การเปิดตัวโตโยต้า อัลติส เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ทำให้โตโยต้า มีรถในเซ็กเมนท์คอมแพ็กต์คาร์ ครบทุกรุ่นเครื่องยนต์ เป็นการเพิ่มยอดขายรถยนต์นั่ง ในจังหวะที่ยอดขายรถปิกอัพกำลังดิ่งลงอย่างน่ากลัว คาดทำให้อัลติสใหม่มียอดขายปีละ 27,000 คัน หวังทิ้งห่างคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่น
การเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ของโตโยต้า อัลติส ด้วยรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ทำให้โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย มีผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองลูกค้าได้ครอบคลุมทุกกลุ่มในเซ็กเมนท์รถยนต์นั่งขนาดเล็ก ในขณะที่คู่แข่งในตลาดทั้งฮอนด้า ซิวิคมีขนาดเครื่องยนต์ให้เลือกเพียง 2 รุ่นคือ 1.8ลิตรและ2.0ลิตร เช่นเดียวกันกับฟอร์ด โฟกัส และมาสด้า 3 นั้นก็มีขนาดเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ,2.0 ลิตร ส่วนมิตซูบิชิ แลนเซอร์ นั้นปัจจุบันมีเหลือทำตลาดอยู่เพียงรุ่นเดียวคือ 1.6ลิตร
ดังนั้นการเปิดตัวรถยนต์ 'อัลติส ใหม่'ในครั้งนี้ถือเป็นการปิดช่องของโตโยต้าในตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก แม้ปริมาณของรถยนต์ในเซ็กเมนท์คอมแพ็กต์จะมีขนาดไม่ใหญ่นักเมื่อเทียบกับ กลุ่มเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร แต่ที่ผ่านมา ฮอนด้าซีวิค ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญก็ทำยอดขายรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรไปได้พอสมควร และเป็นการทำตลาดแบบไร่คู่แข่งกดดัน
ทั้งนี้โตโยต้า คาดหวังว่า 'อัลติส 2.0ใหม่'ในครั้งนี้จึงทำให้โตโยต้าสามารถเข้ามากวาดกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่นหรือกลุ่มผู้บริหารรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบรถยนต์สมรรถนะแรงประกอบกับการแต่งรถให้มีเอกลักษณ์ในสไตล์สปอร์ตและชื่อชั้นของแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือก็น่าจะทำให้กลุ่มลูกค้าหันมามองอัลติสใหม่มากขึ้น
วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า สัญญาณของตลาดเริ่มดีขึ้น และเชื่อมั่นว่ารถยนต์ในรุ่นใหม่นี้จะได้รับการตอบรับที่ดี ส่วนกรณีที่มองว่าการเปิดตัวรถในรุ่นใหม่ช้าหรือเป็นแผนเร่งด่วนนั้นก็ต้องบอกว่าไม่ใช่แผนงานที่เพิ่งจะคิดได้ แต่เป็นการวางแผนมานาน เพียงแต่ว่าระยะเวลาที่เปิดตัวนั้นล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมเล็กน้อย อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าการเปิดตัวรถรุ่นใหม่นี้จะทำให้ยอดขายของอัลติสทั้งหมดเติบโต เพราะถือเป็นเจ้าเดียวที่มีรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่มีเครื่องยนต์ให้เลือกครบครันมากที่สุด
'ตลาดรถยนต์นั่งมีแนวโน้มที่จะเติบโต โดยสัดส่วนตลาดรถยนต์นั่งกับรถปิกอัพมีการเปลี่ยนแปลงจาก 40:60 เป็น 45:55 จากแนวโน้มดังกล่าว ทำให้เราต้องเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์นั่ง พร้อมกับการเพิ่มพนักงานอีกประมาณ 500 คน ทำงานเพิ่มจาก 1 กะเป็น 2 กะ' วุฒิกรกล่าว
