Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์4 พฤษภาคม 2552
'เบอร์เกอร์คิง' พลิกเกมชู 'ราคา'ท้าชน 'แมคโดนัลด์และเคเอฟซี'             
 


   
search resources

เบอร์เกอร์ คิง คอร์ปอเรชั่น
Fastfood




ศึกเบอร์เกอร์ระอุ 'เบอร์เกอร์คิง' ขยับเปิดเกมรับที่มีคู่แข่งเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่อง ด้วยเซตเมนูใหม่ที่มีจุดขายด้านความคุ้มค่าและ 'ราคา' แก้เกมที่มีราคาสูงกว่าคู่แข่งในตลาดเหลือ 10% จากเดิม 20% ตั้งเป้ารายได้สิ้นปีนี้เติบโตขึ้น 25%

หลังจากที่ 'เบอร์เกอร์คิง' เชนร้านแฮมเบอร์เกอร์อันดับสองของสหรัฐอเมริกา และในฐานะแบรนด์สินค้าระดับบน หรือพรีเมียมเบอร์เกอร์ในเมืองไทย ปล่อยโอกาสให้ 'แมคโดนัลด์' และ 'เคเอฟซี'ปล่อยหมัดฮุกซ้ายฮุกขวาล่วงหน้าไปก่อน โดยเมื่อต้นปี 'เบอร์เกอร์คิง' ต้องเผชิญกับการรุกเข้ามาในตลาดเบอร์เกอร์ของขาใหญ่จากตลาด 'ไก่ทอด' ที่เปิดเกมลงมาเล่นในตลาดเบอร์เกอร์ โดยเปิดตัวกิจกรรมในแคมเปญใหม่ว่า 'เปลี่ยน....เพื่อสิ่งที่ดีกว่า' กับเมนูใหม่ 'เคเอฟซีเบอร์เกอร์กุ้งฟิต' เพื่อเข้ามาเขย่าวงการเบอร์เกอร์อย่างจริงจัง โดยมี 2 เจ้าตลาดเดิมคือ 'แมคโดนัลด์' และ'เบอร์เกอร์คิง' ปักธงทำตลาดอยู่ก่อน

ทั้งนี้ ความพยายามเพื่อจะสร้างการเปลี่ยนแปลงของการกินเบอร์เกอร์นี้ ถือว่าเป็นการสร้างจุดขายใหม่ที่อาศัยช่องว่างและโอกาสตลาดจากกระแสสุขภาพมาเป็นสิ่งสำคัญในการเปลี่ยนพฤติกรรมการกินเบอร์เกอร์สำหรับคนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพ ที่สำคัญยังเป็นจุดขายที่นับว่าสร้างความแตกต่างจาก แมคโดนัลด์ และ 'เบอร์เกอร์คิง' 2 ผู้เล่นรายหลักในตลาดเบอร์เกอร์ที่จุดขายที่ผ่านมานั้น มักเน้นจุดขายไปตามความนิยมการกินเบอร์เกอร์ที่ทำมาจากเนื้อวัวตามพฤติกรรมการกินเบอร์เกอร์ของคนทั่วไป จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมา 'เบอร์เกอร์คิง' ชูจุดขายที่แตกต่างจากคู่แข่งด้วย 'เนื้อที่ย่างจากเตาถ่าน' มาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ 'เบอร์เกอร์คิง'

นอกจากนั้นการเข้ามาท้าชนในตลาดเบอร์เกอร์ของ 'แมคโดนัลด์ ' และ 'เคเอฟซี' ยังมีเป้าหมายจะช่วงชิงความเป็นผู้นำตลาด QSR : Quick Service Restaurant ที่ตลาดรวมมีมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาทอีกด้วย ดังนั้น ความมีวาไรตี้โปรดักส์ ที่เคเอฟซี ข้ามเมนูจาก 'ไก่ทอด' มาเป็นเบอร์เกอร์ ในทิศทางเดียวกัน 'แมคโดนัลด์' จากเบอร์เกอร์มาสู่เมนูไก่ทอดนั้น จะสามารถสร้างส่วนแบ่งในตลาด QSR ที่แบ่งออกเป็น 3 ตลาดคือ 1.ไก่ทอด 2.เบอร์เกอร์ 3.พิซซ่า และนั่นก็หมายถึงการขึ้นเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจ QSR ด้วยเช่นกัน

