Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน26 พฤษภาคม 2552
หุ้นติบลบหลังจีดีพีQ1ติดลบ             
 


   
www resources

โฮมเพจ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

   
search resources

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โสภาวดี เลิศมนัสชัย
Stock Exchange




“โสภาวดี”เชื่อจีดีพีติดลบ7.1%ในไตรมาส1/52 ไม่มีผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นมากนัก เหตุนักลงทุนรับรู้ข่าวล่วงหน้าไปแล้ว ชี้ภาพรวมความเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทยมีเพิ่มขึ้น ยืนยันบินโรดโชว์ 25-30 มิ.ย.นี้แน่นอน ล่าสุดวานนี้ดัชนีติดลบ 3.51 จุด โบรกฯชี้เป็นผลจากความกังวลหลังตัวเลขออกมาแย่กว่าที่คาดไว้และผันผวนตลาดตลาดภูมิภาค แนะวันนี้หากปรับตัวขึ้น หาโอกาสปล่อยขายทำกำไร พร้อมจับตาราคาน้ำมัน และสถานการณ์อื่นๆในต่างประเทศ ประกอบการตัดสินใจ

นางโสภาวดี เลิศมนัยชัย รองผู้จัดการ สายงานการตลาด และงานบริการหลังการซื้อขายหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากการประกาศจีดีพีไตรมาส1/52ของไทยมีการติดลบ 7.11% นั้น เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยมากนัก เนื่องจาก ตลาดหุ้นได้มีการตอบรับข่าวดังกล่าวไปแล้วก่อนหน้า จากที่มีนักวิเคราะห์ต่างๆประเมินว่าไตรมาส1/52 จะเป็นไตรมาสที่จีดีพีของไทยปรับตัวลดลงต่ำที่สุดของปีนี้ และการที่ก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากที่คาดว่าช่วงไตรมาสที่ เหลือเศรษฐกิจจะดีขึ้น

ทั้งนี้การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (25 พ.ค.)ปรับตัวลดลง เนื่องจาก เป็นการปรับตัวลดลงตามปกติจากที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้จะปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน แต่จะมีความผันผวน และมีการปรับตัวลดลงบ้างซึ่งถือเป็นปกติตามปัจจัยที่เข้ามากระทบ อย่างไรก็ตามจากการประเมินเบื้องต้นนั้นพบว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น และนักลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาลงทุน ทำให้มูลค่าการซื้อขายของต่างชาติกับมาเป็นซื้อสุทธิแล้ว

สำหรับแผนในการไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์)ต่างประเทศนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯก็จะเดินทางไปกับ บล.ธนชาต และบีเอ็นพี พาร์ รีบาส์ ในวันที่ 25-30 มิถุนายนนี้ หลังจากที่เลื่อนมาจากในช่วงเดือนพฤษภาคม จากปัญหาไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 โดยยังเป็นเป้าหมายเดิม นั่นคือ ลอนดอน นิวยอร์ก บอสตัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะไปให้ข้อมูลแก่นักลงทุนในต่างประเทศ

ดัชนีหุ้นติดลบรับข่าวจีดีพีQ1

วานนี้ (25พ.ค.)ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ปิดที่ระดับ 550.51 จุด ลดลง 3.51 จุด หรือ -0.63% โดยระหว่างวันมีการปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 558.36 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 547.60 จุด มูลค่าการซื้อขาย 20,406.28 ล้านบาท ซึ่งนักวิเคราะห์ฯหลายแห่ง เชื่อว่า เป็นการปรับฐานทางเทคนิค โดยมีการขายทำกำไรออกมา แต่ระหว่างการซื้อขายยังได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มน้ำมันหลังราคาน้ำมันยังปรับตัวสูงขึ้น ขณะเดียว กันถือเป็นการแกว่งตัวตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาคเอเชียที่มีการแกว่งตัวในแดนบวก-ลบ

โดยดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ปิดที่ 8277.32 จุด ลดลง 14.81 จุด หรือ -0.18% ดัชนี ฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดที่ 17,121.82 จุด เพิ่มขึ้น 59.30 จุด หรือ 0.35 % ส่วนดัชนี เวทเต็ด ตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดตลาดที่ระดับ 6,734.46 จุด ลดลง 2.83 จุด หรือ -0.04 % เป็นต้น

