|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
*เมื่อตลาดเครื่องดื่ม 2 ขั้วมาบรรจบกัน
*'เพื่อความสดชื่อ' และ 'เพื่อสุขภาพ'
*การเสริมทัพ 'ยักษ์น้ำอัดลม' เปิดสงครามระรอกใหม่
*แจ้งเกิดแบรนด์สุขภาพ ส่งแรงสะเทือนทั้งตลาด
ตลาดเครื่องดื่มในเมืองไทยที่กำลังก้าวไปสู่จุดเปลี่ยน จากขั้ว 'เพื่อความสดชื่น Emotional Benefit ' ซึ่งมีตลาดใหญ่เป็นน้ำอัดลมมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท มาสู่อีกขั้ว Healthy Drink ที่เน้นจุดขาย 'เพื่อสุขภาพ Functional Benefit' ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเครื่องดื่มประเภทน้ำผลไม้ และเครื่องดื่มใหม่ๆเพื่อสุขภาพนานาชนิดที่เปิดตัวเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ย่อมสะเทือนกับยอดขายหลักๆของ ทั้ง โค้ก เป๊ปซี่ มิรินด้า แฟนต้า และด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้เมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมายักษ์ใหญ่น้ำอัดลมทั้ง 'โค้ก' และ 'เป๊ปซี่' ปรับโฟกัสจากน้อัดลมาขยายไลน์สินค้าสู่ตลาด 'น้ำผลไม้'ครั้งแรกในระเทศไทย อีกทั้งพยายามเร่งปั้นแบรนด์ใหม่ 'มินิเมด สแปลช' และ 'ทรอปิคานา ทวิสเตอร์' ให้แจ้งเกิดในขาเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเข้ามารองรับสภาพตลาดที่เริ่มเปลี่ยนไป
แม้ว่ากระแสสุขภาพ จะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตลาดเครื่องดื่มเปลี่ยนก็ตาม ทว่าการเปิดตัวลงตลาดน้ำผลไม้ครั้งแรกของ โค้ก และ เป๊ปซี่ นั้น ยังคงเป็นจุดขายทางด้านความสดชื่นมากกว่า แต่ก็ยังไงก็ได้ภาพของน้ำผลไม้ ซึ่งบ้างก็ว่าเป็นน้ำผลไม้"ระดับอีโคโนมี" ที่ความเข้มข้นต่ำกว่า 25% และมีราคาไม่สูงนัก และจะเป็นน้ำผลไม้เซกเมนต์ไหนคงไม่สำคัญเท่ากับแบรนด์อิมเมจที่อิมพอร์ตเข้ามาจากบริษัทแม่ที่ต่างประเทศ โดยข้อมูลจาก บริษัทโคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แบรนด์มินิทเมด ถือได้ว่าเป็นแบรนด์น้ำผลไม้ที่มียอดจำหน่ายทั่วโลกต่อปีกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯในเกือบ 100 ประเทศ
อีกทั้งจุดเริ่มต้นของการทำตลาดน้ำผลไม้ครั้งแรก ระดับของการคาดหวังนั่นก็เพื่อสร้างร้างการรับรู้เพื่อเป็นการปูทางเข้ามาก่อนเท่านั้น โดยในระยะแรกของการเข้าสู่ตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ นอกจากการแบรนดิ้งด้วยโฆษณา และกิจกรรมการตลาดแบบครบวงจร ของ ทรอปิคาน่า ทวิสเตอร์ในคอนเซ็ปต์ "เปรี้ยวหวานลงตัวเป๊ะ " แตกต่างจากคู่แข่งมินิเมด สแปลช ที่เน้นสื่อสารด้านรสชาติด้วย "ความสดชื่นแบบรสเข้มเต็มรสส้ม" ทว่าอีกสิ่งที่สำคัญของการทำตลาดที่มีการทำควบคู่กันไปคือ กลยุทธ์การแจกชิมสร้างประสบการณ์ให้กลุ่มลูกค้าได้ทดลองสินค้า
ระบบขายผ่านหน่วยรถ แจ้งเกิดในตลาดน้ำผลไม้
