Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์4 พฤษภาคม 2552
สื่อโฆษณาไตรมาสแรกร่วงตามคาดชี้แนวโน้มทั้งปีดิ่งเฉียดเลขสองหลัก             
 


   
search resources

Advertising and Public Relations




ปิดงบไปเรียบร้อย สำหรับงบประมาณการใช้สื่อโฆษณาหลักไตรมาสแรกของปี 2552 ที่นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช ทำการสำรวจ ซึ่งก็เป็นไปตามที่กูรูในวงการโฆษณาคาดกัน ว่าบรรดาบริษัทโฆษณา และเจ้าของสื่อโฆษณาในปีนี้ คงนำพาธุรกิจของตนไปด้วยความยากลำบาก เดินอยู่ในก้นเหวของวิกฤติต่อไปอีกปี

สื่อโฆษณาช่วงไตรมาสแรก 9 สื่อหลัก ที่มีการรายงานมูลค่าของสื่ออินเทอร์เน็ตเป็นปีแรก มีเม็ดเงินงบประมาณไหลเข้ามา 20,315 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา 2.46% แม้สื่อหลักอย่างโทรทัศน์จะทำรายได้ดีขึ้น โดยมีมูลค่า 12,055 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.34% รวมไปถึง 2 สื่อแอมเบียน อย่างสื่อขนส่ง ที่มีมูลค่าในไตรมาสแรก 440 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.36% และสื่ออินสโตร์ ที่ทำรายได้ 186 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 11.38% แต่ในสื่ออื่นอีก 6 กลุ่ม รวมไปถึงสื่อสมัยใหม่อย่างอินเทอร์เน็ต กลับมีการถดถอยลงถ้วนหน้า ทำให้ภาพเปิดตัวของอุตสาหกรรมโฆษณาในปีนี้ ไม่สวยงามเอาเสียเลย

สื่อวิทยุที่กลับมาเติบโตอีกครั้งในปีที่ผ่านมา เปิดไตรมาสแรกของปีนี้ ถอยหลังตามสื่อสิ่งพิมพ์ มีเม็ดเงินเข้ามา 1,322 ล้านบาท ลดลง 12.33% ใกล้เคียงกับสื่อหนังสือพิมพ์ ที่ถอยหลังไป 12.61% ด้วยมูลค่า 3,173 ล้านบาท ส่วนนิตยสาร ยังคงเป็นสื่อที่ติดลบสูงสุด โดยงบประมาณที่เจ้าของแบรนด์สินค้าเทให้มาตลอดไตรมาสแรก 1,127 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสแรกของปีก่อนถึง 14.17%

สื่อโรงภาพยนตร์ แม้จะได้ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เข้าฉายหลายเรื่อง แต่สภาพเศรษฐกิจและปัญหาการเมือง ที่เบรกให้คนเดินเข้าหาความบันเทิงในโรงหนังลดลง ส่งผลไปถึงงบโฆษณาก็ลดลงไปเล็กน้อย 1.84% เช่นเดียวกับสื่ออินเทอร์เน็ต หากเทียบกับมูลค่าการซื้อสื่อนี้ในปีก่อน มีการใช้เงินลดลง 1 ล้านบาท ติดลบ 2.33% ขณะที่สื่อเอาท์ดอร์ ป้ายโฆษณา และสื่อแอมเบียนกลางแจ้ง ก็มีการถดถอยไปราว 80 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ตัวเลขการเติบโตติดลบไป 7.42%

ด้านแบรนด์สินค้าที่เป็นแนวหน้าในการซื้อสื่อโฆษณาช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ปรากฏว่าทั้ง 10 แบรนด์ผู้นำต่างมีการใช้งบโฆษณาเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนทุกแบรนด์ โดยสินค้ากลุ่มสำคัญที่มีบทบาทสูงสุดคือ ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ 3 แบรนด์ใหญ่ทั้ง นีเวีย โอเลย์ และการ์นิเย่

ผลิตภัณฑ์ Deodorant จากนีเวีย ครองตำแหน่งผู้นำในไตรมาสแรกนี้ ด้วยงบประมาณ 183.3 ล้านบาท เพิ่มจากไตรมาสแรกของปีก่อนที่ใช้เงินรวม 3 เดือนเพียง 30 ล้านบาท ขณะที่นีเวีย บอดี้ สกินแคร์ เป็นสินค้าอีกรายการของนีเวียที่เพิ่มงบโฆษณาขึ้นมากในปีนี้ จาก 42 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปีก่อน มาเป็น 121.4 ล้านบาทในปีนี้ ติดอยู่ในอันดับ 9 ขณะที่แบรนด์สกินแคร์คู่แข่งจากโอเลย์ จากค่ายพีแอนด์จี ใช้งบประมาณไป 132.4 ล้านบาท ติดอันดับ 4 ขณะที่แบรนด์หน้าใหม่บนชาร์ตท้อปเท็น สกินแคร์ แบรนด์การ์นิเย่ ใช้เงินในปีนี้มากถึง 120.7 ล้านบาท มาเป็นอันดับสุดท้าย

