข่าวอะไรก็แล้วแต่ มันมีความจริงที่เกิดขึ้น ความจริงอันนี้ยิ่งได้มาสดเท่าไร ยิ่งรู้ผิวเผิน ว่าที่มาของเหตุการณ์นี้มาจากอะไรบ้าง เพราะฉะนั้นเราไม่ควรด่วนสรุปหรือให้ความคิดเห็นสั้น ๆ หรืออ่านอย่างมีอารมณ์ประกอบจนเกินไป ซึ่งทั้ง 3 ลักษณะนี้อาจแสดงถึงอะไรในใจบางอย่าง อคติบางอย่างของผู้นำเสนอ ผมว่าอันนี้ต้องระวัง เหตุที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมาก็ตรงนี้ รายงานข่าวต้องเสนอไปตามข้อเท็จจริงไม่ควรไปมีความเห็นที่ตรงนั้น เพราะยังไม่รู้ว่าเบื้องหลังจริง ๆ มันคืออะไร ตรงนี้เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังอย่างยิ่งในเรื่องของจรรยาบรรณ

ถึงแม้ข่าวจะเป็นธุรกิจ มีการแข่งขันด้านต่าง ๆ ตามที่กล่าวมาแล้ว แต่ผมก็คิดว่าการแข่งขันเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแข่งขันด้านศิลปะการสื่อสาร จะทำให้ประชาชนสนใจข่าวมากขึ้น พาตัวเองเข้ามีส่วนร่วมในความคิด ความรู้สึกและพฤติกรรมในสังคมมากขึ้น ผมคิดว่าข่าวเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการสื่อสารที่จะทำให้คนไทยพัฒนาประชาธิปไตยและรักบ้านเมืองมากยิ่งขึ้น

ถึงแม้ข่าวจะเป็นธุรกิจ และมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับข่าว ผมก็ไม่อยากให้บรรยากาศสมัยก่อนที่มีการรับจ้างเขียนข่าวกลับมาอีก ผมอยากให้ผู้ทำธุรกิจข่าวทำข่าวด้วยศิลปะการสื่อสารที่ดี เมื่อถึงจุดนี้แล้วก็จะได้รับการ SUPPORT ด้วยโฆษณาเอง ไม่ใช่เอาเวลาหรือเนื้อที่ไปขายให้กลุ่มผลประโยชน์และเอาข่าวของกลุ่มประโยชน์มานำเสนอ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us