ดูเหมือนว่าจุดเปลี่ยนที่ 'โค๊ก' และ 'เป๊ปซี่' นำศักยภาพของระบบจัดจำหน่ายผ่าน 'หน่วยรถ'มาใช้กับการแจ้งเกิดในตลาดน้ำผลไม้ เพื่อขยายฐานผู้บริโภคให้กว้างขึ้นผ่านช่องทางในร้านอาหารนั้น นับว่าเป็นจุดแข็งในการกระจายสินค้าให้กับ 'มินิเมด สแปลช' กับ 'ทรอปิคาน่า ทวิสเตอร์' อีกทั้งเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ การทำตลาดน้ำผลไม้ได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็ว เพราะสามารถเพิ่มโอกาสและความถี่ในการบริโภคในช่องทางร้านอาหาร แต่การขยายฐานไปในตลาดช่องทางในร้านอาหารนั้น ทำให้เกิดการ'กินตลาดกันเอง' ระหว่าง 'น้ำอัดลมกับน้ำผลไม้ ' ซึ่งก็มีการแก้เกมนี้ โดยใช้ กลยุทธ์ Sizing ที่มีการออกแพ็กเกจจิ้งในขนาดต่างๆออกมาทำตลาดในช่องทางอื่นทดแทน ทั้งนี้เพื่อมาช่วยเพิ่มโอกาสในการดื่มน้ำอัดลมของผู้บริโภคในเวลาอื่น
การวางยุทธศาสตร์การขยายฐานตลาดด้วยขวดคืน โดยนำศักยภาพของระบบจัดจำหน่ายหน่วยรถขายมาใช้กับ ตลาดน้ำผลไม้ ถือว่าเป็นความได้เปรียบของ 'เป๊ปซี่' เนื่องจาก เป๊ปซี่ เป็นเจ้าตลาดครองส่วนแบ่ง 72% ของช่องทางสำคัญของตลาดน้ำอัดลมที่เป็นขวดคืนอย่าง'ร้านอาหาร หรือ Eateries' ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่หากพูดถึงความเหนือกว่าของ 'มินิเมด สแปลช' ก็มีคือการวางรสชาติที่ 2 คือ มินิทเมด สแปลช มะนาวรสชาติ ในปีที่ผ่านมา และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ โค้ก ออกมาประกาศศักดาของสงครามน้ำผลไม้ ยกแรกว่า จากข้อมูลของ Nielsen จาก Retail Index Service หมวดน้ำผลไม้ในประเทศไทยระยะเวลา 12 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 ครอบคลุมช่องทางขายที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ โชห่วย และร้านอาหาร พบว่า 'สแปลช' สามารถครองส่วนแบ่ง 14.6%
ศึกระรอกใหม่ 'น้ำส้มผสมเนื้อส้ม'
หลังความพยายามในการปั้นแบรนด์ใหม่ให้แจ้งเกิดแล้ว หมากต่อไปคือ การล้ำเส้นเข้าไปในตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ กอปรกับในจังหวะเมื่อเส้นแบ่งระหว่าง 'เครื่องดื่มเพื่อความสดชื่น' และ 'เพื่อสุขภาพ' ในปัจจุบันเริ่มจะมีช่องว่างที่แคบลงไปทุกที และก่อนเกมพลิกกระดานไปสู่จุดเปลี่ยนตลาดนั่นเอง จึงเป็นที่มาของการเปิดเกมรบครั้งใหม่ของค่ายน้ำอัดลม ที่มีการพัฒนาไปอีกเสต็ป และความพยายามที่ต้องการจะแจ้งเกิดในซีกของเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพให้ได้ จึงทำให้การแข่งขันปีนี้รุนแรงอีกครั้ง