โดยอัลติส2.0ลิตรใหม่ เป็นผลิตภัณฑ์ที่เข้ามารุกตลาดกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบความแรง ทำให้ต้องมีการปรับแต่งรูปโฉมให้ดูแตกต่างจากรุ่นทั่วไป และใส่ความเป็นสปอร์ตเข้าไป นอกจากนั้นในแง่ของเครื่องยนต์ก็มีการยกเครื่องใหม่ โดยเลือกใช้รหัส 3ZR-FE มีระบบDual VVT-i ที่ใช้ในคัมรี่ รุ่น3.5ลิตรมาใช้เป็นครั้งแรกในอัลติส นอกจากนั้นยังมีระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ Paddle Shift ที่พวงมาลัย หรือในรุ่น 2.0 Navigator ได้มีการเพิ่มปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์และปุ่มโทรออกด้วยเสียง และมีระบบนำทาง กล้องมองหลัง ระบบไฟหน้าแบบHID ปรับระดับสูงต่ำอัตโนมัติ ระบบสตาร์ทอัจฉริยะและระบบเปิดประตูอัจฉริยะส่วน รูปลักษณ์ภายนอกได้มีการตกแต่งโดยมีชุดแต่งแอโรพาร์ท รอบคัน
อย่างไรก็ตามการส่งอัลติส 2.0 ลิตรเข้ามาในตลาด ทำให้โตโยต้า ต้องการปรับโครงสร้างราคาของอัลติสใหม่ โดยเฉพาะการปรับราคาของรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลง 50,000-60,000 บาท พร้อมกับลดสเป็กของอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้อัลติสทุกรุ่นมีราคาที่สอดคล้องกัน ซึ่งราคาของอัลติสเริ่มจากรุ่นเครื่องยนต์ 1.6 อยู่ระหว่าง 719,000-814,000 อัลติสรุ่น 1.8 ลิตรนั้น ราคาเดิมอยู่ระหว่าง 899,000-979,000 บาท มีการปรับลงเหลือ 844,000-899,000บาท และอัลติสรุ่น 2.0 ใหม่ราคาอยู่ที่ 949,000-1,184,000
โดยราคาเริ่มต้นของอัลติส 2.0 ใหม่นั้น ถูกกว่าคู่แข่งอย่างฮอนด้าซีวิค ที่ราคาเริ่มต้น 1,046,000 บาท แต่ในรุ่น ท็อปนั้น แม้ราคาจะสูงกว่าคู่แข่งอยู่พอสมควร แต่คาดว่าปริมาณยอดขายที่มาจากรุ่นท้อปนั้น ไม่น่าจะมีมากนัก ซึ่งโตโยต้า ประเมินว่า หลังจากที่มีการเปิดตัวอัลติสใหม่ จะทำให้ยอดขายอัลติส เพิ่มขึ้นราว 10% เป็นยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากอัลติสเครื่องยนต์ใหม่ เดือนละประมาณ 250คัน และเมื่อบวกรวมเข้ากับอัลติสทุกรุ่นที่แต่เดิมขายได้ราว 1,950-2,000คันก็จะส่งให้อัลติสทั้งหมดมียอดขายเฉลี่ย2,200-2,250คันต่อเดือน หรือถ้ารวมทั้งปีก็จะอยู่ที่ 26,400-27,000คัน
ทั้งนั้โตโยต้าระบุว่า แผนการเปิดตัวอัลติส 2.0 ใหม่ ในครั้งนี้ ล่าช้ากว่าแผนงานที่วางไว้อยู่เล็กน้อย เนื่องจากปัญหาทั้งการเมือง และเศรษฐกิจในประเทศ แต่ช่วงเวลาของการเปิดตัวดังกล่าว อยู่ในจังหวะเดียวกับการจัดกิจกรรม โตโยต้า มอเตอร์สปอร์ต เฟสติวัล ที่ต้องมีการจัดการแข่งขัยรถยนต์ทางเรียนในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทั้งหมด 5 สนาม ประกอบด้วยสนามกีฬาหัวหมาก กรุงเทพฯ,อุดรธานี,นครศรีธรรมราช,พิษณุโลกและ ชลบุรี ซึ่งการจัดกิจกรรมดังกล่าวยังมีส่วนผลักดันการทำตลาดรถยนต์รุ่นนี้ ไปพร้อมๆ กับรถยนต์รุ่นอื่นๆ จากส่วนกลางของโตโยต้า ให้กับดีลเลอร์ในพื้นที่ นอกจากนี้ โตโยต้า ยังมีความพร้อมในเรื่องของโชว์รูมและศูนย์บริการ ที่มีมากถึง 308 แห่งจากดีลเลอร์ 120 รายทั่วประเทศ
การรุกตลาดรถยนต์คอมแพ็กต์ ของโตโยต้า ในครั้งนี้ น่าจะทำให้ส่วนแบ่งตลาดของ อัลติสในเซ็กเมนท์ คอมแพ็กต์คาร์ เพิ่มขึ้นได้ไม่มากก็น้อย จากตัวเลขในปี 2551 ที่ครองส่วนแบ่งอยู่ที่ 39 % และมีฮอนด้าซีวิค ตามมาใกล้ๆ คือ 34% และการเพิ่มไลน์โปรดักส์ครั้งนี้ ถือเป็นการอุดช่องว่างและเป็นการสร้างความแข็งแกร่งของโตโยต้า และอาจทำให้เป็นการทิ้งห่างคู่แข่งชนิดไม่เห็นฝุ่น มิใช่ทิ้งห่างแบบหายใจรดต้นคอเหมือนเช่นที่ผ่านมา
|