Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายสัปดาห์25 พฤษภาคม 2552
นักวิเคราะห์พ้องเสียงปรับเป้าดัชนีใหม่เชื่อหุ้นไทยได้อานิสงส์แผนกระตุ้นศก.ทั่วโลก             
 


   
search resources

สมบัติ นราวุฒิชัย
Stock Exchange




นักวิเคราะห์เห็นแนวโน้มตลาดหุ้นสดใสกว่าเก่า แม้มองจีดีพีติดลบหนักขึ้นแถมมีการเมืองฉุด ผลสำรวจสมาคมขยับเป้าดัชนีสิ้นปีเป็น 535 จุด เหตุทิศทางการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศมีสัญญาณดีขึ้นจนเงินบาทแข็งค่าต่างชาติเริ่มกลับมาเป็นสถานะเป็นซื้อสุทธิแล้ว

สมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า จากผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ครั้งที่ 2/2552 นักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ดัชนีหุ้นปลายปีเป็น 535 จุด เพิ่มขึ้น 40 จุด จากการคาดการณ์เดิมในเดือนมีนาคม ที่มองไว้ที่ 495 จุด เนื่องจากเห็นว่าความเชื่อมั่นใจในเศรษฐกิจไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจโลก หลังจากที่รัฐบาลต่างๆได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาต่อเนื่อง ทั้งนี้ การปรับเพิ่มคาดการณ์ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีที่มีแต่การปรับคาดการณ์ลดลงตามทิศทางเศรษฐกิจมาโดยตลอด

ผลสำรวจเป้าหมายดัชนีรอบนี้ นักวิเคราะห์เชื่อว่าจุดสูงสุดของดัชนีอยู่ที่ 582 จุด จากครั้งที่แล้วมองไว้ที่ 527 จุด ส่วนจุดต่ำสุดครั้งนี้มองอยู่ที่ 391 จุด จากครั้งที่แล้วมอง 348 จุด

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ได้ปรับลดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยปี 2552 เป็น ติดลบ 3.6% จากผลสำรวจครั้งที่แล้ว (เดือนมีนาคม) ที่ประเมินเศรษฐกิจติดลบ 1.8% เนื่องจากมองว่า เหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองในเดือนเมษายนส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม รวมถึงกระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจด้วย

ด้านความคิดเห็นต่อเศรษฐกิจโลก 48% ของนักวิเคราะห์ที่ทำการสำรวจคาดว่าจะถึงจุดต่ำสุดภายในครึ่งแรกปี 2552 แต่อีก 35% คาดว่าจะฟื้นตัวในครึ่งหลังของปีนี้ ส่วนอีก 4% คาดว่าจะต่ำสุดในระหว่างไตรมาสที่ 2 และ 3 ขณะที่อีก 13% คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะต่ำสุดในปี 2553 ในส่วนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกนั้น 30% คาดว่าจะฟื้นตัวในครึ่งหลังปี 2552 แต่มี 26% มองว่าจะฟื้นตัวในครึ่งแรกปี 2553

ส่วนทิศทางการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศมีสัญญาณดีขึ้น และน่าจะเริ่มมีการเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่องเพราะสถานการณ์เศรษฐกิจในต่างประเทศเริ่มดีขึ้น หลังจากที่มีการตรวจสอบคุณภาพธนาคารของอเมริกาและพบว่า ส่วนมากยังแข็งแกร่งอยู่ นอกจากนี้กลุ่มประเทศจี 20 ยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกมาก

สำหรับตลาดหุ้นไทยตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม นักลงทุนต่างประเทศมียอดซื้อสุทธิ 12,000 ล้านบาท และหากประมวลตั้งแต่ต้นปี พบว่า การลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศเริ่มมีการซื้อสุทธิแล้ว 2,000 ล้านบาท เทียบกับตัวเลขในปีที่แล้วที่มีการขายสุทธิ 160,000 ล้านบาท

ขณะที่การแข็งค่าของเงินบาทสะท้อนถึงการไหลเข้าของเงินทุนต่างประเทศ และสะท้อนว่า ความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจโลกเริ่มดีขึ้น แต่ก็กระทบต่อการส่งออกของไทยด้วยเช่นกัน

สำหรับระดับความเชื่อมั่นทางการ เมืองนักวิเคราะห์ 52% มีความมั่นต่อเสถียรภาพทางการเมืองน้อย เพราะเห็นว่ายังมีความขัดแย้งกันอยู่ รวมถึงการชุมนุมต่างๆและมีแรงกดดันจากนอกสภา แต่ยังไม่เห็นแนวทางที่ชัดเจนในการแก้ปัญหา ส่วนอีก 39% ของนักวิเคราะห์มีความมั่นใจในการเมืองระดับปานกลาง เพราะเชื่อว่าสถานการณ์ที่ตึงเครียดจะผ่อนคลายลงได้ระดับหนึ่ง ส่วนที่รู้สึกไม่มั่นใจ มีจำนวน 9% เนื่องจากเห็นว่ายังไม่มีการเจรจาประสานข้อเรียกร้องของกลุ่มต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้นโยบายรัฐบาลที่นักวิเคราะห์เห็นด้วยมากที่สุดคือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน นโยบายด้านการศึกษาและนโยบายกระตุ้นการบริโภคของประชาชน แต่ที่ไม่เห็นด้วยมากที่สุดคือ นโยบายแจกเงินคนละสองพันบาท

สำหรับกลยุทธ์ในการลงทุนหุ้น แนะนำให้เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง จ่ายปันผลสม่ำเสมอ ได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยพิจารณาจังหวะราคาในการเข้าซื้อหุ้นให้เหมาะสม ซึ่ง

หุ้นเด่นที่แนะนำคือ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส(ADVANC), บมจ.บ้านปู(BANPU), บมจ.บีอีซีเวิลด์(BEC), บมจ.กสิกรไทย(KBANK), บมจ.ปตท(PTT) และ บมจ.ไทยพาณิชย์(SCB)   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us