Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายสัปดาห์25 พฤษภาคม 2552
5 ธุรกิจค้าทองส่งบริษัทลูกชิงชัย เปิดสมรภูมิใหม่เทรดโกลด์ฟิวเจอร์ส             
 


   
search resources

Jewelry and Gold
เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์, บจก.




เศรษฐกิจโลกผันผวน ส่งผลราคาทองคำแกว่ง ดันโกลด์ฟิวเจอร์สฮอต หลังเปิดให้เทรด 4 เดือนสัดส่วนเพิ่มเป็น 20% ของตลาดอนุพันธ์ 5บริษัทที่อยู่ในวงการค้าทองสบช่องพร้อมกันเปิดโบกเกอร์ใหม่ยึดหัวหาดแนวรบทองกระดาษ คาดมาแรงไม่แพ้ทองแท่ง หวังใช้ลูกค้าเดิมเป็นฐานต่อยอดธุรกิจใหม่ แต่ละรายวาดฝันมาร์เก็ตแชร์กันสนุกสนาน 10-20%

น.พ.กฤชรัตน์ หิรัญยศิริ ประธานบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีตัวแทนส่งคำสั่งซื้อขายจำนวน 12 ราย เป็นผู้ถือหุ้นตั้งแต่เริ่มเปิดบริษัททั้งหมด ซึ่งเป็นการวางกลยุทธ์ไว้ตั้งแต่เปิดบริษัทแล้วว่าตัวแทนส่งคำสั่งซื้อขายจะเป็นผู้ที่เข้ามาถือหุ้นในบริษัททั้งหมดไม่ใช่เป็นแค่ตัวแทนส่งคำสั่งซื้อขายเพียงอย่างเดียว

“การเจาะลูกค้าต่างจังหวัดเราวางกลยุทธ์ไว้ตั้งแต่เปิดบริษัทแล้ว ว่าคนที่มาเป็นตัวแทนส่งคำสั่งซื้อขายจะเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทแม่ด้วย ทุกคนมีหุ้นส่วนในบริษัทนี้หมด และวางแผนกันเองว่าจะไม่แย่งลูกค้ากัน ซึ่งกลุ่มต่างจังหวัดนั้นก็มีฐานลูกค้าอยู่แล้ว”

ในจำนวนของตัวแทนส่งคำสั่งซื้อขายทั้ง 12 รายนี้จะมีฐานลูกค้าขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 50 ราย ซึ่งแต่ละรายเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ลงทุนอยู่ในระดับ 5 ล้านบาทขึ้นไป สามารถซื้อขายได้ในปริมาณที่สูงได้ ซึ่งหลังจากที่มีสัญญาซื้อขายสัญญาทองคำล่วงหน้า (โกลด์ฟิวเจอร์ส) จะทำให้สามารถผสมผสานกันได้ โดยจะให้การศึกษาและทำความเข้าใจในการใช้โกลด์ ฟิวเจอร์ส เป็นเครื่องมือในการลงทุน ตลอดจนการบริหารความเสี่ยงของธุรกิจที่มีการลงทุนในตลาดทองคำแท่งด้วย

คาดว่าภายใน 3 เดือน บริษัทจะมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 20% ของการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์ส อีกทั้งเชื่อว่าภายใน 1 ปี จะสามารถถึงจุดคุ้มทุนและมีกำไรจากการทำธุรกิจนี้

ด้าน ธนรัชต์ พสวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า จุดแข็งของบริษัทคือ ความเชี่ยวชาญในการประเมินทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก เพราะจากการที่เป็นผู้ค้าทองคำมายาวนานทำให้รู้ถึงดีมานด์ของทองคำในแต่ละวัน ซึ่งสามารถนำมาคาดการณ์การลงทุนให้กับลูกค้าในตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สได้รวดเร็วกว่าโบรกเกอร์ นอกจากนี้ในแง่ของผู้ประกอบการยังสามารถทำกำไรโดยไม่มีความเสี่ยง (Arbitrage) ระหว่างตลาดค้าทองคำแท่งและตลาดโกลด์ฟิวเจอร์ส ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการบริหารความเสี่ยงได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาผันผวน น่าจะเป็นโอกาสทำกำไรเป็นอย่างดี

สำหรับฐานลูกค้าในช่วงแรกจะไม่เน้นลูกค้ารายย่อย เพราะตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สถือเป็นของใหม่ ทั้งในแง่ผู้ประกอบการและนักลงทุน ดังนั้นกลุ่มที่จะเข้ามาลงทุนช่วงแรกน่าจะเป็นกลุ่มที่มีพื้นฐานและเข้าใจตลาดนี้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงมุ่งไปที่กลุ่มร้านทองลูกค้าของฮั่วเซ่งเฮง ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าทั่วประเทศประมาณกว่า 100 แห่งเป็นหลัก

“การที่เราเน้นไปที่กลุ่มรายใหญ่ก่อนเพราะต้องการเจาะกลุ่มที่มีความรู้เรื่องอนุพันธ์และสามารถรองรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีลูกค้ามากมายและเข้าไปแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่น เราต้องการใช้เป็นฐานในการต่อยอดธุรกิจเดิมมากกว่า”

คาดว่าในปีนี้บริษัทจะมีปริมาณสัญญาซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สเฉลี่ยต่อวันประมาณ 200 สัญญา ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมาย ภายใน 2 ปีครึ่งก็น่าจะถึงจุดคุ้มทุนได้