การเผชิญกับการรุกหนักของ 2 แบรนด์คู่แข่งที่มีจำนวนสาขามากมายอย่างเคเอฟซีมี 360 สาขา ส่วนแมคโดนัลด์มี 117 สาขา คือสิ่งที่ทำให้ 'เบอร์เกอร์คิง' ที่มี 23 สาขา เสียเปรียบในเชิงการแข่งขันมากที่สุด สำหรับการเข้าถึงลูกค้าที่มีจำนวนสาขาไม่มาก และส่วนใหญ่เป็นสแตนด์อะโลน ที่เน้นทำเลกลุ่มคนทำงาน และชาวต่างชาติเป็นกลุ่มหลัก อย่างไรก็ตาม การแก้เกมเพื่ออุดจุดอ่อนนี้ 'เบอร์เกอร์คิง'กำลังพยายามแก้จุดอ่อนนี้ด้วยการมองหาทำเลใหม่ที่เหมาะสม โดยนโยบายของการขยายสาขาในปีที่ผ่านมานั้น มีการปรับโฉมร้านเอเชี่ยนสไตล์ ที่เน้นโทนสี 'เหลือง-แดง' ที่ปรับตัวตามนโยบายบริษัทแม่และทั่วโลก ที่หันไปโฟกัสลูกค้าแต่ละท้องถิ่น ขณะเดียวกันยังเน้นการเพิ่มเมนูเบอร์เกอร์ไก่ย่าง เพื่อขยายฐานลูกค้าคนไทยเพิ่มขึ้นเช่นกัน

นครินทร์ ธรรมหทัย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอร์เกอร์ไทยแลนด์ จำกัด ผู้บริหารแบรนด์ เบอร์เกอร์คิง กล่าวว่า ปีนี้ตามแผนเตรียมที่จะเปิดสาขาใหม่อีกราว 4-5 สาขา ในกรุงเทพฯ เน้นในห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก และต่างจังหวัดในจังหวัดท่องเที่ยว ซึ่งเปิดไปแล้ว 2 สาขา คือ มาบุญครอง และ เซ็นทรัล พัทยา จากทั้งหมดที่เปิดให้บริการแล้ว 23 สาขา โดยกว่า 70-80% ของสาขาที่เปิดให้บริการทั้งหมด จะอยู่ในต่างจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญๆ

'ปัจจุบันตลาดรวมเบอร์เกอร์มูลค่า 4,000-5,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตที่ประมาณ 5-10% ทุกปี โดยเบอร์เกอร์คิงมีส่วนแบ่งทางการตลาดราว 20% ทั้งนี้ในฐานะที่เบอร์เกอร์คิง เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยได้ไม่นาน บวกกับมีจำนวนสาขาที่ยังไม่มากนัก ดังนั้นเบอร์เกอร์คิง จึงไม่ได้มุ่งหวังในแง่ของการเติบโตของส่วนแบ่งทางการตลาดมากนัก แต่จะมุ่งหวังในแง่ของยอดขายที่ต้องการให้มีการเติบโตเป็นไปตามที่วางเป้าไว้มากกว่า

