ตัวเลขยอดขายรถยนต์ 8 เดือนแรกนี้ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 32.8% ส่งผลดีต่อบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์
และนิคมอุตสาหกรรมที่ขายที่ดินได้เพิ่มจากการขยายกำลังการผลิตของผู้ผลิตชิ้นส่วนฯเพื่อรองรับออเดอร์ที่เพิ่มขึ้น
โบรกเกอร์หลายผนึกกำลัง แนะนำนักลงทุนให้ซื้อ/ถือลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะหุ้นที่มีแนวโน้มดี
STANLY, IRC, BAT-3K,YUASA, SPSU, AMATA และ ROJANA
จากการเปิดเผยยอดขายรถยนต์ ในประเทศในช่วงสิงหาคมของบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย
เพิ่มขึ้น 18.7% อยู่ที่ 42,453 ตัน และในช่วง 8เดือนแรกของปีนี้มียอดขายรถยนต์เท่ากับ
334,422 คัน เพิ่มขึ้น 32.8%
โดยสิงหาคมรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มีปริมาณขายสูงสุดที่ 28,944 คัน เพิ่มขึ้น
17.4% รวมถึงรถกระบะ 1 ตันที่มียอดขาย 25,063 คัน เพิ่มขึ้น 21.7%ส่วนรถยนต์นั่งเพิ่มขึ้น
21.7%เป็น 13,509 คัน สำหรับ 8 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายรถยนต์นั่งเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูง
สุด 43.2% อยู่ที่ 114,751 คัน ขณะที่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขยายตัว 30.7% มาอยู่ที่
191,510 คัน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นรถกระบะขนาด 1 ตันเพิ่มขึ้น 28%
บริษัทหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) วิเคราะห์ว่าแนวโน้มในไตรมาส
4 ยอดขายรถยนต์ น่าจะสดใส เพราะทุกค่ายรถยนต์จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และออกแคมเปญมาช่วยผลักดันยอดขาย
รวมทั้งงาน "มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2003" ในช่วงสิ้นปีจะช่วยสนับสนุนยอดขาย
เราประมาณการว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศปีนี้น่าจะอยู่ที่ 4.92 แสนคัน เพิ่มขึ้น
20.3% นับว่าอุตสาหกรรมรถยนต์มีการเติบโตที่ดีมากในปีนี้ และจะสดใสต่อเนื่องไปจน
ถึงปี 2547-48 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตของยอดขายในประเทศและส่งออกที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในส่วนรถอาร์วี
(Re-Creational Vehicle : RV) ซึ่งประกอบด้วย รถกระบะขนาด 1 ตัน, รถอเนกประสงค์
สำหรับค่ายรถยนต์ที่จะใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกรถ RV ไป ทั่วโลก เช่น
ค่าย General Motor (Isuzu D-MAX), ค่าย Toyota (IMV-New Hilux), ค่าย Mitsubishi
(Strada), ค่าย Ford เป็นต้น
สำหรับผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์และผู้ประกอบการนิคมฯจะได้รับอานิสงส์จากการขยายตัว
โดยคาดว่า ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จะขยายกำลังการผลิตรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น
และผู้ประกอบการเหล่านี้จะซื้อที่ดินเพื่อขยายโรงงานทำให้ผู้ประกอบการนิคมฯ ได้รับประโยชน์ตามไปด้วย
สำหรับผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่เราแนะนำซื้อ/ถือลงทุน คือ BAT-3K ราคาเป้าหมาย
81 บาท, STANLY ราคาเป้าหมายที่ 349 บาท, IRC ราคาเป้าหมาย 156 บาท
ส่วนนิคมฯที่แนะนำซื้อ คือ ROJANA ราคาเป้าหมายก่อนXWที่ 66 บาท และหลัง XW 56
บาท และ AMATA ราคาเป้าหมาย 10.4 บาท
ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า หุ้นในกลุ่มยานยนต์เป็นหุ้นที่ยังมีศักยภาพในการเติบโตที่ดี
เพราะไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออก โดยมีค่ายรถยนต์หลายยี่ห้อได้เข้ามาลงทุน
โดยเฉพาะโตโยต้าที่จะใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถกระบะเพื่อการส่งออก แต่ปัจจุบันราคาหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นมายืนเหนือ
ราคาเป้าหมายในปี 2546 แล้ว
ดังนั้นการซื้อลงทุนจึงเหมาะสำหรับการซื้อลงทุนระยะยาวมากกว่า หุ้นที่ยังสามารถถือไว้ได้คือ
STANLY, IRC, BAT-3K, SPSU
บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน ประเมินว่า จากยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นสูงขึ้น
ทำให้ผู้ประกอบการชิ้นส่วนฯ ได้ประโยชน์ โดยเฉพาะ BAT-3K ที่มีกำลังการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ที่
1.7 แสนลูกต่อเดือน สำหรับแบตเตอรี่จักรยานยนต์ที่ 1.5 แสนลูกต่อเดือน คาดว่าปีนี้จะมียอดขายทั้งหมด
1,981 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น 28.5% กำไร สุทธิ 194.56 ล้านบาท ดังนั้นราคาเป้าหมาย
BAT-3K ปีนี้เท่ากับ 78 บาท
ส่วน YUASA คาดการณ์ยอดขายปีนี้เท่ากับ 1,198 ล้านบาท เติบโตขึ้น 20% อัตรากำไรขั้นต้น
25% และกำไรสุทธิน่าจะใกล้เคียงกับปีที่แล้วอยู่ที่ 86 ล้านบาท ส่วนปีหน้ายอดขายน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น
1,437 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำลังการผลิตขึ้น ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นตาม
ดังนั้น เราจึงได้กำหนดราคาเป้าหมายในปีนี้อยู่ที่ 41.60 บาท และปี 2547 อยู่ที่
45.50 บาท