'โค้ก' และ 'เป๊ปซี่' เปิดสงครามยกใหม่ช่วงชิงกันออกสินค้าใหม่ในรูปแบบของ 'น้ำส้มผสมเนื้อส้ม' พร้อมจุดเด่นที่ผสมวิตามิน โดย ในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกันของไตรมาสแรกที่ผ่านมา โค้ก ต่อยอด 'สแปลช' โดยเปิดตัว 'มินิทเมด พัลพิ' น้ำส้มธรรมชาติ 20% ผสมเนื้อน้ำส้มแท้ 3% เสริมด้วยวิตามินอี และแคลเซียม ด้วยรูปทรงขวดในรูปแบบขวดเพ็ทขนาด 300 มล.ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นี้ ขณะเดียวกันทางฟากคู่แข่งเป๊ปซี่ ก็เข็น'ทรอปิคาน่า ทวิสเตอร์'สูตรใหม่ 'น้ำส้มผสมเนิ้อส้ม' ออกมาทำตลาดด้วยแพกเก็จจิ้งขวดแก้ว 250 มล. ควบคู่ขวดเพ็ท 350 มล. อย่างไรก็ตามสำหรับการออกสินค้าใหม่ที่มีการยกระดับความเป็นพรีเมียมขึ้นนี้ จะเน้นการขายผ่านช่องทางร้านสะดวกซื้อ และโมเดิร์นเทรดเป็นช่องทางขายหลัก
สงครามสมรภูมิน้ำผลไม้ 7,000 ล้านบาท ครั้งใหม่นี้ ถือว่าเป็นอีกก้าวที่ข้ามไปสู่ขั้วจุดขายเพื่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น เห็นได้จากการวางตำแหน่งสินค้าที่เป็น 'น้ำส้มผสมเนิ้อส้ม' พร้อมกับมีการเปรียบเปรยว่าเสมือนกับการดื่มน้ำส้มสดแท้ๆ โดย'มินิทเมด พัลพิ' ชูจุดขายที่ว่า 'ให้รสชาติและความรู้สึกสดชื่นหมือนดื่มน้ำส้มคั้นสด' และกลุ่มเป้าหมายที่มีความชัดเจนที่มุ่งตอบสนองกลุ่มวัยเริ่มทำงาน (young adults) และคุณแม่รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มองหาผลิตภันฑ์ตอบรับกับรูปแบบการใช้ชีวิตแบบแอคทีฟไลฟ์สไตล์ และใส่ใจสุขภาพ เมื่อเทียบกับ'ทวิสเตอร์ใหม่' นั้น หลังจากนำร่องวางตลาด 'ทวิสเตอร์ใหม่ น้ำส้มผสมเนื้อส้ม'ในร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็มีการทำอินไซด์ผู้บริโภคและพบว่า ชอบเนื้อส้มในน้ำส้ม เพราะให้ความรู้สึกสดใหม่ที่ได้จากการรับประทานผลส้มโดยตรง แต่รู้สึกยุ่งยากกับการทำน้ำส้มที่บ้าน
บันไดขึ้นสู่น้ำผลไม้ครบเซกเมนต์
มีแนวโน้มความเป็นไปได้ที่ การรุกตลาดน้ำผลไม้ในปีนี้ของ 'โค้ก' และ 'เป๊ปซี่' ด้วยการยกระดับไปสู่ความเป็นพรีเมียมยิ่งขึ้น จะไปสู่การแข่งขันในตลาดน้ำผลไม้เซกเมนต์มีเดียม และพรีเมียม ซึ่ง ในต่างประเทศนั้นจะมีน้ำส้มทั้งสองเซกเมนต์คือ 100 % และ 40% ทำตลาด ทำให้ในช่วงของการเปิดตัวน้ำส้มแบบผสมเน้อส้มนั้น ทั้ง 2 ค่ายต่างก็ออกมาแสดงความมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้มีการวัดความพึงพอใจของลูกค้าแล้ว
ปรางณี ไชยพิเดช ผู้จัดการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า 'จุดขายที่เหนือชั้นของ ทวิสเตอร์ใหม่' ประปอบด้วย 2 ส่วนหลักคือ 1. รสชาติที่เหนือกว่าแบบเปรี้ยวหวานลงตัวเหมือนส้มธรรมชาติ พิสูจน์ได้จากการสำรวจความคิดเห็นด้วยการทดลองดื่ม พบว่าผู้บริโภคถึง 97% สนใจซื้อทวิสเตอร์ เพราะชื่นชอบในรสชาติและผลิตภัณฑ์ 2. การนำเสนอทางเลือกในการบริโภคด้วยขนาดและราคาที่หลากหลายยังตอบสนองความต้องการผู้บริโภคที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ
