ดีแทคจับมือชินนี่ดอทคอม ไอทีวี ให้บริการ I-News ข่าวสารผ่านโทรศัพท์มือถือที่แตกต่างกว่าเอไอเอส
ตรงที่ผ่านระบบ GPRS ทั่วประเทศ ใช้ได้ทั้งลูกค้าดีแทคกับแฮปปี้ดีพร้อมท์ ด้านชินนี่ดอทคอมอยู่ระหว่างพัฒนาบริการนี้กับทีวีอีกหลายช่อง
รวม ทั้งยูบีซี ค่ายหนังทั้งในและต่างประเทศ ชี้บริการเสริมอิงเครื่องโทรศัพท์มือถือ
ทำให้ปัจจุบันต้องให้บริการ เชิงธุรกิจอย่างข่าวสาร ข้อมูลหุ้น ราคาทองคำ แต่ครึ่งหลังปีหน้า
จะเห็นลูกเล่นเชิงความบันเทิงมากขึ้น ขณะที่ เอไอเอสปรับโฉมอีกขั้นเป็น DigiLIVE
รับชมทีวีผ่านโทร.มือถือแบบเรียลไทม์
นายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจบริการเสริม (VAS) บริษัท โทเทิ่ล
แอ็คเซ็ส คอมมูนิเค ชั่น (ดีแทค) กล่าวว่าดีแทคร่วมมือกับชินนี่ดอทคคอมและไอทีวี
ให้บริการใหม่ I-News สำหรับลูกค้าดีแทคทั้งในระบบโพสต์เพดและระบบพรีเพด (แฮปปี้ดีพร้อมท์)
โดยผู้ใช้บริการดีแทคสามารถเรียกดูข้อมูลข่าวสารผ่าน ทางโทรศัพท์มือถือในระบบ
GPRS ที่มีผู้ใช้ประมาณเกือบ 2 แสนคน หรือใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริมพ็อกเก็ตพีซี หรือพีดีเอ
ทำให้สามารถรับชมข้อมูลแบบเรียลไทม์
"โทรศัพท์มือถือรุ่นที่รองรับบริการดังกล่าวตอนนี้ มีอยู่ในระบบดีแทคประมาณ 1
หมื่นเครื่อง คือโซนี่ อีริคสัน รุ่น P800 กับโนเกียรุ่น 7650 ซึ่งเราคาดว่า ภายใน
สิ้นปี น่าจะได้ลูกค้าประมาณ 50%"
ดีแทควางโพสิชันตัวเองในด้านบริการเสริมเหมือนคนทำซูเปอร์มาร์เกตขนาดใหญ่ มีการจัดชั้นวางที่สวย
งาม ไอทีวีเป็นคอนเทนต์หรือเหมือน เป็นสินค้าที่จะมาขาย ส่วนชินนี่ดอทคอมเป็นคนทำแพกเกจจิ้งให้มีรูปลักษณ์สวยงาม
เพื่อล่อใจผู้บริโภคตอนวางอยู่บนชั้นซูเปอร์มาร์เกต
ไม่ต่างจากบริการเอไอเอส
ซึ่งบริการ I-News ของดีแทค ก็ไม่ได้แตกต่างจาก เอไอเอสที่เปิดตัวก่อนหน้านี้
เพียงแต่เอไอเอสยังจำกัดให้เฉพาะลูกค้าจีเอสเอ็ม ที่มีอยู่ประมาณ 2 ล้านคน ที่สามารถใช้บริการได้
แต่ของดีแทคจะมีฐานลูกค้าทั้งพรีเพดและโพสต์เพด กว่า 6 ล้านคน
"เราคิดว่า อาจมีคนที่ดูข่าวไอทีวี และโหลดริงโทนโลโก้จากชินนี่ดอทคอม พร้อมทั้งเป็นลูกค้าดีแทค
เราจึงให้บริการ I-News เพื่อลูกค้ากลุ่มนี้ของเรา"
นายศักดิ์ชัย เลิศเวชกุล CTO (Chief Technology Officer) ชินนี่ดอทคอม กล่าวว่า
ไม่เพียงแต่บริการ I-News ที่ร่วมมือกับไอทีวีเท่านั้น ชินนี่ดอทคอมยังอยู่ระหว่างพัฒนาแอปพลิเคชั่นร่วมกับสถานีโทรทัศน์เกือบทุกช่อง
ยกเว้นช่อง 3 รวมทั้งยูบีซีด้วย นอกจากนี้ยังมีค่ายหนังทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สนใจจะให้บริการในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูนจากญี่ปุ่นหรือเกาหลี
"ครึ่งหลังของปี 2547 ตลาดบริการลักษณะนี้จะใหญ่มาก เพราะมีเครื่องโทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถรองรับได้ประมาณ
8 ล้านเครื่อง ในขณะที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 1 ล้านเครื่อง"
เขามองว่า เครื่องที่สามารถรองรับบริการ ต้องประกอบด้วย 1. เป็นโพลีโฟนิก 2.
