อีซูซุรัวหมัดไม่ยั้งส่งแชมป์เก่าพ่ายตัวเลขยอดขายปิกอัพขนาด 1 ตัน ช่วงไตรมาสแรกของปี แต่ก็ถูกโตโยต้า ตีโต้ขึ้นมาในช่วงเดือนเมษายน พร้อมระบุเหตุพลาดท่าช่วง 3 เดือนแรก เพราะอยู่ระหว่างปรับตัวเลขสต๊อก มั่นใจปีนี้ตำแหน่งแชมป์ตลาดปิกอัพไม่หลุดหายไปไหน
ตรีเพชรอีซูซุ เซลส์ จำกัด เผยตัวเลขยอดขายรถปิกอัพขนาด 1 ตัน ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเมษายน ยังคงนำหน้ารถปิกอัพคู่แข่งอย่างโตโยต้า โดยอีซูซุ ดีแมคซ์ทำยอดขายได้ 29,939 คัน ครองส่วนแบ่งตลาดไว้ 40.93% ส่วนโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ทำยอดขายไฮลักซ์ วีโก้ 28,232 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 39.72% ซึ่งถือเป็นความสำเร็จของอีซูซุ ในช่วงต้นปี หลังจากยอดขายปิกอัพรวมตกเป็นรองค่ายคู่แข่งถึง 2 ปี
ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา อีซูซุ เดินเกมรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งการทำโฆษณา ซึ่งเน้นสื่อสารกับลูกค้า ด้วยประสบการณ์ของลูกค้า โดยเฉพาะประเภทเจ้าของกิจการ ตอกย้ำในเรื่องตัวผลิตภัณฑ์ที่มีความประหนยัดน้ำมันสูง แม้ราคาของดีแมคซ์อาจจะสูงกว่าคู่แข่งอยู่บ้าง พร้อมทั้งการทำสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งผ่านกิจกรรม การสนับสนุนแข่งขันชกมวยไทย กิจกรรมการแข่งขันกอล์ฟไทยแลนด์มาสเตอร์ ไปจนถึงการทำโรดโชว์ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดในชื่อ 'มหกรรมอีซูซุ...สู้วิกฤติ' ร่วมกับพันธมิตรต่าง ไม่ว่าจะเป็น เครือสหพัฒน์ ยูนิลีเวอร์ สยามเซ็นทราโกฟาร์ม ผลิตภัณฑ์อาหารไทย และบริษัทชั้นนำอีกกว่า 100 แห่ง ขายสินค้าราคาถูกในงานดังกล่าว
ขณะเดียวกันปัญหาในเรื่อง การเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ที่ผ่านมา ทำให้อีซูซุ สามารพลิตสถานการณ์ขึ้นมานำได้ โดยอีซูซุระบุว่า ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีเครดิตค่อนข้างดี โดยเฉพาะส่วนที่เป็นลูกค้ากลุ่มธุรกิจ แม้จะเจอกับปัญหาเศรษฐกิจ แต่การขนส่งที่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความประหยัดสูงก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่น กันอีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายภาคขนส่งได้อีกด้วย นอกจากนี้อีซูซุ ยังมีการสื่อสารกับบริษัท ไฟแนนซ์รถยนต์หลายเพื่อทำความเข้าใจ และเปลี่ยนข้อมูลกัน เพื่อสร้างความมั่นใจ ให้กับไฟแนนซ์เหล่านั้น
อย่างไรก็ตามแม้ตัวเลขรวม 4 เดือนของอีซูซุ จะเหนือกว่าคู่แข่ง แต่ส่วนต่างเพียง 1,000 คันเศษๆ คงไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่า ท้ายที่สุดแล้ว อีซูซู ดีแมคซ์ จะสามารถ กระชากเข็มขัดแชม์ตลาดปิกอัพปี 2552 มาครองได้สำเร็จ เพราะหากดูจากตัวเลขยอดขายเฉพาะเดือน เมษายน นั้น โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย สามารถพลิกกับมาเป็นผู้นำยอดขายปิกอัพขนาด 1 ตันได้เป็นเดือนแรกของปี
โดยอีซูซุ เผยตัวเลขในเดือนเมษายนว่าโตโยต้า มียอดขาย 8,378 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 41.41% อีซูซุ ตกไปอยู่อันดับ 2 ด้วยยอดขาย 7,953 คัน ส่วนแบ่งตลาด 39.31% มีปิกอัพจากค่ายนิสสัน ตามมาห่างๆ 1,504 คัน ส่วนแบ่งตลาด 7.43% อย่างไรก็ตามโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เองก็มีการรายงานตัวเลขยอดขายปิกพัอขนาด 1 ตันช่วงเดือนเมษายน ด้วยเช่นกัน แต่เป็นตัวเลขที่แตกต่างกัน
