Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน29 เมษายน 2552
กลุ่มปตท.เล็งขายหุ้นกู้เพิ่ม             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

   
search resources

ปตท., บมจ.
ประเสริฐ บุญสัมพันธ์
Oil and gas




กลุ่มปตท.เผยปี 53 มียอดผลิตเม็ดพลาสติกรวมทั้งสิ้น 3 ล้านตัน หลังจากโรงงานใหม่เริ่มทยอยแล้วเสร็จตั้งแต่ปลายปีนี้ ทำให้รายได้การขายเม็ดพลาสติกในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 3.5 หมื่นล้านบาท คาดปริมาณขายก๊าซธรรมชาติปีนี้ไม่ลด เหตุอากาศร้อนทำให้การใช้ไฟฟ้าสูง พร้อมเตรียมพิจารณาออกหุ้นกู้เพิ่ม หลังระดมทุนไปแล้ว 1 แสนล้านบาท ด้านเอสโซ่ฯฟุ้งผลดำเนินงานไตรมาส1/2552 ดีขึ้น หลังพลิกมีกำไรสต็อกน้ำมัน

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในปี 2553 ในเครือปตท.จะมีกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านตัน/ปี ซึ่งเป็นผลจากการลงทุนขยายกำลังการผลิตของกลุ่มปตท.ที่โรงงานเหล่านี้ทยอยแล้วเสร็จในปลายปีนี้ ได้แก่ การผลิตเม็ดโพลีโพรไพลีนเพิ่มอีก 300,000 ตัน การผลิตเม็ดพลาสติก เอชดีพีอีเพิ่มอีก 300,000 ตัน เม็ดพลาสติกแอลแอลดีพีอีเพิ่มอีก 400,000 ตัน เป็นต้น ส่งผลให้มีรายได้จากการจำหน่ายเม็ดพลาสติกเพิ่มขึ้นเป็น 30,000-35,000 แสนล้านบาทจากปี 2551 มีรายได้รวม 28,440 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 100,000 ล้านบาทภายในปี 2558 ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นรายได้การจำหน่ายจากการผลิตของกลุ่ม ปตท. 70,000 ล้านบาท และที่เหลือเป็นการรายได้จากการจำหน่ายสินค้านอกกลุ่ม

ส่วนความคืบหน้าการศึกษาการควบรวมกิจการในเครือปตท.ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสม คาดว่าจะสรุปได้ในปี้ ส่วนการจะออกหุ้นกู้เพิ่มเติมหรือไม่นั้น ยังจะอยู่ระหว่างกำลังพิจารณาเช่นกัน หลังจากเครือปตท.ได้มีการออกหุ้นกู้รวมกันกว่า 100,000 ล้านบาท ซึ่งการออกหุ้นกู้นี้เป็นการระดมทุนเพื่อใช้ขยายงานตามแผน และส่วนหนึ่งสำรองไว้ใช้ในการควบรวมกิจการ (M&A) หากมีโอกาสที่ดี

ด้านนายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้ ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติจะไม่ลดลง คงใกล้เคียงปีที่แล้วที่ระดับ 3,400 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน หลังจากอากาศร้อนจัดทำให้การใช้ไฟฟ้าสูงขึ้น และการส่งออกที่ขยับตัวดีขึ้น ทำให้โรงงานต่างๆ เริ่มกลับมาเดินเครื่องผลิต ส่งผลให้การก๊าซธรรมชาติในช่วงนี้ขยับดีขึ้น จากที่ช่วงต้นปีลดลงค่อนข้างสูง

ส่วนโครงการลงทุนโรงแยกก๊าซธรรมชาติ แห่งที่ 7 มูลค่า 20,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการใช้ก๊าซฯ ในอนาคตนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาปริมาณสำรองก๊าซฯในอ่าวไทยว่ามีเพียงพอที่จะป้อนโรงแยกก๊าซฯดังกล่าวหรือไม่ รวมทั้งศึกษาดูความคุ้มค่าเชิงเศรษฐกิจ