ขณะเดียวกัน เกมรับล่าสุด 'เบอร์เกอร์คิง' ก็ออกมาเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ โดยมีพฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดกลยุทธ์ตลาดในปี 2552 ที่พบว่า พฤติกรรมการเข้ามาใช้บริการที่เบอร์เกอร์คิง จะนิยมซื้ออาหารเป็นเซตทั้งอาหารและเครื่องดื่มคู่กัน โดยแนวโน้มดังกล่าวเห็นได้จากการเติบโตของพฤติกรรมในการซื้อสินค้าในลักษณะนี้ที่เดิมจะอยู่ที่ 70-80% ในปัจจุบันมีการเติบโตขึ้นเป็น 80-90% ดังนั้นในปีนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทได้มีการนำเสนอเซตเมนูเบอร์เกอร์จำนวน 5 เมนู ในราคาเมนูละ 99 บาท ประกอบด้วย วอปเปอร์ จูเนียร์, ชีสเบอร์เกอร์, แบล็กเปปเปอร์ และชิกเก้น เทนเดอร์ โดยจะเป็นเซตเมนูหลัก ที่จะจำหน่ายตลอดปี นอกจากนี้ยังมีซีซันนอลเมนู ที่จะนำมาเสริมทัพด้วย เช่น เม็กซิกัน วิงส์ เป็นต้น ดังนั้นการใช้จ่ายต่อบิล อาจจะลดลงเมื่อมีการนำเสนอเซตเมนูนี้ขึ้นมา

สำหรับการนำเสนอเซตเมนูเบอร์เกอร์ครั้งนี้ เพื่อต้องการเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ยังไม่เคยเข้ามาใช้บริการในร้านเบอร์เกอร์คิง พร้อมทั้งตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการใช้บริการแบบเมนูเซตด้วย ทั้งนี้เมื่อเทียบราคาอาหารกับคู่แข่งแล้ว เบอร์เกอร์คิง มีราคาสูงกว่า 20% แต่เมื่อปรับเซตเมนูขึ้นมา แล้วจำหน่ายในราคา 99 บาท พบว่ามีราคาสูงจากคู่แข่งเหลือเพียง 10% เท่านั้น เชื่อว่าลูกค้าจะให้ความสนใจและเข้ามาใช้บริการมากขึ้น

'สำหรับงบการตลาดแคมเปญนี้ทุ่มงบประมาณ 20 ล้านบาท โดยใช้ทั้งกิจกรรม Above the line และ Below the line กิจกรรมการตลาดอื่นๆ รวมถึงกิจกรรมประชาสัมพันธ์ โดยมุ่งติดต่อกับลูกค้าในทุกจุด เช่น ภาพยนตร์โฆษณาภายในรถไฟฟ้าบีทีเอส, วิทยุ, หนังสือพิมพ์, กิจกรรมการตลาด, ใบปลิว และสื่ออื่นๆ ภายในร้าน ซึ่งเรามีความมั่นใจว่าเมนูคุ้มครบเซตจะช่วยเพิ่มยอดขายในไตรมาสนี้มากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ และมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นอีก 15 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ เบอร์เกอร์คิง ยังให้บริการจัดส่งอาหารถึงบ้าน โดยสามารถโทร.สั่งได้ที่หมายเลข 1112 (บริการจัดส่งถึงเที่ยงคืนทุกวัน) ส่วนยอดขายในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา มียอดขายเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ สาเหตุหลักมาจากการเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 2 แห่ง คือ มาบุญครอง และเซ็นทรัล พัทยา โดยยอดใช้จ่ายต่อบิลจะอยู่ที่ 190-200 บาท เติบโตขึ้น 5% แต่แนวโน้มอาจจะลดลง'

ด้านเป้าหมายการทำตลาด หลังออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ จากปัจจุบันที่เมนูหลักสร้างรายได้ให้เบอร์เกอร์คิง คือ เบอร์เกอร์ประเภทวอปเปอร์ อยู่ที่ 30-40% ของยอดขาย ส่วนดิลิเวอรี่อยู่ที่ 5-10% ของยอดขาย ซึ่งมีแนวโน้มเติบโต 10% ต่อปี และที่เหลือมาจากเมนูอื่นๆ แต่การนำเสนอเซตเมนูเบอร์เกอร์นั้น คาดว่าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ ในการช่วยให้เบอร์เกอร์คิง มีรายได้เติบโตที่ 25% ในสิ้นปีนี้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us