Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน12 พฤษภาคม 2552
เงินนอกทะลักดันดัชนีหุ้นไทยพุ่ง             
 


   
search resources

Stock Exchange




“ปกรณ์”เชื่อตลาดหุ้นไทยรับอานิสงส์ เม็ดเงินนอกทั้งจากสหรัฐฯ และยุโรปทะลักเข้าเอเชียดันดัชนีดีดตัวเพิ่ม 7.46 จุด ปิดที่ 535.14 จุด วอลุ่มการซื้อขายแตะ 3 หมื่นล้าน แม้มีการเทขายทำกำไรในช่วงบ่ายจนดัชนีวูบ นักวิเคราะห์ชี้การเมืองคลี่คลาย และปัจจัยบวกนอกประเทศช่วยสนับสนุน ภาพรวมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติซื้อสุทธิแล้วกว่า 2 พันล้านบาท ด้านสมาคมนักวิเคราะห์เตรียมปรับเพิ่มเป้าดัชนีหุ้นไทยใหม่ หลังทะลุคำทำนาย 527 จุด แต่ยังปรับลดเป้าจีดีพีประเทศ

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วานนี้(11พ.ค.) ปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค โดยช่วงเช้าปิดที่539.02จุดเพิ่ม 11.30จุด หรือ 2.14% มูลค้าการซื้อขาย 16,760.10 ล้านบาท บรรดานักวิเคราะห์เชื่อว่า อาจเป็นการขึ้นตามตลาดหุ้นวอลสตรีท และผลจากที่ราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวขึ้นมาโดยตลอด ทำให้มีเม็ดเงินยังคงไหลเข้ามาใน หุ้นกลุ่มพลังงานของทุกตลาดฯในภูมิภาค ต่อมาในช่วงบ่ายดัชนีมีการปรับฐานลดลงมามาก ก่อนดีดตัวกลับขึ้นไปปิดที่ 535.14 จุด เพิ่มขึ้น 7.46 จุด หรือ 1.41% มูลค่าการซื้อขาย 30,333.67 ล้านบาท โดยรวมระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 540.22 จุด ต่ำสุดที่ระดับ 526.75 จุด

ทั้งนี้ พบว่า นักลงทุนต่างชาติยังเป็นผู้เข้ามาซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่อง 1,405.54 ล้านบาท และเมื่อรวมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมได้มีการซื้อสุทธิแล้ว 2,019.11 ล้านบาท โดยนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไปเป็นฝ่ายขายสุทธิเพื่อทำกำไรในสัดส่วน -862.59 ล้านบาท และ – 542.94 ล้านบาทตามลำดับ แต่เมื่อตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมเช่นเดียวกัน พบว่า นักลงทุนสถาบันเป็นฝ่ายขายสุทธิสูงถึง -4,863.84 ล้านบาท

นายอภิศักดิ์ ลิมป์ธำรงกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ สถาบันวิจัยนครหลวงไทย บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า ภาพรวมดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยในวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังผลทดสอบความแข็งแกร่งของธนาคารสหรัฐ (Stress Test) ระบุว่า ไม่มีธนาคารใดที่เผชิญความเสี่ยงต่อการล้มละลาย แต่ธนาคารชั้นนำในสหรัฐฯ ต้องเพิ่มทุน 7.46 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อเพิ่มฐานะเงินทุนสำรอง ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าที่ตลาดเคยคาดการณ์ไว้ที่ 115 พันล้านดอลลาร์ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรลดลง 539,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย ถือเป็นตัวเลขที่น้อยที่สุดตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว และบ่งชี้ถึงการปรับตัวดีขึ้นบ้างในตลาดแรงงาน

โดยดัชนี ฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดที่ระดับ 17,087.95 จุด ลดลง 301.92 จุด หรือ -1.74 % ส่วนดัชนี นิกเกอิ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดตลาดที่ระดับ 9,451.98 จุด เพิ่มขึ้น 19.15 จุด หรือ 0.20 %

ส่วนแนวโน้มในวันนี้ (12 พ.ค.) ผอ.ฝ่ายวิเคราะห์ บล.นครหลวงไทย เชื่อว่า จะขึ้นอยู่กับทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นหลัก โดยดัชนีฯอาจจะปรับฐาน เนื่องจากที่ผ่านมาดัชนีฯปรับตัวเพิ่มขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว อาจส่งผลให้มีแรงเทขายทำกำไรจากนักลงทุนออกมาบ้าง ประกอบกับตลาดหุ้นได้ตอบรับปัจจัยบวกต่างๆไปหมดแล้ว จึงคาดว่าดัชนีฯน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 520-540 จุด

