|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ไออาร์พีซีฟุ้งไตรมาส 2/2552 กำไรดีกว่าไตรมาสแรกปีนี้แน่ เนื่องจากไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นและมาร์จินปิโตรเคมีและการกลั่นสูง โดยล่าสุดค่าการกลั่นเม.ย.สูงกว่าค่าการกลั่นไตรมาส 1 เผยเตรียมสรุปการรีวิวแผนการลงทุนใหม่ในอีก 3 เดือนข้างหน้า หลังทิศทางตลาดเปลี่ยนแปลง พร้อมกับปรับแผนลงทุนโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันยูโร 4 เน้นลงทุนเฉพาะผลิตน้ำมันให้ได้ตามมาตรฐาน ไม่ขยายกำลังการผลิต ทำให้ลดการลงทุนเหลือเพียง 100กว่าล้านเหรียญสหรัฐ
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)IRPC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2552 บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้และกำไรสุทธิสูงกว่าไตรมาสแรกปีนี้ ที่มีรายได้รวม 2.60 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิ 1.62 พันล้านบาท เนื่องจากไตรมาสนี้ บริษัทไม่ได้มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นเป็นเวลา 3 สัปดาห์เหมือนไตรมาสแรก ขณะเดียวกันส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์พลาสติกกับวัตถุดิบ (สเปรด)ก็สูงถึง 600-700 เหรียญสหรัฐ/ตัน และค่าการกลั่นก็อยู่ในเกณฑ์ดี ในช่วงเม.ย.ค่าการกลั่นสูงกว่าไตรมาสแรกนี้ โดยมีกำลังการกลั่นระดับปกติที่ 1.8 แสนบาร์เรล/วัน
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยน้ำมันดิบดูไบได้ปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 59 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 15 เหรียญเมื่อเทียบกับช่วงต่ำสุดในปลายปีที่แล้ว ตามสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก เช่น ตัวเลขการว่างงาน และอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐดีกว่าที่คาดหมาย และการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปค ทำให้แนวโน้มราคาน้ำมันน่าจะยืนอยู่ในระดับนี้หรือปรับตัวสูงขึ้น
ขณะเดียวกัน ราคาปิโตรเคมีเองก็ปรับตัวสูงขึ้น เป็นผลจากความต้องการเม็ดพลาสติกในตลาดจีนที่มีสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังรัฐอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ทำให้บริษัทฯได้รับคำสั่งซื้อสินค้าจากจีนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เม.ย.ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันราคาพลาสติกสไตรีน โมโนเมอร์ก็ปรับตัวสูงขึ้น หลังจากสต็อกสินค้าลดลงบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิสก์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และยานยนต์
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจปิโตรเคมีก็ยังมีความเสี่ยงจากกำลังการผลิตใหม่จากตะวันออกกลางที่จะเข้ามาปลายปีนี้ว่าจะมากน้อยเพียงใด และมีกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกใหม่ของกลุ่มปตท.และเครือซิเมนต์ไทยที่จะทยอยเสร็จเข้ามาในปลายปี2552-2553 คงต้องดูว่าความต้องการใช้พลาสติกในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นจะรองรับกำลังการผลิตใหม่ได้หรือไม่ หากปริมาณการผลิตเกินความต้องการใช้จะมีผลทำให้มาร์จินธุรกิจปิโตรเคมีลดลง แม้ว่าขณะนี้มาร์จินปิโตรเคมีค่อนข้างสูงก็ตาม
“ บริษัทฯมั่นใจว่าราคาปิโตรเคมีได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเมื่อธ.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้ราคาพลาสติกวิ่งขึ้นไปอย่างเดียว เนื่องจากรัฐบาลจีนประสบความสำเร็จในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้ราคาปิโตรเคมีสูงขึ้นด้วย โดยล่าสุดบริษัทมีออเดอร์ส่งออกเม็ดพลาสติกไปถึงมิ.ย.แล้ว และจากราคาน้ำมันดิบในตลาดWTI ที่ปิดตลาดเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ขึ้นไป 2 เหรียญสหรัฐ ไปแตะอยู่ที่59.03 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ก็เป็นสัญญาณที่ดีต่อธุรกิจการกลั่นที่จะได้ค่าการกลั่นกลับมาสูงขึ้น ชดเชยมาร์จินจากธุรกิจปิโตรเคมีที่จะลดลงไป"
