Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2531








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2531
อาสา สารสิน : จากนักการทูตมาเป็นนักอุตสาหกรรม             
โดย สุรพล ธรรมร่มดี
 


   
www resources

โฮมเพจ ผาแดงอินดัสทรี

   
search resources

ผาแดงอินดัสทรี, บมจ.
อาสา สารสิน
Metal and Steel




อันที่จริงอาสา สารสินจบปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยบอสตัน สหรัฐอเมริกาปี 2502 แต่นับจากนั้นมาถึงเดือนมีนาคม 2531 เป็นเวลา 29 ปีที่เขาเติบโตอยู่ในระบบราชการสายงานด้านการต่างประเทศมาโดยตลอด จนเมื่อ 1 เมษายน 2531 จึงเริ่มมาทำงานบริหารธุรกิจเต็มตัวในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ "ผาแดงฯ" จนปัจจุบัน ยุคของอาสาเป็นช่วงที่ "ผาแดงฯ" กำลังขยายกิจการใหม่ ๆ อันถือเป็นงานที่ท้าทายบทบาทใหม่ของเขานั่นคือเป็นนักอุตสาหกรรม เรื่องราวจากปากคำของเขาที่ให้กับ "ผู้จัดการ" จึงถือเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจสำหรับผู้คนทุกวงการ (ไม่ว่าจะมองเขาในแง่ไหน)

ความเป็นมากับ "ผาแดงฯ"

มันเป็นประวัติที่แปลก คือเมื่อ 10 ปีที่แล้วเป็นทูตที่เบลเยียม ปี 1977 ตอนนั้นคุณอัศวินไปบ่อย ไปเจรจากับเวียงมองตาน ซึ่งผมก็ไม่ได้อยู่ในผาแดง แต่โดยที่เป็นทูตก็ตั้งเป้าหมายที่เป็นหน้าที่ทูตไว้ 3 ประการคือ เรื่องการลงทุน การค้า การท่องเที่ยว คือจับอะไรที่เป็นสาระ ตอนนั้นงานทางด้านประชาคมยุโรปก็มีมาก แต่ใน 2 ฝ่ายคือไทยกับเบลเยียมก็อยากสนับสนุน เพราะฉะนั้นกับผาแดงฯ นี่ก็มีส่วนร่วมไม่ได้ทางตรงไปเจรจาอะไร ก็ผลักดันทางอ้อมให้รัฐบาลเบลเยียมเห็นคล้อยตามที่จะมาลงทุนในประเทศไทย

หลังจากนั้น คุณอัศวินก็ไม่ได้เข้าหาโดยตรง ก็ทาบทามทางอ้อมว่า ผมสนใจจะเป็นกรรมการผู้จัดการผาแดงฯ หรือไม่ ผมก็หัวเราะ และยิ้มว่า แปลกดี แต่ไม่ได้ว่าอะไร ตอนนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร หลังจากนั้น เมื่อมีการตั้งคณะกรรมการของผาแดงฯ กันเรียบร้อยหมดแล้ว ผมก็เป็นปลัดกระทรวงต่างประเทศ คุณกฤษณะกรรมการผู้จัดการผาแดงฯ ตอนนั้นเดินทางไปกับท่านนายกฯ ไปต่างประเทศ เขาก็มาเสนอให้มาร่วม มาทำงานที่ผาแดงฯ เถอะ ผมก็รับฟังก็น่าสนใจดี ตอนนั้นเพิ่งเป็นปลัดกระทรวงต่างประเทศ รัฐมนตรีสิทธิก็นั่งอยู่ด้วย ผมก็บอกว่ากฤษณะไปพุดกับนายผมเองซิ เขาก็ไปคุย รัฐมนตรีก็ตวาดให้ว่า อย่ามายุ่งกับคนของผม (หัวเราะ) มันก็จบไป

แต่ตอนหลังผมก็คิดอยู่ตลอดเวลาว่า ผมจะไม่อยู่กระทรวงการต่างประเทศจนเกษียณ ผมตั้งเป้าหมายว่า ผมอยากมีประสบการณ์ทางธุรกิจ อยากหาความรู้ด้านอื่น ๆ ก็เลยกลับมา ก็มีการทาบทามโดยคุณไกรศรีติดต่อมาผ่าน ดร. อำนวยตอนไปวอชิงตัน ผมก็สนใจแล้วต้องตัดสินใจออกจากราชการเลย เมื่อเข้ามาแล้วได้ศึกษาความเป็นมาของบริษัทก็ตอกย้ำความมั่นใจว่า มันน่าภูมิใจที่ได้ทำงานที่นี่

ทิศทางการขยายตัวของ "ผาแดงฯ"

