|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
*ตลาดวัสดุหดตัวตามอสังหาฯ ผู้ผลิตวัสดุแห่เฉือนงบการตลาด หลังเศรษฐกิจพ่นพิษหนัก
*พาเหรดงดออกบูธ-ลดพื้นที่ กระทบงานแฟร์ใหญ่สถาปนิกสยามฯ กร่อย
*วัสดุเปลี่ยนช่องทางรุกหน้าร้านตรงกลุ่มเป้าหมาย ขายสินค้าพ่วงบริการตอบโจทย์ตลาดครบวงจร
ในทุกๆ ปีงานสถาปนิก ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ถือเป็นงานแฟร์ครั้งใหญ่ประจำปีที่กลายเป็นเวทีประชันนวัตกรรมของวัสดุก่อสร้างแต่ละราย โดยอาศัยการสื่อสารกับต้นทาง คือ กลุ่มสถาปนิก ผู้รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเป็นด่านแรกและมีอิทธิพลต่อการเลือกวัสดุแบรนด์ต่างๆ เข้าไปอยู่ในงานก่อสร้าง โดยในปีนี้งานสถาปนิก’52 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด
“ตั้งทิศ ปรับทัศน์” ให้สถาปนิกได้ตั้งหลัก ค้นหาจุดสมดุลระหว่างสถาปัตยกรรมสมัยใหม่แบบสุดโต่ง กับการหวนคืนสู่รากเหง้าของวัฒนธรรมในยุคเก่า และได้ทบทวนตัวเองว่าจะก้าวต่อไปในทิศทางใด ในโอกาสที่สมาคมฯ ได้ก่อตั้งมาแล้วครบ 75 ปี
ตัดงบการตลาดงดออกบูธ
แต่จากการสอบถามผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างพบว่า หลายรายที่เคยออกบูธในงานสถาปนิกทุกปี ตัดสินใจไม่ออกบูธในปีนี้ เพื่อเป็นการตัดงบการตลาดให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มสุขภัณฑ์ ได้แก่ โกรเฮ โมเก้น นาม กลุ่มกระเบื้อง เช่น บุญถาวร กระเบื้องอาร์ซีไอ รวมถึงเครื่องครัวสตาร์มาร์ค เป็นต้น ทำให้มีพื้นที่บูธเหลือขาย ทีทีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้จัดงานต้องใช้วิธีแถมพื้นที่เพิ่มให้กับผู้ที่มาจองบูธ โดยปีนี้มีพื้นที่บูธ (ไม่รวมส่วนของสมาคม) รวม 70,000 ตร.ม. เท่ากับปีที่แล้ว
จากการที่ผู้ผลิตหลายรายไม่มาออกบูธ ทำให้สินค้าไฮไลท์ที่ทุกรายต้องหยิบมาประชันกันในงานมีน้อยลง แต่ส่วนใหญ่พบว่าสินค้าที่นำมาเปิดตัวยังอิงกระแสรักษ์ธรรมชาติ ลดโลกร้อน นอกจากนี้ยังพ่วงการขายสินค้าเป็นระบบพร้อมบริการมากขึ้น เพื่อเพิ่มยอดขายและตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยกลุ่มผู้ที่ยังมาออกบูธมองว่า แม้เศรษฐกิจจะซบเซา แต่คาดว่าผู้มาชมงานจะไม่ลดลง จึงยังต้องคงงบการตลาดในการออกบูธไว้เหมือนเดิม
เอสซีจีเปิด “Home Solution”
ในงานสถาปนิก’52 เอสซีจียังครองแชมป์บูธที่ใหญ่ที่สุดในงานอีกปี ในแนวคิด “SCG The Home Solution…Make it Eco for Better Living เน้นสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในรูปแบบบ้านจำลอง โชว์วัสดุก่อสร้างที่เหมาะกับแบบบ้านสไตล์ต่างๆ พร้อมผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำสินค้าระบบต่างๆ เพื่อให้บ้านเย็น เช่น ระบบหลังคา ฝ้า ผนัง พื้น ซึ่งใน 1 ระบบจะเป็นการผนวกสินค้าหลายแบรนด์ในเครือเอสซีจีเข้าด้วยกัน ซึ่งการขายยกระบบจะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับสินค้าของเครือมากกว่า 1 ตัว เช่น ระบบผนังช่วยลดความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน ประกอบด้วย อิฐมวลเบาซีแพค ผนังสมาร์ทบอร์ด ฉนวนกันความร้อย Stay Cool ม่านกันแดดไม้สมาร์ทวูด
