|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ไอเอ็นจีประกันชีวิตคุยปีนี้ผลประกอบการมีกำไรแน่ หลังจากปีก่อนขาดทุน ยันบริษัทยังแข็งแกร่งไตรมาส 1 เบี้ยรับรวมโต 28% พร้อมขยายยอดขายผ่านทุกช่องทาง
นายราเจช เสฐฐี กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต จำกัด (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทคาดว่าจะกลับมามีกำไรได้อีกครั้งหลังจากในปีที่ผ่านมามียอดขาดทุนอยู่ 297 ล้านบาท โดยในไตรมาส 1/2552 บริษัทมียอดเบี้ยประกันรับรวมอยู่ที่ 1,526 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 28% โดยเบี้ยประกันภัยปีแรกมียอดอยู่ที่ 399 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 22% ส่วนอัตราการดำรงเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมายของบริษัทอยู่ที่ 330% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 239%
ส่วนกลยุทธ์ในปีนี้บริษัทจะเดินหน้าขยายการลงทุนในการพัฒนาช่องทางการขายทั้งหมด พร้อมทั้งสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ ตลอดจนยกระดับการให้บริการให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อเสริมสร้างรากฐานทางธุรกิจของบริษัทให้แข็งแกร่งรองรับการเติบโตในอนาคต โดยบริษัทได้เดินหน้าขยายการลงทุน ทั้งทางด้านการพัฒนาบุคลากรของบริษัท การส่งเสริมแบรนด์ของบริษัทให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และการพัฒนาการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังลงทุนเปิดศูนย์บริการลูกค้าซึ่งมีมูลค่า 50 ล้านบาทภายใต้นโยบายที่มุ่งยกระดับการดำเนินงาน เพื่อมอบความคุ้มค่าสูงสุด ทั้งนี้ ทางบริษัทแม่มีแผนได้ใส่เงินทุนเพิ่ม 625 ล้านบาท โดยในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาได้ใส่เข้ามาแล้ว 370 ล้านบาท
"ผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกก็คงมีผลต่อไอเอ็นจีกรุ๊ปบ้าง แต่ในส่วนของไทยไม่มีเพราะตอนนี้เรายังโตได้ต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าผลประกอบการเรายังขาดทุนแต่ตอนนี้ทิศทางเริ่มดีขึ้น เพราะรายได้เราเพิ่มและค่าใช่จ่ายลดลง และก็มีรายได้จากการลงทุนเพิ่ม สำหรับโครงสร้างช่องทางการขายนั้นเดิมจะมาจากตัวแทน 64% แบงก์แอสชัวรันส์ 22% และแบบขายตรงหรือผ่านโทรศัพท์ 14% แต่ในปีนี้โครงสร้างจะเปลี่ยนเป็นมาจากตัวแทน 50% แบงก์แอสชัวรันส์ 35% และแบบขายตรง 15%"
นายฮานส์ ฟิซเซอร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานสายงานบริหารตัวแทน บริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทยังคงมุ่งขยายและพัฒนาตัวแทนของบริษัทให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น โดยจะจัดฝึกอบรมให้ความรู้และเพิ่มพูนทักษะให้แก่ตัวแทนจัดสัมมนาให้ความรู้เพื่อเฟ้นหาตัวแทนใหม่ ทั่วประเทศ พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน ขยายเครือข่ายสำนักงานสาขาในจังหวัดต่างๆ จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด และเปิดเว็บไซต์สำหรับตัวแทน โดยปัจจุบันบริษัทมีตัวแทนอยู่กว่า 8,000 ราย และมีเบี้ยประกันรับจากตัวแทนเพิ่มขึ้น 10.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
นายกิตติ รังษีสิงห์พิพัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการประกันภัยแบบตรง และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายคณิตศาสตร์ประกันภัย บริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต กล่าวว่า การประกันภัยแบบตรงยังคงเป็นช่องทางการขายหลักสำหรับไอเอ็นจีประกันชีวิต ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 29% ในตลาดประกันชีวิตมูลค่า 5,000 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีตัวแทนขายทางโทรศัพท์จำนวน 200 ราย และมีระบบคอลล์เซ็นเตอร์ 2 แห่ง ในการขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตให้แก่ลูกค้าของบริษัทพันธมิตรชั้นนำผ่านทางโทรศัพท์ ทั้งนี้ ไอเอ็นจีประกันชีวิตได้เริ่มจับมือเป็นพันธมิตรกับธนาคารซิตี้แบงก์เป็นรายแรก ตามด้วยธนาคารเอสเอชบีซีและธนาคารทหารไทย และบริษัท จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ และล่าสุด ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด
นายแอนดรูว์ ชอว์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานแบงค์แอสชัวรันส์ บริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต กล่าวว่า บริษัทได้ร่วมกับธนาคารทหารไทยเปิดให้บริการระบบแบงค์แอสชัวรันส์ผ่านธนาคารทหารไทยกว่า 470 สาขาทั่วประเทศ และคาดว่าช่องทางใหม่ดังกล่าวจะช่วยขยายการเติบโตให้แก่ธุรกิจของบริษัทในปีนี้ โดยจะให้ความสนับสนุนอย่างครบวงจรทั้งทางด้านการตลาด การขาย การจัดโปรโมชั่น การจัดกิจกรรมสร้างแรงจูงใจ และการสนับสนุนการพิจารณารับประกันผ่านระบบออนไลน์แก่ธนาคารทหารไทยทุกสาขาทั่วประเทศ และในไตรมาส 2 นี้จะมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเอสเอ็มอีออกมาให้บริการเพิ่มเติมอีกด้วย
"ทางบริษัทได้จัดเจ้าหน้าที่จำนวน 110 คน เพื่อดำเนินการฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทแก่พนักงานธนาคารทหารไทยกว่า 3,000 คน ล่าสุดได้นำระบบไอทีมาใช้สนับสนุนขั้นตอนการสมัครทำประกันและการอนุมัติซึ่งลูกค้าสามารถรู้ผลการอนุมัติได้อย่างรวดเร็วหลังจากยื่นใบสมัครเพียงไม่กี่นาที จากเดิมที่ต้องใช้เวลานานถึง 5 วัน นับเป็นขั้นตอนการให้บริการที่ได้รับการตอบรับที่ดียิ่งจากลูกค้า"
|
|
|
|
|