ส่วน อภิชาติ ลักษณะสิริศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.ซี.ออสสิริส ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า ขณะนี้มีลูกค้าเปิดบัญชีซื้อขายในตลาดโกลด์ฟิวเจอร์ส แล้วประมาณ 100 บัญชี และตั้งเป้าสิ้นปีนี้ที่ 1,000 บัญชี คาดว่ามาจากลูกค้าของบริษัทแม่ คือ บริษัทออสสิริส (ถือหุ้น 45 %) ประมาณ 500 บัญชีและบัญชีลูกค้าทั่วไปอีก 500 บัญชี เนื่องจากปัจจุบันบริษัทแม่มีลูกค้าซื้อขายทองคำแท่งอยู่แล้วประมาณ 5,000-6,000 บัญชี

สำหรับบัญชีลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นประเภทบุคคลธรรมดา 95 % และอีก 5 % เป็นนิติบุคคล เนื่องจากบริษัทแนะนำให้ลูกค้าส่วนใหญ่หันมาเปิดบัญชีเป็นประเภทบุคคลธรรมดา มากกว่า เพราะไม่ต้องเสียภาษีกำไรจากการซื้อขาย (Capital gain tax) ส่วนการเปิดเป็นบัญชีนิติบุคคล เมื่อมีกำไรจากการลงทุนจะต้องนำไปบันทึกเป็นกำไรของบริษัทและเสียภาษีด้วย

ทั้งนี้ได้ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์สิ้นปีนี้ไว้ที่ประมาณ 10 % ของมูลค่าการซื้อขายรวม และในปีหน้าก็จะมีฐานลูกค้าจากผู้ค้าส่งและร้านค้าปลีกทองคำมาเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ เพราะแต่ละร้านจะต้องมีน้ำหนักทองคำสำรองไว้ไม่ต่ำกว่า 1,000 บาทต่อร้าน นอกจากนี้ยังโอกาสได้ลูกค้าจาดชมรมผู้ค้าปลีกทองคำ ซึ่งมีสมาชิกทั่วประเทศกว่า 3,000 รายเข้ามาด้วย

ขณะที่ สาธิต วรรณศิลปิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีที เวลธ์ แนจเมนท์ กล่าวว่า บริษัทมีทุนจดทะเบียน 120 ล้านบาท และมีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นสมาคมค้าทองคำที่ผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นร้านค้าทองที่มีพ่อค้าทองเป็นเจ้าของ ส่วนการหาลูกค้าหลักๆจะมาจากฐานลูกค้าของกลุ่มผู้ถือใหญ่ซึ่งมีสมาชิกเป็นผู้ค้าส่งทองรายใหญ่ 12 ราย และมีร้านทองตู้แดง 7,000 รายทั่วประเทศเป็นเครือข่าย โดยในเบื้องต้นมีลูกค้าแล้ว 5-10 ราย และหากมีความพร้อมด้านการบริหารความเสี่ยงก็จะเพิ่มลูกค้าเป็น 30 รายภายในสิ้นปีนี้

ปีนี้คาดว่าจะมีนักลงทุนเปิดบัญชี 400 บัญชี ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 10% โดยลูกค้ากลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ น่าจะสร้างมูลค่าการซื้อขายได้สัดส่วน 70-80% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมดของบริษัท โดยเป้าหมายรายได้ในปีนี้อยู่ที่ 6-10 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านบาทในปีถัดไป

สำหรับ พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานกรรมการ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ กล่าวว่า บริษัทมีตัวแทนส่งคำสั่งซื้อขาย 12 ราย และกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการอีกอย่างน้อยเกือบยี่สิบราย นอกจากนี้ก็ยังมีนักลงทุนที่เป็นกลุ่มลูกค้าเก่าระดับวีไอพี รวมถึงกลุ่มผู้ลงทุนใหม่ สนใจสมัครเป็นสมาชิกในการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สกับบริษัทจำนวนมาก

สำหรับแผนงานปีนี้บริษัทตั้งเป้ารักษามาร์เก็ตแชร์อันดับหนึ่ง ด้วยส่วนแบ่งตลาด 20% จากปัจจุบันที่อยู่อันดับหนึ่ง โดยมีมาร์เก็ตแชร์ 10% โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ คือ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาด 40-50% เป็นอันดับหนึ่งในตลาดค้าทองแท่ง ที่ปัจจุบันมีลูกค้าประมาณ 500บัญชี และเป็นกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม คือ มีการซื้อขายทองแท่งน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 1 กิโลกรัมขึ้นไป ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ได้เปิดบัญชีซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สแล้วประมาณ 100 บัญชี แบ่งเป็นประเภทบุคคล 50% และสถาบัน 50% โดยสิ้นปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 500 ราย

วอลุ่มการเทรดโกลด์ฟิวเจอร์สจะเป็นตัวชี้วัดการอยู่รอดของผู้ประกอบการเหล่านี้ ยิ่งถ้าราคาทองผันผวนการเทรดก็จะยิ่งมาก แต่หากราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆบางทีการป้องกันความเสี่ยงหรือเก็งกำไรในตลาดนี้ก็อาจจะได้รับความสนใจและมีวอลุ่มเทรดลดลง ทั้งนี้หากคิดย้อนกลับก็จะพบว่าในอดีตแม้จะไม่มีโกลด์ฟิวเจอร์สให้เทรด แต่เหตุใดเจ้าของร้านทองต่างๆจึงสามารถทำกำไรสร้างเนื้อสร้างตัวจนสามารถร่ำรวยขึ้นมาได้อย่างที่เห็นในทุกวันนี้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us