Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน17 กันยายน 2546
กองทุนสนหุ้นใหม่ฐิติกรจุดประกายกลุ่มไฟแนนซ์             
 


   
search resources

ฐิติกร, บมจ.
ปฐมา พรประภา




ฐิติกร หุ้นเนื้อหอมน้องใหม่ นักลงทุนสถาบันสนใจล้น เหตุพื้นฐานใกล้เคียงหุ้นไฟแนนซ์รุ่นพี่ ค่าพีอีเฉลี่ย 15-35 เท่า วันนี้โรดโชว์รายย่อย ผู้บริหารประเมินพอร์ตสินเชื่อปีนี้โตได้ 12-15% ตามยอดรถจักรยาน-ยนต์ ดังนั้น เตรียมออกหุ้นกู้อีก 1,000 ล้านบาท รองรับการขยายตัวของสินเชื่อ

นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัทฐิติกร จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า วานนี้(16 ก.ย.) สามารถสรุปราคาขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป(ไอพีโอ)จากการทำบุ๊กบิวดิ้งกับนักลงทุนสถาบันได้แล้ว เบื้องต้นได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันค่อนข้างมาก โดยหุ้นจะเข้าจดทะเบียนในกลุ่มไฟแนนซ์ เนื่องจาก อัตราราคาต่อกำไรต่อหุ้น(พีอี)ของบริษัทใกล้เคียงกับหุ้นไฟแนนซ์ตัวอื่นๆ เช่น KTC AEONTS MIDA ค่าพีอีเฉลี่ยที่ 15-35 เท่า ขณะที่ฐานลูกค้าและอัตรากำไรใกล้เคียงกันเพราะเป็นธุรกิจสินเชื่อรายย่อย(Consumer Finance) โดยวันนี้(17 ก.ย.)จะทำการนำเสนอข้อมูลให้นักลงทุนเวลา 14.30-16.30 น. ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ นางปฐมา กล่าวว่า พอร์ตสินเชื่อของบริษัทน่าจะขยายตัวได้ในอัตรา 12-15% ตามยอดขายรถยนต์ที่เติบโต 30% ณ สิ้นไตรมาส 2/46 บริษัทมีพอร์ตสินเชื่อ 6,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่มีพอร์ตสินเชื่อ 5,600 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อรถจักยานยนต์ 70% ที่เหลือ 30% เป็นสินเชื่อรถยนต์มือสอง

โดยรถจักรยานยนต์ได้รับส่วนต่างผลตอบแทน(Effective Rate)สูงที่ 25% รถจักรยานยนต์คิดอัตราดอกเบี้ยที่ 2% ต่อเดือน ขณะที่รถยนต์คิดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 4-5% แต่ให้ส่วนต่างผลตอบแทนที่ 10% สำหรับการตั้งสำรองหนี้เสียจะตั้ง 100% ของยอดมูลค่าเต็ม ผลการดำเนินงาน ณ สิ้นไตรมาส 2/46 มีกำไร 187 ล้านบาท และคาดว่าผลประกอบการของปีนี้จะใกล้เคียงปีที่ผ่านมา ซึ่งสัดส่วนรายได้จะเข้ามาในครึ่งปีแรกต่อครึ่งปีหลังในสัดส่วน 40:60 เพราะครึ่งปีหลังจะเป็นฤดูกาลในการจับจ่ายใช้สอย สิ้นปีที่ผ่านมามีกำไรสุทธิ 370 ล้านบาท ประมาณ 75% เป็นรายได้จากดอกเบี้ย และบริษัทมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 60% ของกำไรสุทธิ

สำหรับฐานลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยมีบริษัทในเครือคือบริษัทซีวีเอ จำกัด ดำเนินธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในเขตภาคกลางและภาคตะวันออก บริษัท ชยภาค จำกัด ดำเนินธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์ มือสองโดยบริษัทมีเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจและเจ้าหน้าที่สินเชื่อกระจายอยู่กว่า 350 แห่ง ในเขตพื้นที่ที่ให้บริการเช่าซื้อ จนทำให้บริษัทเป็นผู้นำตลาดสินเชื่อรถจักรยานยนต์ในเขตกรุงเทพฯและ ปริมณฑล ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 37%

"กลยุทธ์ในการมัดใจลูกค้าเริ่มตั้งแต่ตอนที่ลูกค้าเดินเข้ามาหาเราหลังจากการตรวจสอบข้อมูลและหลักฐานเรียบร้อย การอนุมัติทำได้อย่างรวดเร็วภายใน 3-7 วัน รวมถึงการให้บริการ ด้านอื่นๆ เช่น การชำระเงิน ต่อทะเบียน เป็นต้น ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างเรา ดีลเลอร์ และลูกค้ามีความต่อเนื่อง สร้างความมั่นใจในการบริการ และที่สำคัญคือการให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงโดยตั้งสำรองสูง 100%"

กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฐิติกร กล่าวว่า แนวโน้มการขยายตัวของตลาดรถจักรยานยนต์ยังมีอีกมาก จากปีที่แล้วที่มียอดขายรถจักรยานยนต์ 1.3 ล้านคัน เทียบปี 2537 ยอดขายรถจักรยานยนต์สูงสุด 1.5 ล้านคัน ขณะที่รัฐบาลส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการศึกษาและพัฒนา (R&D)การผลิต ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์จะมีต้นทุนที่ถูกลง ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงสนับสนุนการขยายตัวของยอดขายรถจักรยานยนต์ให้เพิ่มขึ้น ได้อีก

นอกจากนั้น อัตราการซื้อทดแทนประมาณ ปีละ 10% จากยอดรถจักรยานยนต์ในปัจจุบันที่มีอยู่ 16 ล้านคัน เพราะฉะนั้น ในแต่ละปีจะมีการซื้อทดแทนขั้นต่ำปีละ 1.6 ล้านคัน โดยคิดคร่าวๆจากอายุการใช้งาน 10 ปี แต่โดยเฉลี่ย อายุการใช้งานรถจักรยานยนต์ 3-4 ปีเท่านั้น

"การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นอีกก้าวหนึ่ง ที่บ่งบอกถึงความมั่นคงของบริษัท เพราะบริษัทจดทะเบียนต้องเปิดเผยข้อมูลโปร่งใส ชัดเจนมากขึ้น ขณะที่การบริหารงาน เป็นมืออาชีพ เพราะต้องมีกรรมการอิสระเข้ามาตรวจสอบ มีความคล่องตัวเรื่องการระดมทุนในอนาคต"

ทั้งนี้ ภายหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทมีแผนที่จะระดมทุนเพิ่มด้วยการออกหุ้นกู้มูลค่า 1,000 ล้านบาท เพื่อให้แหล่งเงินทุนพอดีกับระยะเวลาการปล่อยสินเชื่อ ส่วนเงินที่ได้รับจากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์จะนำไปขยายสาขา พัฒนาระบบเทคโนโลยี และใช้คืนเงินกู้ระยะสั้น บมจ.ฐิติกร เสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป(ไอพีโอ)จำนวน 100 ล้านบาท ราคาพาร์ 1 บาท คิดเป็น 20% ของทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท ทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว 400 ล้านบาท

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us