ก่อนอื่นต้องให้เครดิตกับทีมงานรุ่นบุกเบิกที่ได้สร้างฐานมาอย่างมั่นคง ก็โชคดีที่ผมมาในจังหวะที่ทุกอย่างลงตัว ราคาหุ้นก็พุ่งขึ้นมามหาศาล ตอนนี้ก็ศึกษางานอยู่ แต่แน่นอนที่สุด ผมมีทิศทางของผม ผมมานั่งจับอยู่ 7 เดือน ผมรู้ว่าจะต้องเดินไปทางไหน คิดว่าผมมาสร้างหรือเสริมให้มันก้าวต่อไป

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่อง การสำรวจแร่ เราก็แยกฝ่ายสำรวจออกจากฝ่ายทำเหมือง การสำรวจใช้เวลานานถึง 5 ปี แต่เรามีเวลา 12 ปี ตามระยะเวลาที่แร่เดิมจะมี เราก็ต้องเพิ่มทีมงานสำรวจให้มาก หาแร่สังกะสีเป็นหลัก

ในแง่สังกะสีเอง เราก็ไม่ควรอยู่แค่สังกะสี เพราะปี 1992 ภาษีค่าภาคหลวงจะหนัก เราควรจะเน้นไปที่ซิงค์อัลลอยด์ให้มาก ๆ และเป็นดาวน์สตรีม โดยเฉพาะไดคาสติ้ง และชิ้นส่วนรถยนต์ ขณะเดียวกันเราควรจะสร้างแคดเมี่ยมขึ้น เพราะว่าดีมานด์สูงมาก เราก็ต้องระวังไม่ให้ผลิตแล้วราคาตกลงไป ถ้าเราสามารถ ดาวน์สตรีมทำเป็นแคดเมี่ยมออกไซด์แล้วทำแบตเตอรี่ ผสมสี ตอนนี้ก็ขอให้เวียงมองตานเป็นผู้ถือหุ้นและติดต่อบริษัทในยุโรป และทางมิตซุยไมนิ่งก็อยากร่วมด้วย ทั้งแคดเมี่ยมและผงสังกะสี เราไม่ควรพอใจเฉพาะกับสิ่งที่เรามีอยู่ ควรจะขยับขยายให้เกิดขึ้นก่อนปี 1992 ก็จะดี

ในขณะเดียวกันก็ไม่ควรยุติแค่สังกะสี ผาแดงฯ กำลังเนื้อหอม ซึ่งมีโครงการเหล็กรีดร้อนรีดเย็นเข้ามา ถ้ามันเป็นไปได้ ทำไมเราจะไม่ทำล่ะ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ผมและทีมงานคิดร่วมกัน

นอกจากนี้ ผมยังมีปรัชญาในการทำงานที่จะช่วยให้ท้องถิ่นที่เราไปลงทุนเจริญเติบโตตามไปด้วย เช่น เราให้ทุนการศึกษา ให้อุปกรณ์การศึกษาด้านวิศวกรแก่โรงเรียนเทคนิคที่ตาก มีการจ้างคนงานที่เป็นชาวตากถึง 70% สร้างโรงพยาบาล และอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อให้แม่สอดที่ตากพัฒนาขึ้น

ความสัมพันธ์กับธนาคารกรุงเทพ

ผมรับตำแหน่งกรรมการแบงก์กรุงเทพตั้งแต่สมัยที่ผมเป็นปลัดกระทรวงเมื่อ 2525 ดร. อำนวยเสนอผม ผมก็คิดอยู่นานพอสมควรว่าควรจะรับหรือไม่อย่างไร ก็ได้ข่าวว่ารับได้ รับได้นี่ก่อนผมไปเป็นทูตที่สหรัฐฯ ผมลาออกถึง 3 ครั้ง ทางวาจา เป็นลายลักษณ์อักษร และในที่ประชุมกรรมการก็ขอลาออก ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่สามารถร่วมประชุมได้ เขาประชุมกัน 2 เดือนครั้ง บางทีก็ไม่ค่อยได้พูดด้วยซ้ำ คือเป็นการประชุมที่ฝ่ายบริหารที่มีบทบาทมากเป็นคนที่มาอภิปราย ส่วนใหญ่เราก็รับฟัง คือ บทบาทที่จะเข้าไปบริหารมันไม่มี เข้าใจว่าเขาเชิญผมเพื่อเป็นเกียรติแก่แบงก์มากกว่า แต่ผมก็ไม่อยากให้ความสำคัญกับตัวเองมากนัก

