Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ASTVผู้จัดการรายวัน6 พฤษภาคม 2552
อุตฯกองทุนพุ่ง2.3ล้านล. "Kasset"ผงาดกวาด3แชมป์-ลุ้นหุ้นขึ้นดึงเงินกลับ             
 


   
search resources

Funds




อุตสาหกรรมกองทุนสินทรัพย์พุ่งแตะ 2.3 ล้านล้านบาท ได้อานิสงส์ 4 เดือน กองทุนรวมโกยเงิน 1.46 แสนล้านบาท ส่วนกองทุนส่วนบุคคล-สำรองเลี้ยงชีพ" จบไตรมาสแรก ยังซึมพิษความผันผวน โดยเฉพาะไพรเวตฟันด์ คิดลบไป 11.51% พบ "บลจ.กสิกรไทย" ผงาด ครองแชมป์กองทุนทั้ง 3 ประเภท สินทรัพย์รวมพุ่งเป็น 4.51 แสนล้านบาท ลุ้นตลาดหุ้นเด้งกลับ ดึงเงินลงทุนไหลเข้า

รายงานข่าวจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคมบลจ.) รายงานตัวเลขเงินลงทุนในกองทุนกองทุนส่วนบุคคล (ไพรเวตฟันด์) และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (โพรวิเดนท์ฟันด์) ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา พบว่า กองทุนทั้งสองประเภทยังได้รับผลกระทบจากความผันผวนของบรรยากาศการลงทุนต่อเนื่อง โดยจากการรวบรวมตัวเลขเงินลงทุนในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา ในส่วนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเติบโตขึ้นจากปลายปีที่แล้ว 1.29% โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 471,335.77 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้น 6,039.33 ล้านบาทจากปลายปีที่มีสินทรัพย์รวม 465,296.44 ล้านบาท

ในขณะที่กองทุนส่วนบุคคล พบว่าสินทรัพย์ปรับลดลงไปค่อนข้างมาก คิดเป็นสัดส่วนถึง -11.51% โดยเงินลงทุนรวมทั้งระบบลดลงประมาณ 19,376.71 ล้านบาท จากสินทรัพย์รวม 168,276.96 ล้านบาทในช่วงปลายปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 148,900.25 ล้านบาทในปัจจุบัน

สำหรับบริษัทจัดการที่มีสินทรัพย์รวมสูงสุด 5 อันดับแรก ในส่วนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด ยังมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ต่อเนื่อง ด้วยสินทรัพย์รวม 64,891.03 ล้านบาท ตามด้วย บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ด้วยสินทรัพย์รวม 60,454.85 ล้านบาท โดยมีบลจ.ไทยพาณิชย์ ตามมาเป็นอันดับ 3 ด้วยสินทรัพย์รวมทั้งหมด 60,108.85 ล้านบาท อันดับ 4 บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) มีสินทรัพย์รวม 58,966.26 ล้านบาท และอันดับ 5 บลจ.ทิสโก้ ที่มีสินทรัพย์สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพรวม 58,005.56 ล้านบาท

ในขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทจัดการที่มีสินทรัพย์รวมในอุตสาหกรรมกองทุนส่วนบุคคลสูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย อันดับ 1 บลจ.กสิกรไทย ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารรวมทั้งสิ้น 34,925.30 ล้านบาท โดยมี บลจ.วรรณ ตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยสินทรัพย์รวมทั้งหมด 22,489.66 ล้านบาท ส่วนบลจ.ทิสโก้ ตามมาเป็นอันดับ 3 ด้วยสินทรัพย์รวม 20,923.13 ล้านบาท อันดับ 4 บลจ.เอ็มเอฟซี กับสินทรัพย์ 20,290.05 ล้านบาท และอันดับที่ 5 บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ด้วยสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 15,830.21 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในส่วนของกองทุนรวมเอง ก่อนหน้านี้มีรายงานออกมาว่า ณ วันที่ 24 เมษายน 2552 ที่ผ่านมา มีเงินลงทุนรวมทั้งระบบเพิ่มขึ้นเป็น 1,686,784.83 ล้านบาท จากเงินลงทุนรวม 1,526,811.54 ล้านบาท ในช่วงปลายปี 2551 โดยคิดเป็นเพิ่มขึ้นถึง 159,973.29 ล้านบาท และคิดเป็นการขยายตัว 10.47%