“ขอแนะนำ นักลงทุนติดตามทิศทางของเศรษฐกิจโลกและผลประกอบการในไตรมาส 1/2552 จะเริ่มทยอยประกาศออกมา รวมทั้งประเด็นการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง แต่ คาดว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นและไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนเท่าใด กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ เทขายทำกำไร โดยประเมินแนวรับอยู่ที่ 520 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 540 จุด”

นายพงษ์พันธ์ อภิญญากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า วานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นไปในทิศทางที่ดี และดูจะแข็งแกร่งกว่าภูมิภาคที่ส่วนใหญ่อยู่แดนลบ แม้ว่าในระหว่างเทรดตลาดบ้านเราจะมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้างก็ตาม โดยมองว่าปัจจัยในประเทศอยู่ในภาวะที่ดีขึ้น ทั้งในเรื่องของการเมือง และแผนนโยบายการคลัง รวมถึงภาวะการเงินของไทยที่แข็งแกร่ง ขณะที่ปัจจัยจากต่างประเทศก็มีผลต่อตลาดบ้านเราน้อยลง

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันนี้ ตลาดหุ้นไทยน่าจะมีการแกว่งในลักษณะไซต์เวย์ อัพ โดยด่านแรกที่ดัชนีฯน่าจะขึ้นไปทดสอบคาดว่าจะเป็น 550 จุด ก่อนที่จะมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง

หุ้นไทยรับอานิสงส์เม็ดเงินตปท.

นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงภาวะตลาดหุ้นไทยที่มีการปรับตัวขึ้นว่า เนื่องจากกระแสการไหลเข้าของเม็ดเงินจากสหรัฐอเมริกา และยุโรป ที่เริ่มมีเข้ามาสู่ภูมิภาคเอเชีย ได้ส่งผลดีมาให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย จากเมื่อต้นปีที่ผ่านมาดัชนีราคาหลักทรัพย์ได้มีการปรับตัวสูงถึง 17% ซึ่งใกล้เคียงกับดัชนีในตลาดต่างประเทศที่มีการปรับตัวสูงขึ้นถึง 20%เช่นกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นภาพรวมของตลาดการลงทุนที่ปรับตัวในทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามคงต้องจับตาดูผลการทดสอบ Stress Tests ของธนาคารพาณิชย์สหรัฐฯ ในการช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน ในส่วนของสถานการณ์การเมืองในประเทศ มองว่าแนวโน้มจะมีการปรับตัวดีขึ้นจากเดิมที่มีความผันผวน

สมาคมโบรกฯเตรียมปรับเป้าใหม่

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยและตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆที่จะมีการแถลงในวันนี้ (12 พ.ค.)คาดว่านักวิเคราะห์จะมีการปรับเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้เพิ่มขึ้น จากการสำรวจครั้งก่อน เพราะ ดัชนีตลาดหุ้นไทยขณะนี้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น จากสถาบันการเงินในสหรัฐฯดีขึ้น รวมถึงรัฐบาลของประเทศในยุโรปมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ

ทั้งนี้จึงคาดว่าจะมีเม็ดเงินกลับเข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเซียอีกครั้ง โดยขณะนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจุดสูงสุดปีนี้จะอยู่ที่ 527 จุดในการสำรวจครั้งก่อนเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามส่วนการคาดการณ์ของตัวเลขเศรษฐกิจนั้นคาดว่านักวิเคราะห์จะมีการประเมินตัวเลขจีดีพีต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ครั้งก่อน ซึ่งอาจจะมีการติดลบเพิ่มขึ้น จากครั้งก่อนที่มีการสำรวจว่าเฉลี่ยจีดีพีปีนี้จะติด ลบ 1.8% เพราะ ในช่วงไตรมาส1 และต้นไตรมาส2นั้น เศรษฐกิจไทยซบเซาอยู่ถึงแม้จะมีทิศทางที่ดีในช่วงไตรมาส3 หลังปัญหาทางการเมืองคลี่คลายก็ตาม

“คาดว่าผลสำรวจนักวิเคราะห์ที่จะมีการแถลงในวันนี้คาดว่านักวิเคราะห์จะมีการปรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทย แต่ในส่วนคาดการณ์จีดีพีเชื่อว่าจะมีการปรับลดลง โดยคาดว่าจีดีพีอาจจะติดลบมากกว่าครั้งที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ตัวเลขสำรวจยังไม่สรุปสุดท้าย แต่เชื่อดัชนีจะปรับเพิ่มขึ้นคงมากกว่า 10 จุด”นายสมบัติ กล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us