สมัยเป็นปลัดกระทรวงก็ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องแบงก์เลย เพราะฉะนั้นถ้าจะมาเกี่ยวกับผาแดงฯ ผมยังมองไม่เห็นว่าเป็นเรื่องของสายสัมพันธ์ได้อย่างไร เพราะว่า ประการแรก มันเป็น PUBLIC COMPANY แล้ว ผมมาก็ไม่ใช่เพราะแบงก์กรุงเทพให้มา แบงก์กรุงเทพก็ถือหุ้นน้อย แค่ 7.0 เท่านั้น ตอนนี้ก็เหลือแค่ 5.97 เพราะฉะนั้นมีหนังสือพิมพ์ลงไปว่า ผมเกี่ยวกับแบงก์กรุงเทพที่ผาแดงฯ ผมก็รู้สึกน้อยใจว่าอยู่ดี ๆ เอะ ทำไมมาจับโยงกัน คุยกับผมก็ไม่คุย ไม่เคยคุยกันแล้วมาจับโยง ว่า ผมจะเป็นลูกมือคุณชาตรี คนอย่างผมนี่ทำไมถึงต้องเป็นลูกมือใคร ทำไมไม่มองในแง่นั้นล่ะแน่นอนที่สุด ผมไม่ยอมเอาชื่อผมไปพัวพันกับใครเป็นอันขาด ผมสร้างประวัติของผมมาถึงขณะนี้แล้ว ธุระอะไรจะไปเป็นมือของใคร ไอ้นี่เป็นเกียรติ ผมทำไม่ได้อยู่แล้ว และในขณะเดียวกันก็รู้สึกน้อยใจเหลือเกิน

แน่นอนที่สุดสำหรับแบงก์กรุงเทพเราไปร่วมเป็นกรรมการ แล้วเราก็ต้องให้เกียรติ แต่แน่นอนว่า ถ้าเอาผาแดงฯ มาสร้างประโยชน์แบงก์กรุงเทพ รับรองว่า ไม่เป็นเช่นนั้นแน่ ไม่เด็ดขาด แล้วคนอย่างผมผ่านงานมาเยอะแยะ แล้วก็สร้างมาถึงขนาดนี้แล้ว จะไปสลายได้อย่างไร

กรณีเวียงมองตานขายหุ้น

วันที่ 25 ต.ค. ผมอยู่ในคณะกรรมการบริหารสภาอุตสาหกรรมไทย พบสื่อมวลชน ผมก็ไปร่วมด้วย ก็มีนักข่าวคนหนึ่งบอกว่า เอ เวียงมองตานขายหุ้น ความจริงเราก็ไม่ได้ปกปิดอะไร แต่ก็ไม่ได้นึกว่าใครจะสนใจมากนัก นักข่าวก็บอกว่า ระวังนะ จะมีการตำหนิเรื่องการบริหารงาน ผมมาที่ทำงานวันที่ 26 ต.ค. ตอนเช้า ผมก็โทรเลขไปถึงนายมาสซอง ว่าช่วยให้ความกระจ่างหน่อย ทำไมถึงขายหุ้น ทางเขาก็ตอบกลับมาเย็นวันนั้น ผมก็แปลและให้ต้นฉบับอันนั้นแก่หนังสือพิมพ์ ในวันนั้นเองหนังสือพิมพ์บางฉบับลงข่าวว่ามีความกระจ่าง วันรุ่งขึ้น 27 ต.ค. ก็มีการลงข่าวตามที่ได้แถลง

หลังจากนั้นก็พยายามพูดคุยกับทางหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นเขาก็ยังสนใจข่าวนี้ และยืนหยัดความเข้าใจว่ามีความขัดแย้งกัน ผมก็เข้าใจดีเพราะว่า เมื่อออกข่าวไปแล้ว จะไปบอกว่า ทั้งหมดที่ตัวเองลงไปนั้นผิด ก็คงเป็นไปไม่ได้ ขณะเดียวกันเราก็หวังจะสร้างมิตรกับสื่อมวลชน แน่นอนเราอยากให้เห็นภาพพจน์ที่แท้จริงของเรา เราไม่ปกปิดอะไร

การเจรจาซื้อขายหุ้นเวียงมองตานที่โรงแรมฮิลตัน ก็เชิญคุณจิรายุ คุณธารินทร์ คุณบรรยงค์ คุณดำรง คุณอัศวิน แล้วก็คุยกับเวียงมองตาน ขอร้องอย่าขายผ่านตลาด อยากให้ถือหุ้นต่อด้วย ขณะเดียวกันก็ถามผู้ที่มาร่วมว่า สนใจซื้อในราคาเท่าไหร่ พวกนี้ก็บอกว่า 650 ทางเบลเยียมก็สะอึก กลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ (หัวเราะ) เพราะมันราคาตลาดตอนนั้น 732 นี่ ก็ยังไม่ตกลงชัดเจน เราก็ขอร้องว่า ถ้าหากซื้อไปแล้ว อย่าเพิ่งขายเร็วนัก ขอให้เป็นการลงทุนระยะยาวร่วมกัน แต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไรนะ เสร็จแล้วต่อมา ทางเวียงมองตานก็โทรเลขกลับมาบอกว่า 675 เราก็เดินสายสอบถามติดต่อผู้ร่วมประชุมเหล่านี้ ก็ตกลง

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us