Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัีน29 เมษายน 2552
เม.ย.ฝรั่งซื้อสุทธิ3.5พันล้าน ยัน“ไข้หวัดใหญ่จังโก้”ไม่กระทบ             
 


   
search resources

Stock Exchange




นักลงทุนหวั่นเชื่อไขหวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ในเม็กซิโกระบาดหนัก เทขายหุ้นทิ้งกดดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วง 2.27 จุด หรือคิดเป็น 0.48% แม้จะน้อยกว่าตลาดหุ้นเอเชีย เหตุได้รับแรงบวกจากสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคลี่คลาย-มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ขณะที่นักลงทุนต่างชาติหวนคืนตลาดหุ้นซื้อสุทธิตลอดเดือนเม.ย.รวม 3.5 พันล้านบาท “ภัทรียา” ยันไม่กระทบการลงทุน ปลอบมูลค่าการซื้อขายส่งสัญญาณดีขึ้นเฉลี่ยเกือบวันละ 1 หมื่นล้านบาทแล้ว

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (28 เม.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกสลับแดนลบ โดยในช่วงเช้าดัชนีตลาดหุ้นได้ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 480.35 จุด ก่อนที่จะปรับตัวลดลงและต่อเนื่องจนถึงช่วงบ่ายท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่ค่อนข้างหนาแน่น โดยดัชนีแตะระดับต่ำสุดที่ 468.96 จุด ก่อนปิดการซื้อขายที่ 472.72 จุด ลดลงจากวันก่อน 2.27 จุด หรือคิดเป็น 0.48% มูลค่าการซื้อขายรวม 17,642.85 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 619.99 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 479.40 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 140.59 ล้านบาท ส่งผลให้ตั้งแต่เดือนมกราคม 52 ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิรวมทั้งสิ้นกว่า 3,575.17 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บมจ. ปตท. (PTT) ราคาปิดที่ 181 บาท ลดลงจากวันก่อน 1 บาท หรือคิดเป็น 0.55% มูลค่าการซื้อขายรวม 2,512.28 ล้านบาท บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม ราคาปิด 98.25 บาท ลดลง 1 บาท หรือ 1.01% มูลค่าการซื้อขาย 1,301.64 ล้านบาท และบมจ. ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR) ราคาปิด 14.20 บาท ลดลง 0.30 บาท หรือ 2.07% มูลค่าการซื้อขาย 1,130.35 ล้านบาท

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึง ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่ในประเทศเม็กซิโก ว่า การแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากนัก เพราะไม่มีการแพร่ระบาดในประเทศไทย ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศเริ่มคลี่คลายลง ได้ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยตั้งแต่ต้นปี 2552 ที่ผ่านมามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่วันละ 9,800 ล้านบาท หรือบางวันมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 20,000 ล้านบาท

ประกอบกับ ปัจจุบันนักลงทุนต่างประเทศได้เริ่มกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นแถบเอเชียมากขึ้น โดยดัชนีตลาดหุ้นบางประเทศได้ปรับตัวขึ้นไปแล้วประมาณ 10-20% ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับตลาดหุ้นไทยในช่วงปลายเดือนมีนาคม – เมษายนที่ผ่านมา

“นักลงทุนต้องติดตามปัจจัยหลักๆ ที่จะมีผลกระทบต่อการลงทุนทั่วโลก คือภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังน่าเป็นห่วง รวมถึงการประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ควบคู่ไปด้วย ส่วนเรื่องโรดไข้หวัดหมูที่กำลังเป็นห่วงว่าจะกระทบต่อภาคการท่องเทียว หรือภาคการลงทุนนั้น คงจะไม่รุนแรงนัก หากรัฐบาลมีการดูแลและป้องกันอย่างรอบคอบ”

นางภัทรียา กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก น่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นต่างประเทศบ้าง โดยเฉพาะราคาหุ้นกลุ่มธุรกิจการบิน และธุรกิจการท่องเที่ยวที่ปรับตัวลดลง ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังไม่ได้รับผลกระทบ เมื่อเทียบกับช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง (ซาร์ส) และโรคไข้หวัดนก

นายพงษ์พันธ์ อภิญญากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีกว่าตลาดหุ้นภูมิภาค โดยนักลงทุนต่างประเทศเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น ท่ามกลางปัจจัยบวกและลบ โดยเฉพาะตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ปรับตัวลดลงจากความวิตกกังวลผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์เม็กซิโก บวกกับกระแสข่าวสถาบันการเงินขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ อาจจะต้องเพิ่มทุน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคการเงินของสหรัฐฯ และยุโรป ก่อนที่จะขยายวงกว้างสู่เอเชียต่อไป

ด้านปัจจัยบวกที่มีผลต่อตลาดหุ้นไทย ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มคลี่คลายได้ในระดับหนึ่ง ส่งผลต่อความเชื่อมันของนักลงทุน รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่นายกอปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาพูดอีกครั้งหนึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ในระยะยาว โดยเฉพาะการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลจะถูกส่งผ่านลงไปยังผู้ใช้เงินโดยตรง รัฐบาลจะตัดทอนรายจ่ายที่ไม่จำเป็น 3 แสนล้านบาท แต่จะได้รับการชดเชยภายใต้มาตรการชุดที่สองจำนวน 5 แสนล้านบาท ตัวกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านการลงทุนหรือด้านอื่นๆ จะไม่เกี่ยวข้องกับงบประมาณประจำปีไม่ต้องรอเบิก ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์กับการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีความเป็นนัยสำคัญพอสมควร

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงเช้าตลาดหุ้นมีทิศทางปรับขึ้น แต่ไปได้ไม่ไกลนัก เนื่องจากนักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก น่าจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยบ้าง แม้จะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง หรือไม่รุนแรงเท่ากับโรคซาร์ส และไข้หวัดนกที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจะต้องติดตามความเคลื่อนไหวราคาน้ำมัน หลังจากก่อนหน้านี้หลายฝ่ายได้คากการณ์เศรษฐกิจน่าจะปรับตัวลดลงถึงจุดต่ำสุด ส่งผลให้ราคาน้ำมันขยับตัวสูงเหนือระดับ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่จากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดสายพันธ์ใหม่จะส่งผลให้ธุรกิจท่องเทียวลดลง และส่งผลต่อภาคธุรกิจในกลุ่มโรงแรม ขนส่งทางเรือ และสายการบิน

“ราคาน้ำมันลดน่าจะเป็นผลดีต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจ แต่กลุ่มพลังงานมีน้ำหนักมากที่สุดในตลาดหุ้นไทย หากราคาน้ำมันปรับตัวลดลงจะส่งผลต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานด้วย ดังนั้นนักลงทุนจะต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง รวมถึงหุ้นในกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบ เช่น AOT THAI กลุ่มธุรกิจโรงแรม”   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us