แบรนด์ในธุรกิจสื่อสารยังคงเป็นดาวเด่นของวงการโฆษณาต่อไป เอไอเอส โหมแคมเปญโฆษณาสื่อสารองค์กรในไตรมาสแรกของปีนี้สูงถึง 139.4 ล้านบาท พุ่งขึ้นมาอยู่ในอันดับ 3 ขณะที่บริการระบบโทรศัพท์มือถือจีเอสเอ็ม ก็มีการใช้งบประมาณสูงไม่แพ้กัน 126.1 ล้านบาท อยู่ในอันดับ 6 ตามติดคู่แข่ง บริการพรีเพด แฮปปี้ จาก ดีแทค ใช้งบประมาณไป 126.2 ล้านบาท

สินค้ารับหน้าร้อนในปีนี้ โค้ก ชิงเปิดตัวก่อนหน้าเป๊ปซี่ด้วยการอัดงบโฆษณาสูงถึง 145.3 ล้านบาท สูงถึงอันดับ 2 ของไตรมาสแรกนี้ ขณะที่ 2 แบรนด์ใหญ่ระดับประเทศ ปตท และสิงห์ ใช้งบโฆษณาใกล้เคียงกัน ติดอันดับ 7 และ 8 ด้วยมูลค่า 125.9 ล้านบาท และ 121.8 ล้านบาท ตามลำดับ

ภาพรวมของอุตสาหกรรมโฆษณาในประเทศไทย ช่วงไตรมาสแรกของปี ที่นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ชสะท้อนออกมานี้ บ๊อบ เฮคเคลแมน กรรมการผู้จัดการ เจดับบลิวที ประเทศไทย ในเครือบริษัท ดับบลิวพีพี กรุ๊ป แสดงทัศนะว่า ภาพของสื่ออะโบฟเดอะไลน์ ที่ตกต่ำลง สอดคล้องกับความตกต่ำของทั่วโลกที่ยืนยันแล้วว่า ในปีนี้คงอยู่ในภาวะถดถอยราว 6-9% ซึ่งในประเทศไทยตลอดทั้งปีนี้ก็คงอยู่ในสภาวะเดียวกัน

'ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก สร้างปัญหาให้กับเกือบทุกธุรกิจ ในประเทศไทยกลุ่มธุรกิจที่เป็นตลาดใหญ่ให้กับอุตสาหกรรมโฆษณา ตั้งแต่สินค้าอุปโภคบริโภค, กลุ่มยานยนต์, เรียลเอสเตต และธุรกิจสื่อสาร ล้วนประสบปัญหา โครงการเรียลเอสเตต มีปัญหา ยอดขายรถยนต์ตกต่ำ ขณะที่ค่ายคอนซูเมอร์โปรดักส์รายใหญ่อย่าง ยูนิลีเวอร์ มีการย้ายฐานจากประเทศไทยไปที่สิงคโปร์ ทั้งหมดล้วนส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโฆษณาของไทยโดยรวม'

กรรมผู้จัดการ เจดับบลิวที ประเทศไทยกล่าวต่อว่า การถดถอยของสื่อเก่า ซึ่งเรียกว่า อะโบฟเดอะไลน์ แม้จะถูกมองว่า อาจเกิดจากการที่นักการตลาดหันไปหากิจกรรมบีโลว์เดอะไลน์ ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันได้ดีกว่า แต่เมื่อดูจากมูลค่าเม็ดเงินโดยรวมที่ถดถอยไปกว่า 2% คิดเป็นเงินกว่า 500 ล้านบาท กิจกรรมบีโลว์เดอะไลน์ที่ใช้เงินน้อยกว่ามาก แม้เติบโตถึง 50% ก็ยังไม่สามารถทดแทนได้ จึงถือว่า เป็นการถอถอยจากสภาพเศรษฐกิจเป็นหลัก ซึ่งแนวโน้มตลอดทั้งปี ตนก็เชื่อว่า คงมีสภาพไม่ต่างไปจากอุตสาหกรรมโฆษณาทั่วโลก คือถดถอยไปได้ถึง 7-9% แน่นอน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us