โตโยต้าระบุว่า ในเดือนเมษายน ที่ผ่านมา โตโยต้าครองอันดับ 1 ปิกอัพ 1 ตันจริง แต่ปริมาณการขายนั้นสูงถึง 8,912 คัน ส่วนแบ่งตลาด 42.4% ทิ้งห่างอีซูซุ เกือบ 1 พันคัน โดยอีซูซุทำยอดขายได้ 8,000 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 38% อย่างไรก็ดี วิเชียร เอมประเสริฐสุข ผู้ชวยกรรมการผู้จัดการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ระบุว่า ช่วง 3 เดือนแรกของปี โตโยต้าอยู่ระหว่างการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงระบบสต๊อกรถยนต์ เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงการปรับระบบการผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับ ตลาดรถปิกอัพที่ชะลอตัว ทำให้บางช่วงส่งรถให้กับลูกค้าได้ไม่ทันกับความต้องการ แต่การดำเนินการก็เสร็จสิ้นไปเมื่อสิ้นไตรมาสแรกของปี และจะส่งผลให้โตโยต้า กลับมาทำยอดขายนำได้ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป
โตโยต้ามองว่า ตลาดรวมปิกอัพในปีนี้น่าจะอยู่ที่ราว 500,000 คัน และหวังว่าจะครองส่วนแบ่งตลาดดได้ราวๆ 42.5% หรือประมาณ 220,000 คัน ซึ่ง 55% จะมาจากยอดขายปิกอัพ
วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เผยตลาดรถยนต์เดือนเมษายน มีปริมาณการขายรวม 39,713 คัน ลดลง 27.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 แต่เป็นอัตราการหดตัวที่น้อยลง เป็นผลจากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเมษายนที่ลดลงต่ำสุดในรอบ 87 เดือน ซึ่งเกิดจากสถานการณ์ทางการเมืองช่วงกลางเดือนเมษายน โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 4.2% ซึ่งเป็นการเติบโตครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมามีการชะลอตัวเพื่อรอการเปิดตัวของรถยนต์นั่งขนาดเล็กรุ่นใหม่ ในขณะที่ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ยังคงมียอดขายลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่12
ทั้งนี้โตโยต้าประมาณว่า สถานการณ์ตลาดรถยนต์ในเดือนพฤษภาคมนี้ จะมีปริมาณการขายดีขึ้น จากสถิติเดือนพฤษภาคมจะมียอดขายเป็นอันดับสองของไตรมาส ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองที่คลี่คลาย ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค ทั้งนี้ราคาน้ำมันที่มีแน้วโน้มเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจได้
วิเชียร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย บอกเช่นกัน นอกจากการจัดระบบสต๊อกใหม่แล้ว ปัญหาเรื่องของการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ของสถานบันการเงินต่างๆ ยังมีความเข้มงวดมาก ซึ่งทางโตโยต้าก็มีการหารือกับทางไฟแนนซ์ต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเช่นกัน
ส่วนการรุกตลาดในส่วนของปิกอัพนั้น โตโยต้า ยังเดินตามแผนงานที่วางไว้ แต่ในช่วงครึ่งปีหลังก็น่าจะมีกิจกรรมการตลาดเพิ่มมากขึ้นกว่าครึ่งปีแรก เพราะครึ่งปีหลังถือเป็นฤดูกาลขาย และจะมีการใช้งบการตลาดที่สูงกว่าครึ่งปีแรก
จะเห็นได้ว่า หลังจากโตโยต้า ถูกอีซูซุ ทำยอดขายแซงหน้าไปในช่วง 3 เดือนแรกของปี ทำให้โตโยต้า มอเตอร์ประเทศไทย เริ่มมีความเคลื่อนไหวต่างๆ ในด้านกิจกรรมการตลาดอยู่ตลอด ทั้งการจัดโรดโชว์ปิกอัพไฮลักซ์วีโก้ สมาร์ทแค็ป หรือการจัดการแข่งขันชกมวยไทย โดยใช้ไฮลักซ์วีโก้ เป็นสปอนเซอร์หลัก ก็เพื่อตอกย้ำแบรนด์ไฮลักซ์วีโก้ ให้ติดตลาดอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
ด้านการขายเองโตโยต้า มีการเสริมแคมเปญ อย่างต่อเนื่อง โดยตัวแทนจำหน่ายบางแห่งเริ่มใช้ กลยุทธ์ดอกเบี้ย และเงินดาวน์ต่ำ เพื่อดึงลูกค้า ซึ่งหลังจากนี้การรุกไล่ล่า ตำแหน่งแชมป์ของโตโยต้า น่าจะเข้มข้นยิ่งขึ้น ส่วนอีซูซุ ในฐานะที่สามารถทวงส่วนแบ่งตลาดกลับมาอยู่ในมือจนได้เป็นอันดับ 1 ในช่วง 4 เดือนแรก ก็ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง และหลังจากนี้คงไม่ใช่เป็นเกมตั้งรับอีกต่อไป เพราะฉะนั้นการเปิดเกมรุกด้วยกันทั่งคู่ จึงเป็นสิ่งที่น่าติดตาม เพราะมีเก้าอี้แชมป์ตลาดปิกอัพปีนี้เป็นของรางวัล
|