Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTV ผู้จัดการรายวัน19 พฤษภาคม 2552
หุ้นไทยQ2เริ่มฟื้นหนุนดัชนีพุ่ง             
 


   
search resources

Stock Exchange




ดัชนีหุ้นยังอยู่ในช่วงพักฐาน รอดีดตัวเพิ่ม วานนี้(18พ.ค.) ปิดที่ 540 จุด เพิ่มขึ้น 6.30 จุด จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์ – พลังงานในช่วงบ่าย โบรกฯเชื่อปัจจัยบวกหลายๆด้านเริ่มเข้ามากระตุ้นการลงทุน โดยเฉพาะจากต่างประเทศ พร้อมคาดผลประชุมโอเปกและการประชุมกนง.ไม่มีผลต่อดัชนีฯมากนัก เหตุนักลงทุนรับรู้และคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว ยืนยันบริษัทจดทะเบียนไทยยังแข็งแกร่ง แม้หลายกลุ่มผลประกอบการไตรมาส1น่าผิดหวัง แต่ไตรมาส 2 จะเริ่มเห็นการฟื้นตัว

ความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯวานนี้ (18พ.ค.) ปิดที่ 540.22 จุด เพิ่มขึ้น 1.18% หรือ 6.30 จุด ระหว่างวันปรับตัวแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 540.22 และต่ำสุดที่ระดับ 523.15 จุด มูลค่าการซื้อขาย 18,648.72 ล้านบาท นักลงทุนต่างปะเทศซื้อสุทธิ 199.95 ล้านบาท โดยวานนี้การซื้อขายเบาบางลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งขานรับข่าวดีจากปัจจัยภายนอกประเทศที่มีกระแสเงินไหลเข้ามามาก และปรับตัวพักฐานลงจากข่าวตัวเลขค้าปลีกสหรัฐฯที่ลดลงเมื่อวันที่ 14พ.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ในช่วงเช้าดัชนีตลาดหุ้นยืนอยู่ในแดนลบ ก่อนปรับตัวขึ้นแดนบวกในช่วงบ่ายซึ่งเป็นในทิศทางเดียวกับตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่มีการฟื้นตัวขึ้น โดยมีหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์และพลังงานฟื้นตัวขึ้นในช่วงบ่ายนี้ ส่วนภาพใหญ่ของตลาดทั่วโลกเป็นเรื่องของการปรับฐานทางเทคนิคเท่านั้น และ Flow ยังไม่ได้มีการขายออกมาเท่าไร สำหรับหลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 221 หลักทรัพย์ ลดลง 112 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 101 หลักทรัพย์

นายพงศ์พันธุ์ อภิญญากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEST กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวานนี้ช่วงปิดตลาดครึ่งเช้ามีการปรับตัวลดลง ผลมาจากเผชิญแรงขายในหุ้นกลุ่มพลังงาน,ปิโตรเคมี และกลุ่มคอมมูนิตี้ ที่ผลประกอบการของ PTT ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้าที่ประมาณ 7-8 พันล้านบาท

ทั้งนี้ยังคงเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังคงมีปัจจัยบวกหลายอย่างเข้ามากระตุ้นการลงทุน และแม้ตลาดจะอยู่ในช่วงปรับฐาน แต่เพียงช่วงสั้นๆ และพร้อมที่จะฟื้นตัว ซึ่งก็ยังมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เข้ามาแทน

ส่งผลให้ดัชนีหลักทรัพย์ในช่วงบ่ายปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 5 จุด จากปัจจัยบวกหลังจากตลาดหุ้นอินเดียปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิน10% หลังพรรคคองเกรสของนายกรัฐมนตรีมาโมฮัน ซิงห์ และพรรคร่วมรัฐบาลชนะการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทำให้นักลงทุนกลับมามีความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพทางการเมืองมากขึ้นนอกจากนี้ยังส่งผลบวกต่อสัญญาณทางเศรษฐกิจของแทบภูมิภาคเอเซีย รวมถึงประเทศไทย

นอกจากนี้ บริษัทในประเทศไทย ยังมีศักยภาพในการดำเนินงานแม้ว่าในไตรมาส 1/2552 ผลงานจะไม่เติบโตมากนัก แต่ก็ถือว่าอยู่ในแนวโน้มที่ดี เพราะรับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ และเชื่อว่าแนวโน้มในไตรมาส 2 จะมีโอกาสที่จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวที่มากขึ้น ขณะเดียวกันฐานะการเงินก็ค่อนข้างแข็งแกร่ง รวมทั้งมีศักยภาพในการขยายงานต่อ