พิชิต ไม้พุ่ม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กล่าวว่า สถานการณ์ที่ผันผวนหนักทำให้กลุ่มเอสซีจีไม่กล้าจะประเมินภาพรวมตลาดก่อสร้างทั้งปีว่าจะเป็นอย่างไร ในไตรมาส 1 พบว่า ตลาดคอนโดมิเนียมหายไป 30% ส่วนตลาดส่งออกที่เอสซีจีไปบุกมากขึ้นเพื่อชดเชยการหดตัวของตลาดในประเทศก็มีการแข่งขันรุนแรงขึ้น ตลาดปูนซีเมนต์มีญี่ปุ่นและเกาหลีเป็นคู่แข่งหลัก ทำให้ราคาในตลาดส่งออกไม่ดีนัก
หลังจากเปิดตัว Roofing Center และ Speed Bathroom เมื่อปีที่แล้ว พบว่าช่วยให้ยอดขายของร้านโฮมมาร์ทที่มีบริการดังกล่าวเติบโตขึ้น 30% และในปีนี้เอสซีจีได้เปิดตัว Home Solution ศูนย์บริการระบบบ้านครบวงจรในร้านโฮมมาร์ท โดยเป็นการขายสินค้าพร้อมบริการติดตั้ง แตกต่างจากร้านค้าแบบเดิมที่ขายเฉพาะบริการ เพื่อแก้ปัญหาที่ลูกค้าพบ เช่น ช่างติดตั้งสินค้าผิดวิธี งบบานปลาย
ภายในร้านจะเสนอขายสินค้าเป็นระบบ ได้แก่ ระบบหลังคา (Roofing Solution) ระบบฝ้า เพดาน และผนัง (Celiing&Wall Solution) ระบบพื้นผิวภายในบ้าน (Surface Covering Solution) ระบบห้องน้ำ (Bathroom Solution) ระบบห้องครัว (Kitchen Solution) ระบบภูมิทัศน์ภายนอกบ้าน (Landscape Solution) โดยมีผู้เชี่ยวชาญให้ข้อมูล ออกแบบให้เห็นภาพเสมือนจริงแบบ 2 มิติ ถอดแบบคำนวณค่าวัสดุและค่าแรง บริการติดตั้งโดยช่างที่ผ่านการอบรมจากเอสซีจี รับประกันและบริการหลังการขาย ทั้งนี้ได้เปิดตัวสาขาแรกที่ร้านโฮมมาร์ท บางนา บนพื้นที่ 4,000 ตร.ม. หลังจากปรับโฉมร้านพบว่าสามารถดึงกลุ่มเจ้าของบ้านเข้าร้านได้มากขึ้น และตั้งเป้ายอดขายทั้งปี 300 ล้านบาท จากปีที่แล้ว 240 ล้านบาท ทั้งนี้ เอสซีจีมีแผนจะขยายสาขารูปแบบดังกล่าวอีก 40-50 ร้านให้ครอบคลุมทั่วประเทศภายใน 5 ปี
นพดล แก้วทับทิม กรรมการผู้จัดการ บริษัท กระเบื้องหลังคาซีแพค จำกัด กล่าวว่า ตลาดรวมหลังคาปี 2551 หดตัวลง 15% และหดตัวมากในกลุ่มบ้านจัดสรร ในขณะที่ยอดขายหลังคาของเอสซีจีหดตัว 8% น้อยกว่าตลาด สำหรับในปีนี้คาดการณ์ว่า รายได้จะลดลง 10% แต่บริษัทยังมียอดขายสินค้าในแบรนด์ระดับบนและการปรับตัวหันมาเพิ่มบริการใหม่เป็นตัวสร้างรายได้ ซึ่งในปีนี้ได้เปิดตัวบริการ Top Hat หรือบริการทำโครงและมุงหลังคา สำหรับลูกค้าที่ขึ้นงานหัวเสาไว้แล้ว และรับประกัน 10 ปี โดยหวังว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายทั้งหลังคาและอุปกรณ์เสริมต่างๆ และในปลายปีจะเปิดตัวกระเบื้องคอนกรีตรุ่นใหม่ เป็นกระเบื้องเงา สามารถทำความสะอาดตัวเองได้ และมีอายุสียาวกว่ากระเบื้องทั่วไป
ทีโอเอรุกสีตลาดบน