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 150 หลักทรัพย์ ลดลง 178 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 112 หลักทรัพย์ และเมื่อแบ่งเป็นประเภทนักลงทุนพบว่า สถาบันขายสุทธิ 550.92 ล้านบาท เช่นเดียวกับนักลงทุนต่างประเทศที่ขายสุทธิ 247.75 ล้านบาท โดยมีเพียงนักลงทุนทั่วไปที่ซื้อสุทธิ 798.65 ล้านบาท

นายอภิสิทธิ์ ลิมป์ธำรงกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวถึงภาพรวมดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวานนี้ ว่า ดัชนีฯค่อนข้างผันผวน โดยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและแดนลบสลับกัน ตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ เนื่องจากนักลงทุนยังมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ยังไม่ฟื้นตัว

นอกจากนี้ ยังได้รับแรงกดดันซ้ำเติม หลังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช.เปิดเผยตัวเลขจีดีพีในไตรมาส 1/52 ติดลบ 7.1% ซึ่งรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ติดลบประมาณ 5-6% รวมทั้งปรับประมาณการปีนี้ติดลบ 3.5-2.5% เพิ่มขึ้น จากประมาณการเดิมที่ติดลบ 1% - 0% โดยปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนทวีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจมากขึ้น

สำหรับแนวโน้มดัชนีฯในวันนี้(26 พ.ค.) ประเมินว่า ดัชนีฯยังคงผันผวนต่อเนื่อง หากไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามาสนับสนุน ทั้งนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจึงแนะนำ นักลงทุนติดตามทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศประกอบด้วย เนื่องจาก ส่งผลกระทบต่อจิตวิทยการลงทุนโดยกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ ทยอยขายเมื่อดัชนีฯปรับตัวเพิ่มขึ้น หรือรอรับเมื่อดัชนีฯอ่อนตัวลง ประเมินแนวรับที่ 540-535 จุด และแนวต้านที่ 560 จุด

นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะหลักทรัพย์ บล. กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีวานนี้ (25พ.ค.) ปรับลดลงเล็กน้อย ผลจากสคช. ประกาศตัวเลขเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาส 1/52 ติดลบ 7.1% จากไตรมาส 4/51 ที่ติดลบ 4.2% ซึ่งตัวเลขที่ออกมานั้นถือว่าเกินกว่าหลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ที่ติดลบ 6%กว่า

อย่างไรก็ตาม จากตัวเลขดังกล่าวส่งผลให้ทาง สคช. จำเป็นต้องปรับประมาณการณ์จีดีพีเศรษฐกิจของทั้งปี 52 เป็นติดลบ 2.5-3.5% จากเดิมที่ 1% ส่วนปัจจัยในต่างประเทศนั้นไม่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีมากนักเนื่องจากตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ปรับตัวอยู่ในแดนบวก รวมทั้งไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรรุนแรงเกิดขึ้น

ดังนั้นแนวโน้วดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่ายังแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยนักลงทุนควรจับตาราคาน้ำมันโลก ตลาดหุ้นในเอเชีย และทิศทางสถานการณ์ในประเทศ ดังนั้นจึงแนะนำให้นักลงทุนควรเทขายทำกำ ไรระยะสั้นเมื่อดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น จึงประเมินแนวรับอยู่ที่ 540-543 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 555 จุด

ด้านนายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBKH กล่าวว่า วานนี้ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวน ซึ่งสวนทางกับตลาดหุ้นในต่างประเทศที่ปรับอยู่ในแดนบวกอันเป็นผลจากความกังวลของนักลงทุนต่อจีดีพีไตรมาสแรกของ สคช.ที่ประกาศออกมาแย่กว่าที่ประเมินไว้ โดยมีแรงขายออกมาในหุ้นกลุ่มพลังงานขนาดใหญ่ อาทิ PTT, PTTEP

“บรรยากาศซื้อขายหลักทรัพย์ น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ แต่นักลงทุนควรรอดูทิศทางดาวโจนส์ฟิวเจอร์ และราคาน้ำมันโลก เพราะฉะนั้นกลยุทธ์การลงทุนคือทยอยขายหุ้นเพื่อทำไรกำไรถ้าหากดัชนีเข้าใกล้ระดับ 555 จุด โดยให้กรอบแนวรับที่ 543-545 จุด และแนวต้านที่ 555-557 จุด” นายโกสินทรักล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us