|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
รัฐมนตรีคลังพูดชัด กนง.ประชุมวันนี้ ลดดอกเบี้ยลงได้อีก เหตุไม่มีแรงกกดดันเรื่องเงินเฟ้อ พร้อมปลุกจิตสำนึกนายแบงก์ปล่อยสินเชื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจ อ้างบุญคุณรัฐ เคยนำภาษีประชาชนไปอุ้มสถาบันการเงินช่วงวิกฤต40 ลั่นพร้อมขายแบงก์สินเอเชียกับนครหลวงไทย แก้ปัญหาแบงก์ขนาดใหญ่ผูกขาด ด้านสมาคมธนาคารไทยมีมติไม่ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ อ้างส่วนต่างดอกเบี้ย (สเปรด) แคบลง ส่วนการยกเว้นค่าธรรมเนียมรีไฟแนนซ์จะพิจารณาเป็นรายๆ
กรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะประชุมเพื่อพิจารณาแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและเศรษฐกิจไทยในวันนี้ (20 พ.ค.) นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า แม้ที่ผ่านมา กนง.ได้ลดดอกเบี้ยมาอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดเหลือ 1.25% แต่ก็ยังมีช่องทางที่จะลดลงได้อีก เพราะขณะนี้ไม่มีแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อ ทั้งนี้ ขึ้นกับการพิจารณาของ กนง.ด้วยว่าจะดูแลให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจอย่างไร
ส่วนการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องการให้ธนาคารพาณิชย์ลดดอกเบี้ยเงินกู้นั้น ยอมรับว่า ธปท.อาจทำได้ไม่เต็มที่ เพราะระบบสถาบันการเงินของไทย ไม่ได้เปิดโอกาสให้ทางการไปบังคับได้ เนื่องจากธนาคารพาณิชย์มีอิสระในการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม ธนาคารพาณิชย์เองควรจะตระหนักด้วยว่าช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ปี 2540 รัฐบาลโดยเงินภาษีของประชาชนเข้ามาช่วยเหลือสถาบันการเงิน แต่พอมีปัญหาเศรษฐกิจ ธนาคารพาณิชย์และผู้ถือหุ้นต้องช่วยเหลือด้วย
"กระทรวงการคลังเองต้องการให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการ เพราะระบบธนาคารพาณิชย์เป็นกลไกสำหรับต่อระบบเศรษฐกิจ หากไม่ปล่อยสินเชื่อ โอกาสที่เศรษฐกิจจะเติบโตก็คงไม่มี แต่ก็ต้องแยกแยะให้ออกว่า สินเชื่อที่ลดลงส่วนหนึ่งมาจากความต้องการสินเชื่อที่ลดลงด้วย เห็นได้จากกำลังการผลิตของบริษัทขนาดใหญ่นั้น ปรับลดลงถึง 40%"
รมว.คลังกล่าวว่า ประเทศไทยยังโชคดีที่ระบบสถาบันการเงินยังเข้มแข็งเพียงพอที่จะดูแลเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ การผ่อนคลายกฏเกณฑ์ต่างๆ ควรทำในช่วงที่เศรษฐกิจมีปัญหา แล้วไปเข้มงวดช่วงที่เศรษฐกิจร้อนแรง เพราะหากไปทำในช่วงที่เศรษฐกิจเฟื่องฟู ก็ยิ่งไปเพิ่มความเสี่ยงให้มากขึ้น และจะเกิดปัญหาสถาบันการเงินเหมือนสหรัฐอเมริกา เพราะไปผ่อนคลายเกณฑ์ช่วงเฟื่องฟู
นายกรณ์กล่าวถึงการขายหุ้นของกระทรวงการคลังในธนาคารสินเอเชีย จำกัด (มหาชน) ACL ว่า ยังไม่มีเอกชนรายใดเข้ามายื่นข้อเสนอ เพื่อซื้อหุ้นของสินเอเชียแต่อย่างใด แต่หากพิจารณาแล้วเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อระบบสถาบันการเงินและเศรษฐกิจของประเทศ กระทรวงการคลังก็พร้อมที่จะสนับสนุนเอกชนที่ต้องการเข้ามาลงทุนในสัดส่วนหุ้นที่เกินเพดาน 49% โดยจะใช้หลักการเดียวกันทั้งธนาคารสินเอเชีย ธนาคารนครหลวงไทยและธนาคารซีไอเอ็มบีที่เข้ามาลงทุนในไทยธนาคารด้วย เชื่อว่า ธปท.ก็พร้อมที่จะขายหุ้นที่เหลือให้ทั้งหมดเช่นกัน
“ผมเองไม่สนับสนุนให้ระบบสถาบันการเงินถูกผูกขาดด้วยธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4-5 แห่งเท่านั้น" รมว.คลังกล่าว
แบงก์ดับฝันเมินลดดอกเบี้ยเงินกู้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่สมาคมธนาคารไทย ได้ประชุมร่วมธนาคารสมาชิกเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่โรงแรมพลาซ่าแอทธินีนั้น ธนาคารได้ข้อสรุปพร้อมกับทำหนังสือรายงานให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทราบ เกี่ยวกับนโยบายที่ ธปท.มอบหมายให้ธนาคารพาณิชย์ตัดสินใจดังนี้ 1.เรื่องของการพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ โดยที่ประชุมสมาคมหารือกับแล้วเห็นว่า ไม่สามารถปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ได้ พร้อมกับให้เหตุผลว่าส่วนต่างดอกเบี้ยเงินกู้และดอกเบี้ยเงินฝาก (สเปรด) ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เริ่มแคบลงกว่าสิ้นปีที่ผ่านมา ขณะที่ ต้นทุนของธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งไม่เท่ากัน หากปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้อาจทำให้ธนาคารประสบปัญหาขาดทุนได้
กรณีที่ 2.เรื่องของการพิจารณาให้ยกเลิกค่าธรรมเนียมรีไฟแนนซ์สำหรับสินเชื่อผู้ประกอบขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) นั้น ธนาคารพาณิชย์มีการพิจารณาให้เป็นรายๆ อยู่แล้ว ซึ่งในเรื่องยกเว้นค่าธรรมเนียมสามารถดำเนินการได้ และกรณี 3.เรื่องความคืบหน้าของโครงการค้ำประกันสินเชื่อรวมกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) โดยความล่าช้าผ่านมาเกิดจากธนาคารต้องแยกพอร์ตสินเชื่อของธนาคารกับเอสเอ็มอีที่ต้องการใช้บริการ บสย.ให้ชัดเจน โดยขณะนี้ขบวนการแยกพอร์ตสินเชื่อเสร็จสิ้นแล้ว จากนี้การปล่อยสินเชื่อจะดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) กล่าวถึงการประชุม กนง.วันนี้ว่า สามารถมองได้ 2 แนวทาง คือตลาดโดยรวมคาดการณ์ว่าที่ประชุม กนง.จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.25% ส่วนอีกแนวทางหนึ่งหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจะมีการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.25% เช่นเดิม จึงขึ้นอยู่กับ ธปท.ว่าจะกำหนดนโยบายและทิศทางอัตราดอกเบี้ยว่าจะให้ออกมาในรูปแบบใด ส่วนธนาคารกสิกรไทยเองหลังจากที่ผลการประชุมออกมาแล้วจะกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้อย่างไรนั้น ธนาคารจะต้องดูต้นทุนทางการเงินและการแข่งขันเป็นหลัก
|
|
|
|
|