ส่วนการวัดความพึงใจของ 'มินิทเมด พัลพิ' ชนิสา แก้วเรือน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทโคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากการแจกตัวอย่างให้ผู้บริโภคได้ทดลองดื่มเพื่อสัมผัสกับประสบการณ์รสชาติและคุณภาพ (experiential sampling) จะช่วยเสริมสร้างกระแสการรับรู้ให้กับแบรนด์มินิทเมด พัลพิ อีกทั้งช่วยส่งผลให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคไทยที่ได้ทดลองดื่มน้ำส้มมินิทเมด พัลพิ พบว่าผู้บริโภคชื่นชอบในรสชาติของผลิตภัณฑ์สูงมาก และมากกว่า 90% ของผู้ที่ได้ทดลองดื่มมีความตั้งใจจะซื้อน้ำส้มมินิทเมด พัลพิในอนาคตเมื่อวางจำหน่ายด้วย นอกจากนี้ จากการกระตุ้นตลาดด้วยประมาณ 60 ล้านบาท ผ่านการจัดกิจกรรมการตลาดครบวงจร พร้อมกับใช้กลยุทธ์ experiential sampling จัดแจกชิมกว่า 1.2 ล้านคน คาดว่าทำให้ตลาดรวมเติบโต 15-20%
ค่ายน้ำผลไม้เปิดเกมรับศึกหนัก
ความพยายามของ 2 แบรนด์ยักษ์ใหญ่ ในตลาดน้ำอัดลมที่เข้ามาในสมรภูมิรบน้ำผลไม้ ทีเร่งแจ้งเกิด แบรนด์ 'มินิเมด สแปลช' และ 'ทรอปิคาน่า ทวิสเตอร์' ในช่วงแรกๆที่เข้ามาแข่งขันกันในตลาดน้ำผลไม้ที่ชูจุดขาย 'ความสดชื่น' นับว่าได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับตลาดน้ำผลไม้ ที่อยู่ในตลาดมาก่อน และกำลังการก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดน้ำผลไม้ จะเห็นได้จากการเคลื่อนไหวของบรรดาค่ายน้ำผลไม้ ทั้ง หมด ไม่ว่าจะเป็น เจ้าตลาดน้ำผลไม้ 100% ' ทิปโก้' หรือ เบอร์รอง 'มาลี' นั้น ต้องออกมาเปิดเกมรบ รับมือกับการเข้ามาของยักษ์น้ำอัดลมที่มีระบบการจัดจำหน่ายเป็นจุดแข็งที่สำคัญในการทำตลาดเข้าถึงลูกค้าได้มากกว่า และที่ชัดเจนเห็นจะเป็น 'น้ำผลไม้ตราดีโด้ 'ที่ได้รับผลกระทบครั้งนี้ เนื่องจาก ดีโด้ เป็นแบรนด์เจ้าตลาด ที่ผูกขาดน้ำผลไม้ระดับอีโคโนมี และใช้จุดขายความสดชื่นมาตลอด
ทิปโก้ส่งแบรนด์ใหม่ชน
ดูเหมือนว่าที่ผ่านมานั้น น้ำผลไม้'ทิปโก้' เบอร์หนึ่งของตลาดน้ำผลไม้ ครองส่วนแบ่งมากกว่า 50% ที่เป็นของ บริษัททิปโก้ฟูดส์ (ประเทศไทย) จำกัด จะมองเห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงของตลาดเครื่องดื่มว่า เส้นแบ่งระหว่างขั้วเพื่อความสดชื่น Emotional Benefit และขั้วที่เน้นจุดขายเพื่อสุขภาพ Functional Benefit กำลังจะเริ่มมาบรรจบกัน ประกอบกับการเข้ามาของผู้เล่นที่น่ากลัวอย่าง โค้ก และ เป๊ปซี่ ด้วยเช่นกัน จึงทำให้ ทิปโก้ มีการเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์นี้ โดยมีการลงทุนสร้างโรงงานผลิตขวดเพ็ต เมื่อต้นปี 2550 ที่มีการลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อมารองรับการขยายธุรกิจเครื่องดื่มที่เหมาะสมและสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ให้ความใส่ใจเรื่องสุขภาพร่างกายมากขึ้น และหลังจากนั้นในปีที่ผ่านมา ก็มีการขยายโปรดักต์ไลน์ให้ครอบคลุมกลุ่มน้ำผลไม้ให้มากขึ้น โ ดยออกน้ำผลไม้ 25% ในรูปแบบขวดเพ็ต ภายใต้แบรนด์ใหม่ 'ทิปโก้ คูลฟิต'ลงมาสู้ศึกน้ำผลไม้ 25% ซี่งนับว่าเป็นครั้งแรกที่ ทิปโก้ ออกสินค้าน้ำในบรรจุภัณฑ์ขวดเพ็ต