โดยหากรวมตัวเลขเงินลงทุนในธุรกิจจัดการกองทุนทั้งอุตสาหกรรม ซึ่งประกอบด้วย กองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคลและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแล้ว จะมีสินทรัพย์รวมกันทั้งสิ้น 2,307,020.85 ล้านบาท คิดเป็นเงินที่เพิ่มขึ้นประมาณ 146,635.91 ล้านบาทจากปลายปีที่แล้ว

ทั้งนี้ บรรยากาศการแข่งขันในอุตสาหกรรมกองทุนรวมเองพบว่า การแข่งขันยังอยู่ในบริษัทในเครือแบงก์ขนาดใหญ่เป็นหลัก ซึ่งหลายบริษัทมีความพยายามที่จะดันสินทรัพย์ภายใต้การบริหารของตัวเองให้สูงขึ้น เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้สูงขึ้นด้วย ล่าสุด ณ วันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา พบว่า บริษัทจัดการกองทุนที่มีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) สูงเป็นอันดับต้นๆ ยังคงเป็นบริษัทในเครือแบงก์ใหญ่ โดยบริษัทที่มีส่วนแบ่งเป็นอันดับ 1 ได้แก่ บลจ. กสิกรไทย ซึ่งถือว่าสามารถเป็นการกลับมารั้งแชมป์ผู้นำตลาดกองทุนรวมได้อีกครั้ง โดยบลจ.กสิกรไทย มีสินทรัพย์รวมสำหรับกองทุนรวมทั้งสิ้น 351,910.07 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากรายงานตัวเลขเงินลงทุนทั้งหมด พบว่า บลจ.กสิกรไทย สามารถขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดได้อย่างเต็มตัวแล้ว เพราะจากธุรกิจจัดการกองทุนทั้ง 3 ประเภท นั่นคือ กองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้นำของอุตสาหกรรมทั้งสิ้น โดยหากรวมสินทรัพย์ของทั้ง 3 อุตสาหกรรม บลจ.กสิกรไทยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (เอยูเอ็ม) รวมทั้งสิ้นถึง 451,726.40 ล้านบาทแล้ว

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลังจากนี้ บรรยากาศการแข่งขันของธุรกิจจัดการกองทุนจะเข้มข้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริษัทจัดการในเครือธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ต่างประกาศเป้าหมายการเติบโตในระดับที่สูงทั้งสิ้น นอกจากนี้ ยังประกาศเป้าหมายที่จะขยับเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรมด้วย ซึ่งการที่บรรยากาศการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างต่ำ สัญญาณเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ดัชนีหุ้นที่ที่ปรับตัวในทิศทางดีขึ้น ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการลงทุนทั้งสิ้น ดังนั้น จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ธุรกิจจัดการกองทุนทั้ง 3 ประเภท ขยายตัวได้ดีขึ้นหลังจากนี้

"บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเริ่มกระเตื้องขึ้นในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เชื่อว่าจะทำให้ตัวเลขเงินลงทุนของกองทุนทั้ง 3 ประเภทหลังจากนี้ เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่เริ่มมีความหวังมากขึ้น จะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้นักลงทุนเริ่มกล้าเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นที่ยังถือเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด ดังนั้น ปัจจัยเหล่านี้ น่าจะมีส่วนช่วยให้เงินลงทุนทั้งระบบในธุรกิจจัดการกองทุนทั้ง 3 ประเภท ทั้งกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเติบโตขึ้นได้"   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us