ในขณะที่ภาพรวมตลาดก่อสร้างปีนี้จะหดตัวลง ทีโอเอ เบอร์หนึ่งของตลาดสีเมืองไทยปีนี้ยังคงยืนพื้นเจาะตลาดกลาง-บนที่ยังมีดีมานด์เป็นหลัก โดยเปิดตัวสีรุ่นใหม่ เน้นนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้แบรนด์ใหม่ “ซุปเปอร์ ชิลล์ อีโค พลัส” สีฟอกอากาศ สลายคราบสกปรกด้วยแสงแดด ทำให้ผนังภายนอกมีความทนทาน ไม่ต้องทาสีซ้ำบ่อยๆ ช่วยให้ประหยัดและรักษาสิ่งแวดล้ม
โดยจัดเป็นไลน์สินค้าใหม่ของสีเกรดอัลตร้าพรีเมี่ยม เจาะตลาดบนสุด และเป็นครั้งแรกบริษัทจะขายสินค้าพ่วงบริการทาสี เนื่องจากเป็นสินค้าเฉพาะที่ช่างต้องมีทักษะความชำนาญในการใช้สินค้า โดยขณะนี้บริษัทฯ จะทำตลาดในวงแคบเพื่อแนะนำสินค้าก่อน และอยู่ระหว่างเร่งอบรมช่างเพิ่มเติม เพื่อรองรับตลาดในอนาคต ปีหน้าจึงจะเร่งทำตลาดแบบเต็มรูปแบบ โดยค่าสีและบริการคิดอัตราเริ่มต้น 200 บาทต่อ ตร.ม. ขึ้นไป
พวงเพ็ญ แสงเพ็ชร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด คาดว่า ภาพรวมตลาดสีทั้งปีจะยังเติบโตอยู่จาก Backlog โครงการบ้านจัดสรรที่ยังมีอยู่มาก โดยในไตรมาสแรกยอดขายเข้าโครงการยังเป็นไปตามเป้า แต่ปีหน้าตลาดก่อสร้างจะเริ่มหดตัวลงอย่างชัดเจน จากงานออกแบบในปีนี้ที่ลดลง ซึ่งต่อจากนี้ต้องพยายามเร่งทำตลาด สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับร้านค้า มีโปรโมชั่นเพื่อประคองยอดขายไม่ให้ลดลง และไม่มีการตัดงบการตลาด โดยพยายามไปลดต้นทุนการดำเนินงานแทน ทั้งนี้ตั้งเป้ายอดขายทั้งปี 9,200 ล้านบาท เติบโตขึ้น 7%
บาธรูมฯ เผยไม่กระทบส่งออก
ส่วนบาธรูม ดีไซน์เปิดตัวสินค้าในแนวคิด Green Concept คือ อ่างน้ำวนอัจฉริยะ NIRVANA แบบ Slim Design ใบแรกของโลก ออกแบบด้วยแนวคิด Ergonomic ให้สรีระร่างกายได้ผ่อนคลาย ช่วยลดการใช้น้ำกว่า 100% โดยใช้น้ำเพียง 80 ลิตร จากเดิม 200 ลิตร พร้อมระบบไฟ Galaxy Color 365 สี, ปรับอุณหภูมิของน้ำในอ่างได้ตามต้องการ และแสดงปริมาณน้ำภายในอ่างน้ำอัตโนมัติ ราคาเริ่มต้น 100,000 บาทขึ้นไป
ลดาวัลย์ เบญจธนะฉัตร์ กรรมการบริหาร บริษัท บาธรูม ดีไซน์ จำกัด กล่าวว่า แม้สินค้าของบริษัทจะเน้นตลาดส่งออกเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ และพบว่าจากการไปออกบูธในต่างประเทศเพื่อโชว์สินค้า มีเอเยนต์ในต่างประเทศแถบยุโรปตะวันออกเสนอตัวขอเป็นตัวแทนจำหน่ายหลายรายและเริ่มได้รับคำสั่งซื้อเข้ามา ทำให้บริษัทยังมั่นใจว่ายอดขายปีนี้จะยังเติบโตได้ โดยมองว่าผู้บริโภคยังมีกำลังซื้อ แต่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น และในช่วงที่รายอื่นยังนิ่ง เพราะตลาดซบ บริษัทฯ ยิ่งต้องพัฒนานวัตกรรมให้มากขึ้น เพื่อให้ตลาดยอมรับ ซึ่งปัจจุบันตลาดโครงการบ้านจัดสรรให้การยอมรับและสั่งซื้อสินค้าของบริษัทมากขึ้น
ปรับวิธีเจาะตรงดีมานด์
ในขณะที่สุขภัณฑ์โคห์เล่อร์ปีนี้ได้ตัดงบการตลาดเช่นกัน โดยไม่มีการออกบูธเอง แต่มีการเปิดตัวสินค้าใหม่อยู่ในบูธของแกรนด์โฮมมาร์ท เป็นเครื่องครัวสไตล์โมเดิร์นรุ่น Nuva ซึ่งออกแบบให้ตัวลิ้นชักเป็นวัสดุเดียวกันกับท็อป ส่วนงบการตลาดของสุขภัณฑ์ได้หันไปใช้ปรับปรุงโชว์รูมและหน้าร้านของตัวแทนจำหน่ายมากขึ้นแทน เพื่อเจาะตรงกลุ่มเป้าหมาย
|
|
|
|
|