นายไพรินทร์ กล่าวถึงแผนการลงทุนของบริษัทฯในอนาคตว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการทบทวนการลงทุนโครงการต่างๆเพื่อให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจและตลาด คาดว่าจะได้ข้อสรุปชัดเจนในอีก 2-3 เดือนข้างหน้านี้ เบื้องต้นคงชะลอการลงทุนออกไป คือ โครงการโรงกลั่นน้ำมันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกลั่นและเพิ่มกำลังการผลิตจาก 2.15 แสนบาร์เรล/วันเป็น 2.58 แสนบาร์เรล/วัน ใช้เงินลงทุน 620 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากมีการส่งเสริมให้ใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันในประเทศลดลงจนต้องส่งออก ส่วนโครงการขยายกำลังการผลิตABS/SAN และโครงการปรับปรุงท่าเรือ อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมว่าควรลงทุนในช่วงนี้หรือไม่
สำหรับโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 4 นั้นก็คงต้องเดินหน้าทันที แต่จะลงทุนแบบจำกัด เฉพาะผลิตน้ำมันให้ได้ตามสเปคมาตรฐานยูโร 4 เพื่อรักษาตลาดน้ำมันในประเทศเท่านั้น ทำให้ใช้เงินลงทุนน้อยลงกว่าแผนเดิมกว่า 50% รวมไปถึงโครงการโพรพิลีน บูสเตอร์ มูลค่าเงินลงทุน 88 ล้านเหรียญสหรัฐ ก็เดินหน้าลงทุนต่อไป
ส่วนนโยบายการป้องกันความเสี่ยง (เฮดจิ้ง)นั้น ขณะนี้บริษัทฯยังไม่มีแผนจะทำเฮดจิ้งน้ำมัน เนื่องจาก ราคาน้ำมันอยู่ในช่วงขาขึ้น หากทำเฮดจิ้งช่วงนี้จะเป็นการกดมาร์จินให้ต่ำกว่าที่ควรจะได้
นายไพรินทร์ กล่าวถึงแผนการควบรวมกิจการของ 4 บริษัทในเครือปตท.ว่า บริษัทแม่ คือปตท.อยู่ระหว่างการศึกษาการควบรวมกิจการของ 4 บริษัทในธุรกิจการกลั่นและปิโตรเคมี ซึ่งมองว่าการควบรวมกิจการทำให้ภาพรวมธุรกิจเกิดความแข็งแกร่งขึ้น
ส่วนกรณีที่มีการปรับเปลี่ยนประธานกรรมการบริษัทจากพล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ เป็นนายณอคุณ สิทธิพงศ์ รองปลัดกระทรวงพลังงานและประธานกรรมการบมจ. ปตท. นายไพรินทร์ กล่าวว่า บริษัทฯยังไม่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารงานแต่อย่างใด รวมไปถึงการจัดซื้อน้ำมัน ที่เน้นความโปร่งใสยิ่งขึ้น
ควัก100กว่าล้านดอลล์ลงทุนยูโร 4
นายบรรลือ ฉันทาดิศัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การลงทุนโครงการปรับปรุงน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 4 บริษัทจะเน้นลงทุนเฉพาะส่วนที่ปรับปรุงคุณภาพน้ำมันให้ตามมาตรฐานยูโร 4 เท่านั้น เพื่อให้เพียงพอที่จะขายในประเทศเท่านั้น ทำให้ใช้เงินลงทุนเพียง 100-150 ล้านเหรียญสหรัฐลดลงจากเดิมที่จะลงทุนในส่วนการปรับปรุงการผลิตน้ำมันหนักให้เป็นน้ำมันสำเร็จรูปและเพิ่มกำลังการผลิตที่เดิมต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 360 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ บริษัทฯคงต้องเตรียมลงทุนโครงการผลิตน้ำมันให้ได้ตามมาตรฐานยูโร 4 หลังจากรัฐบาลมีนโยบายที่จะไม่เลื่อนการบังคับใช้ในต้นปี 2555 ทำให้บริษัทฯต้องเร่งลงทุนภายในปีนี้ แม้ว่าเบื้องต้นโครงการนี้อาจแล้วเสร็จล่าช้าออกไป 3-4 เดือน แต่บริษัทฯก็อาจใช้วิธีแลกเปลี่ยนน้ำมันกับโรงกลั่นอื่นๆในเครือปตท.ทั้งบางจากฯและไทยออยล์
สำหรับแหล่งเงินลงทุนโครงการนี้ บริษัทไม่มีแผนจะออกหุ้นกู้ หลังจากก่อนหน้านี้ได้กู้เงินจากธนาคารพาณิชย์เพื่อใช้ขยายการลงทุนโครงการต่างๆ 1 หมื่นล้านบาท และบริษัทยังมีกระแสเงินสดค่อนข้างมากเพียงพอที่จะลงทุน ฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยมีอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.2 เท่า
|
|
|
|
|