มาลี ผ่าทางตันน้ำผลไม้ เน้นสินค้าจุดขายสุขภาพ
ในปีที่ผ่านมา มาลี เปิดศึกน้ำผลไม้พร้อมดื่มต่ำกว่า 25% เพื่อออกมาสู้กับการเข้ามายักษ์น้ำอัดลม โดยเปิดตัว 'มาลี จู๊ซ มิกซ์ คูล แมกซ์' น้ำผลไม้พร้อมดื่ม 15% ชูจุดขายให้ความเย็นสดชื่น และเน้นจับกลุ่มวัยรุ่น และกลุ่มนักศึกษาอายุประมาณ 15-25 ปี แต่มาถึงปัจจุบันดูเหมือนว่า การลงไปเล่นในตลาดน้ำผลไม้ที่ขายความสดชื่นจะไม่ใช่แนวทางที่ถนัดของ มาลี เห็นได้จากการเคลื่อนไหว 2 ครั้งล่าสุด ที่จะเน้นการเปิดตัวสินค้าในกลุ่มเพื่อความสดชื่น โดยแตกย่อยเซกเมนต์ใหม่ น้ำผลไม้ 100% ที่มีการ Add Value เข้าไป โดยเปิดตัว Healti plus น้ำทับทิม ผสมสารสกัดจากเมล็ดองุ่น ผสมโอเมก้า ทรี ออกมาทำตลาดเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมานี้ 'มาลี' ก็เปิดตัวเครื่องดื่มน้ำผลไม้แบบ 'ฟรุ๊ตเทล' Mix It Yourself (MIY) เป็นการมิกซ์ น้ำผลไม้ที่มีความหลากหลายคุณค่าด้วยรสชาติที่แสนอร่อย อย่างง่ายๆ สนุกๆ แบบสุขภาพดีมิกซ์สนุก เพื่อสุขภาพตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการน้ำผลไม้แบบไม่จำเจ สำหรับกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มวัยรุ่น หนุ่มสาว วัยทำงานคนรุ่นใหม่ ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป พร้อมทั้งวางแผนทางการตลาดของเครื่องดื่มน้ำผลไม้ แบบ MIYไปสู่กลุ่มผู้บริโภคได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว วางงบการตลาดกว่า 2 ล้านบาท ผ่านกิจกรรมส่งเสริมการขาย และประชาสัมพันธ์อย่างครบวงจร ทั้งการจัดโรดโชว์ ตั้งบูธกิจกรรม พร้อมทั้งจัดชงชิม ในช่วงไฮซีซันของสินค้าหน้าร้อนนี้ ตามโมเดิร์นเทรด และซูเปอร์มาร์เก็ต
น้ำผลไม้ดีโด้ รับศึกหนักใช้พรีเซ็นเตอร์ครั้งแรก
ต้องยอมรับว่าการเข้ามาในสมรภูมิน้ำผลไม้ของ ค่ายน้ำอัดลมยุคแรกๆที่มุ่งไปที่ตลาดขายความสดชื่น คือ เหตุผลหลักที่ทำให้ เมื่อเร็วๆ นี้ น้ำผลไม้ตราดีโด้ ต้องออกมาเคลื่อนไหว โดยเปิดตัว 'สเตฟาน - สันติ วีระบุญชัย' เป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรก ผ่านโฆษณาประชาสัมพันธ์ในภาพยนตร์โฆษณาเรื่องใหม่ ชุด 'Chase' ภายใต้คอนเซ็ปท์ 'ดื่มรสไหน เจอรสผลไม้เต็มๆ สดชื่นสะใจ... ดีโด้' ทั้งนี้เพื่อตอกย้ำและเพื่อปกป้องบัลลังก์ที่ น้ำผลไม้ดีโด้ ครอง เบอร์หนึ่ง ของเซกเมนต์อีโคโนมีมานานหลายปี โดย ตลาด อีโคโนมี มูลค่ากว่า 1100 ล้านบาท เป็นตลาดที่ผู้เล่นในตลาดน้ำผลไม้ หลายๆค่ายพยายาม ส่งสินค้าเข้ามาในตลาด เนื่องจากเป็นตลาดแมสที่มีความสำคัญในการสร้างการจดจำแบรนด์ก่อนจะต่อยอดไปสู่การทำตลาดน้ำผลไม้ในอีกระดับ
|
|
|
|
|