|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ผลิตไฟฟ้าราชบุรีฯเผยกำไรไตรมาส 2/52 จะต่ำกว่าในไตรมาส แรกปีนี้ เนื่องจากปิดซ่อมโรงไฟฟ้าและมีภาระจ่ายภาษี สรุปแผนรีไฟแนนซ์หนี้ 2หมื่นล้านบาทในไตรมาส 3 นี้ แย้มเดินหน้าขยายลงทุนธุรกิจถ่านหินและโรงไฟฟ้าในออสเตรเลีย-อินโดนีเซีย
นายนพพล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2552ของบริษัทฯ คาดว่ามีกำไรต่ำกว่าไตรมาสแรกปีนี้ที่มีกำไรสุทธิ 1.84 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯได้มีการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมชุดที่ 1 รวมทั้งบริษัทฯมีภาระค่าใช้จ่ายด้านภาษีเฉลี่ยเดือนละ 70 ล้านบาท และมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน แต่ผลประกอบการทั้งปีนี้เชื่อว่า ยังเป็นไปตามเป้าหมาย หากไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้านอกแผนงานที่วางไว้ เพราะบริษัทจะหาช่องทางลดค่าใช้จ่าย รวมไปถึงลดสต็อกอุปกรณ์ต่างๆและต้นทุนทางการเงิน
ในปีนี้บริษัทฯมีภาระการจ่ายภาษีกว่า 700 ล้านบาท หลังจากหมดสิทธิประโยชน์ทางบีโอไอเป็นปีแรก ซึ่งเป็นเรื่องที่ได้ประเมินล่วงหน้าไว้แล้ว จึงไม่มีผลกระทบต่อการจ่ายเงินปันผล ขณะเดียวกัน บริษัทฯอยู่ระหว่างศึกษารูปแบบการทำรีไฟแนนซ์หนี้เดิมที่มีประมาณ 2 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ เพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่ายลง โดยยังไม่สรุปว่าจะรีไฟแนนซ์หนี้ทั้งจำนวนหรือไม่
นายนพพล กล่าวถึงแผนการลงทุนในต่างประเทศว่า บริษัทฯได้มองลู่ทางการลงทุนโรงไฟฟ้าในอินโดนีเซีย ซึ่งได้มีการเจรจากับเจ้าของโรงไฟฟ้าหลายราย อาทิ บริษัท ทรูบา ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้า แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะเข้าไปเป็นพาร์ทเนอร์หรือซื้อโรงไฟฟ้าดังกล่าว เพราะต้องการพิจารณาอย่างรอบคอบภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวเช่นนี้ ขณะที่ออสเตรเลีย บริษัทฯก็สนใจทั้งโรงไฟฟ้า ถ่านหิน น้ำมันและแก๊ส คงต้องใช้เวลานาน ทั้งนี้บริษัทฯก็สนใจธุรกิจโรงไฟฟ้าเอสพีพีทั้งในและต่างประเทศ
“ ก่อนหน้านี้บริษัทฯได้หารือกับปตท.อย่างไม่เป็นทางการ เนื่องจากปตท.มีการลงทุนถ่านหินในอินโดฯ เนื่องจากเป็นกลุ่มคนไทยด้วยกัน หากมีโอกาสที่จะร่วมมือกัน”
ส่วนความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนหงสา สปป.ลาว ขนาดกำลังการผลิต 1,878 เมกะวัตต์ ซึ่งจะผลิตเชิงพาณิชย์ได้ปี 2558 บริษัทฯได้ลงนามบันทึกความเข้าใจโครงสร้างค่าไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)แล้ว โดยเบื้องต้นบริษัทจะถือหุ้นสัดส่วน 40% ทำให้บริษัทฯมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มอีก 751 เมกะวัตต์ แต่หากมีการขายหุ้นโครงการดังกล่าวให้กับผู้ถือหุ้นจีนตามแผนการเดิม ก็จะลดสัดส่วนลงมาเหลือ 30% แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะเป็นช่วงเวลาไหน และยังคงแผนการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในปี 2558
ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานลม จ.เพชรบูรณ์ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ ต.ค. 52 ขณะที่โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ที่สปป.ลาว คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2556
|
|
|
|
|