จอสี 3. รองรับจาวา และ 4. รองรับระบบ GPRS ซึ่ง ปัจจุบันเครื่องลักษณะดังกล่าวหรือเครื่องไฮเอนด์
ไม่ได้อยู่ในมือ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชอบดาวน์โหลดโลโก้หรือริงโทน แต้มักอยู่ในมือกลุ่มคนที่ชอบบริโภคข้อมูลข่าวสารต่างๆ
เนื่องจากตัวเครื่องโทรศัพท์มือถือยังมีราคาสูงอยู่ ทำให้ชินนี่ดอทคอมต้องพัฒนาแอปพลิเคชั่น
ในช่วงนี้ออก มารองรับตลาดดังกล่าวอย่างI-News หรือการดูข้อมูลหุ้นต่างๆ ราคาน้ำมัน
ราคาทองคำ ที่เป็น ข้อมูลเชิงธุรกิจ
ชินนี่ดอทคอมมีรายได้ปีนี้ประมาณ 100 ล้านบาท เป็นการเติบโตเกือบทั้งหมดมาจากบริการ
เสริมบนโทรศัพท์มือถือโดยที่โลโก้ ริงโทน มีส่วนแบ่งมากที่สุดเกือบ 80-90% ซึ่งผลสะท้อน
จากตลาดทำให้ชินนี่ดอทคอมกลับมาปรับยุทธศาสตร์บริษัทใหม่ด้วยการจัดกลุ่มแอปพลิเคชั่นแแบ่งตลาดกลุ่มลูกค้าเป็นหลัก
และปรับระบบการทำงานใหม่ให้รองรับการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ต่างชาติ เนื่องจากชินนี่ดอทคอมมีความร่วมมือกับคนพัฒนาคอนเทนต์ต่างชาติ
มากในประเทศแถบยุโรป รวมทั้งประเทศเอเชียอย่างญี่ปุ่นและเกาหลี
"เราพร้อมเรื่องจาวามากที่สุดในตอนนี้ ซึ่งมองว่าเป็นแนวโน้มของบริการเสริมในอนาคต
กับดีแทคเราเป็นพันธมิตรกันมากว่า 1 ปี และบริการนี้ก็คุยกันมาหลายเดือนแล้ว"
สำหรับค่าบริการ I-News ประกอบด้วย 2 ส่วนคือด้านข้อมูลข่าวสารเดือนละ 150 บาท
แต่มีโปรโมชั่นในช่วง 3 เดือนแรก (สิ้นสุดพ.ย.) คิดเพียง 100 บาท และค่าบริการระบบ
GPRS ทั่วประเทศ เดือนละ 100 บาทสำหรับข้อมูล 2 สเม็กหรือคิดเป็น จำนวนข่าวได้ประมาณเดือนละ
30-40 ข่าว เท่ากับในช่วง 3 เดือนแรกเสียค่าบริการเพียงเดือนละ 200 บาท
ด้านข่าวสารจาก I-News จะมี 2 รูปแบบบริการคือผ่านโทรศัพท์มือถือในระบบ GPRS
หรือสามารถใช้อุปกรณ์เสริมอย่าง พ็อกเกตพีซีหรือพีดีเอได้ และการเรียกดูผ่านเว็บไซต์
ซึ่งจะอัพเดตช้ากว่าดูผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะให้บริการข่าว 5 ประเภทคือข่าวในประเทศ
ข่าวต่าง ประเทศ ข่าวกีฬา ข่าวบันเทิง และข่าวจราจร โดย สามารถเลือกดูข้อมูลทั้งหัวข้อภาพข่าวปัจจุบันและยังสามารถเลือกดูภาพข่าวย้อนหลังได้อีกด้วย
เอไอเอสปรับโฉมอีกขั้นเป็น DigiLIVE
นายสุวิทย์ อารยะวิไลพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักธุรกิจการให้บริการเสริม บมจ. แอดวานซ์
อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) กล่าวว่าหลังจากเปิดให้บริการ I-News หรือ Instant
News ผ่าน ทางอินเทอร์เน็ต และมือถือที่รองรับการใช้งาน GPRS ที่ใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริม
Pocket PC หรือ PDA ร่วมกับพันธมิตร ไอทีวีและชินนี่ไปเมื่อปีที่แล้ว
ปัจจุบัน เอไอเอสได้พัฒนาไปอีกขั้น หลังเปิดตัวบริการเสริม mobileLIFE ด้วยบริการ
DigiLIVE ดูทีวีทางโทรศัพท์มือถือสดๆ แบบ Real Time กับพันธมิตรทีวีได้แก่ ช่อง
5 7 9 11 และ ITV ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพื่อตอกย้ำในวิชั่น Wireless Society
ซึ่งเป็นการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในชีวิตประจำวัน
โทรศัพท์มือถือจะเป็น Convergence ทุก รูปแบบ นั่นหมายความว่า โทรศัพท์มือถือจะอำนวยความสะดวก
และเป็นช่องทางในการรับส่งข้อมูล ได้อย่างไร้ข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็นเสียง ข้อความ
รูปภาพ รวมไปถึงภาพเคลื่อนไหว ด้วย เทคโนโลยี Video ผ่านเครือข่าย GPRS ผู้ใช้บริการสามารถ
update ทุกข้อมูลข่าวสาร ความ บันเทิงหลากหลายรูปแบบก่อนใคร สำหรับการเข้าไปใช้บริการเลือก
service เข้าไปที่ mobile LIFE Portal เลือก DigiLIVE จากนั้นก็เลือกช่องที่อยากชมได้ทันที