ประชุมโอเปก-กนง.มีผลไม่มาก

สำหรับดัชนีฯ ในวันนี้ (19พ.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในแดนบวก ซึ่งเห็นสัญญาณได้จากการไหลเข้าของเงินทุนจากสถาบันที่มีอยู่ต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนภายในประเทศยังมีการซื้อขายอย่างหนาแน่นเช่นกัน ส่วนการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันเป็นสินค้าออกหรือโอเปก ในวันที่ 28 พ.ค. นี้และการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 20 พ.ค. ประเมิณว่าไม่ได้มีผลต่อน้ำหนักในการรลงทุนมากนัก เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่ากนง. อาจจะปรับลดลงดอกเบี้ยลง อีกทั้งในส่วนของการประชุมโอเปกถึงแม้จะมีบทสรุปออกมาเป็นอย่างไร หลายฝ่ายก็เชื่อว่าทิศทางของราคาน้ำมันน่าจะไม่ได้มีการเคลื่อนไหวแรง กว่าปัจจุบันมากนัก

ดังนั้นประเมินดัชนีฯ วันนี้ โดยแนวรับที่ 522 จุด แนวต้าน 540-555 จุด กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ เลือกซื้อรายตัว (selective buy )ในหุ้นพื้นฐานดีที่ยังพอมี Gap ที่จะทำกำไร เช่น หุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และ อาหาร

ด้านนายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ฝ่ายวิเคราะห์ บล. แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) หรือ ASL กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวานนี้มีการปรับตัวสลับบวกลบ ซึ่งในช่วงบ่ายมีการปรับตัวดีขึ้นตามสัญญาณตลาดหุ้นต่างๆในภูมิภาค โดยเฉพาะแรงซื้อที่กลับเข้ามาให้เห็นในกลุ่มธนาคาร สลับแรงขายในกลุ่มพลังงาน ที่มีส่วนผลักดันให้ดัชนีมีการปรับตัวฟื้นขึ้นมาปิดตลาดที่ 540.22 จุด เพิ่มขึ้น 6.30 จุด

ทั้งนี้จากการปรับตัวของดัชนีฯ มองว่ามีการกระจายตัว ซื้อขายในหุ้นกลุ่มหลักเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นหุ้นในกลุ่มพลังงานที่จะมีแรงซื้อน้อยกว่าหุ้นกลุ่มอื่น

สำหรับแนวโน้มดัชนีฯ วันนี้คาดว่า จะมีการยืนตัวในแนวบวกต่อได้ โดยจะมีแรงซื้อที่ดีในกลุ่มธนาคาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มสื่อสาร ประเมินแนวรับที่ 535 จุด แนวต้านที่ 554 จุด แนะนักลงทุน ซื้อขายตามตลาด

ขณะที่ นายถนอมศักดิ์ สหรัตนชัย ผู้บังคับบัญชา สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) (CNS) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในวานนี้มีการเคลื่อนไหวที่ไม่เหมือนกัน โดยช่วงเช้ามีการเปิดลบ แต่ในช่วงบ่ายเปิดบวก ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะมีการฟื้นตัวขึ้น

"ตลาดบ้านเราจะอิงกับตลาดฮ่องกงที่ได้มีการปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างเยอะ ทำให้ Sentiment ของตลาดฯดี โดยจะเห็นได้ว่าหุ้นในกลุ่มแบงก์ และกลุ่มพลังงานได้กลับมาฟื้นตัวขึ้นในช่วงบ่ายนี้"นายถนอมศักดิ์ กล่าว

ขณะเดียวกัน การประชุมกนง.ในการพิจารณาการปรับอัตราดอกเบี้ยนั้น มองว่าแม้จะมีผลต่อตลาดฯแต่ก็ยังไม่มีน้ำหนักมาก ดังนั้นแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(19 พ.ค.) ตลาดหุ้นไทยยังคงอิงกับการเคลื่อนไหวของตลาดต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งตลาดหุ้นคงจะมีการแกว่งตัวขึ้น-ลงไม่มาก เพราะขณะนี้ยังอยู่ในช่วงของการปรับฐาน เพื่อรอที่จะปรับตัวขึ้นต่อไปตามทิศทางของตลาดหุ้นที่ยังดี โดยมองว่าดัชนีฯมีโอกาสที่จะกลับไปทดสอบที่จุดสูงสุดเดิม 554 จุดได้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us