ตลท.ให้ CAPE แจงเพิ่ม กรณีขายทรัพย์สินของบริษัท ตลอดจนการลดพนักงานถึง 80% ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีนัยต่องบการเงิน
โดยให้ส่งรายละเอียดภายใน 16 ก.ย.นี้
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการ บริษัทเคพโทรนิค อินเตอร์เนชั่นแนล
(ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) (CAPE) มีมติให้ฝ่ายบริหารดำเนินการขายเครื่องจักรและอุปกรณ์ไม่เกินร้อยละ
10 ของ สินทรัพย์ทั้งหมด และต่อมามีมติให้ดำเนินการขายเครื่องจักรและวัตถุดิบใน
สัดส่วนไม่เกินร้อยละ 50 ของมูลค่าสุทธิของทรัพย์สินรวม สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน
2546
รวมทั้งบริษัทได้ดำเนินการลดจำนวนพนักงานจากเดิม 295 คน เหลือ เพียง 60 คน และเปลี่ยนสัญญาจ้างแรงงานเป็นสัญญาจ้างการให้บริการ
เพื่อให้เหมาะสมกับแผนการผลิตในปัจจุบัน รายละเอียดตามข่าวที่ปรากฏในระบบ SET SMART
วันที่ 16 , 27 มิถุนายน 2546 และ 25 สิงหาคม 2546 นั้น
เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวของบริษัทจะมีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อฐานะการเงินและการดำเนินงานของบริษัท
ประกอบกับผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2546 บริษัทมียอดขายเพียง 46 ล้านบาท
ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 62 และมีผลขาดทุนสุทธิ 107 ล้านบาท
ดังนั้น เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปได้มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทอย่างเหมาะสมตลาดหลักทรัพย์จึงขอให้บริษัทชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้
1. ลักษณะและขอบเขตการประกอบธุรกิจของบริษัทภายหลังการขายเครื่องจักรและอุปกรณ์ดังกล่าว
โดยเปรียบเทียบกับงวด 6 เดือนแรกของปี 2546 ทั้งนี้ขอให้ระบุถึงประเภทของสินค้าที่ผลิต
กำลังการผลิต และปริมาณการผลิตจริงในงวด 6 เดือนแรกของปี 2546 และอัตราการใช้ กำลังการผลิต
ตลอดจนแผนการผลิต ในครึ่งปีหลัง รวมถึงชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินงานในปัจจุบันว่า
โรงงานของบริษัทยังคงเปิดดำเนินการผลิตสินค้าหรือไม่ อย่างไร
2. มูลค่าทรัพย์สินที่ใช้ในการผลิต โดยแสดงแยกมูลค่าของที่ดิน อาคารโรงงาน เครื่องจักรและอุปกรณ์
ตลอด จนวัตถุดิบ ณ 30 มิถุนายน 2546 เปรียบ เทียบกับมูลค่าทรัพย์สินที่บริษัทมี
นโยบายจะขายและมูลค่าทรัพย์สินคงเหลือ
3. เหตุผลที่บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงสัญญาจ้างแรงงานเป็นสัญญาจ้าง การให้บริการ
โดยอธิบายถึงความแตกต่างของสัญญาทั้งสองและประโยชน์ของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
โดยขอให้บริษัทนำส่งข้อมูลดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์เพื่อเผยแพร่ต่อผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปผ่านระบบการเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ภายในวันที่ 16 กันยายน 2546
ในวันเดียวกัน CAPE เปิดเผยว่าตามที่ได้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) จำนวน
63,220,000 หน่วย ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2541 ซึ่งวันกำหนดการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญครั้งที่
21 ของ บริษัทฯ คือ วันที่ 1 ตุลาคม 2546 นั้น
โดยผู้ที่สนใจให้ยื่นความจำนงใน การใช้สิทธิ : เวลา 8.30 น. ถึง 15.30 น. ของวันที่
16-30 กันยายน 2546 อัตราการใช้สิทธิ ใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยมีสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญได้
1.074 หุ้น ราคาที่จะซื้อหุ้นสามัญตามสิทธิ หุ้นละ 10 บาท
บริษัทฯจะไม่มีการปิดสมุดทะเบียนเพื่อพักการโอนสิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิ ยกเว้นการใช้สิทธิครั้งสุดท้าย
จะมีการปิดสมุดทะเบียน 21 วัน ก่อนวันครบกำหนดการใช้สิทธิครั้งสุดท้าย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา CAPE แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า คณะกรรมการบริษัท
ได้อนุมัติการขายเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้งานบางส่วนในสัดส่วนไม่เกิน
10% ของสินทรัพย์ทั้งหมดให้กับบุคคลอื่น โดยราคาขายจะต้องไม่ต่ำกว่ามูลค่าของสิน
ทรัพย์คงเหลือรวมทั้ง ลดจำนวนพนักงานโดยประมาณ 220 คนเพื่อให้เหมาะสมกับแผนการผลิตในปัจจุบัน
ซึ่งการลดพนักงาน เนื่องจากไลน์การผลิตที่ปิดลง เช่น CRT เป็นผลจากลูกค้าที่หดหายและไม่มีออร์เดอร์แล้วในปัจจุบันและตลาดหันมาใช้หลอด
ภาพ LCD ที่มีมาร์จินดีกว่าแทน ที่สำคัญคือการแข่งขันด้านการตลาด ซึ่งจีนหันมาผลิต
CRT และมีต้นทุนต่ำกว่า มาก เนื่องจากได้เปรียบของค่าแรงที่ถูก กว่าของไทย ส่งผลให้
CAPE ไม่สามารถสู้ราคาขายได้ ทำให้ลูกค้าหันไปซื้อสินค้าจากจีนแทน