เอสโซ่แย้มQ1/52มีกำไรสต็อกน้ำมัน

นายแดเนียล อี.ไลอ้อนส์ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)(ESSO) กล่าวถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2552 ว่า บริษัทฯคาดว่าจะดีกว่าไตรมาสที่ผ่านมา เพราะราคาน้ำมันดิบในช่วงต้นปีอยู่ที่ 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และปัจจุบันราคาน้ำมันดิบได้ปรับขึ้นสูงขึ้น ทำให้มีกำไรจากสต็อกน้ำมัน

ขณะนี้ทิศทางราคาน้ำมันในปีนี้เชื่อว่าจะไม่ผันผวนมากเหมือนปีที่แล้ว เนื่องจากราคาน้ำมันที่ระดับ 40เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลถือว่าค่อนข้างต่ำ ทำให้ยากที่ปีนี้บริษัทน้ำมันจะประสบปัญหาการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันมหาศาลเหมือนปี 2551 ซึ่งหากปีนี้เอสโซ่มีผลกำไรจากการดำเนินงาน ก็คงนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40%ของกำไรสุทธิ หลังจากผลการดำเนินงานในปี 2551บริษัทฯประสบปัญหาการขาดทุนสุทธิ 6.86 พันล้านบาท สาเหตุมาจากการขาดทุนสต็อกน้ำมันเป็นสำคัญ ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินปันผลจากผลดำเนินงานครึ่งปีหลังได้

โดยกล่าวยอมรับว่า การขาดทุนสต็อกน้ำมัน ทางบริษัทไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้วยการซื้อขายล่วงหน้า(เฮดจิ้ง) เนื่องจากมองว่าเป็นความเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้ แต่เอสโซ่ฯจะให้ความสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนวัตถุดิบโดยอาศัยเครือข่ายเอ็กซอน โมบิลในการนำเข้าน้ำมันดิบต้นทุนต่ำมาใช้ในโรงกลั่น ขณะที่คู่แข่งไม่สามารถกลั่นได้ รวมทั้งมีวินัยทางการเงินในการลงทุนโครงการต่างๆที่ต้องมีผลตอบแทนการลงทุนแม้ว่าจะอยู่ในช่วงขาลงก็ตาม

ในปีนี้ บริษัทฯยังคงมีแผนที่จะปรับปรุงสถานีบริการเอสโซ่ต่อเนื่องจากปีก่อน โดยจะเน้นปั๊มน้ำมันที่ตัั้งอยู่ในทำเลที่ดีเป็นหลัก โดยยึดดหลักการมีระเบียบวินัยทางการลงทุน แม้ว่าในช่วงปีที่ผ่านมา ปั๊มเอสโซ่จะมีการปิดตัวไปบ้าง

สำหรับการลงทุนโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันให้ได้ตามมาตรฐานยุโรป(ยูโร 4) ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดต่างๆรวมทั้่งรอความชัดเจนจากรัฐบาลว่าจะมีการบังคับใช้ตามกำหนดเดิมหรือไม่ ซึ่งบริษัทฯก็พร้อมที่จะมีการลงทุนหากรัฐกำหนดชัดเจน

ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีนั้น ปีนี้บริษัทจะผลิตพาราไซลีนมากกว่าปีที่แล้วซึ่งผลิตอยู่ที่ 3.16 แสนตัน/ปี ขึ้นกับการจัดหาวัตถุดิบด้วย โดยในปลายปี 2551 บริษัทฯวางแผนการผลิตและขายพาราไซลีนในปีนี้จะอยู่ที่ 3 แสนตัน เพราะคาดว่าความต้องการใช้อ่อนตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ปรากฏว่าช่วงมี.ค.มีการผลิตพาราไซลีนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4 แสนตัน/ปี

ขณะที่ราคาพาราไซลีนได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาตลาดจรเดือนพ.ค.อยูี่ที่ 1,100 เหรียญสหรัฐ สูงกว่าต้นปีนี้ที่ราคาตันละ 600-700 เหรียญสหรัฐ สาเหตุเนื่องจากตลาดต่างประเทศมีความต้องการเพิ่มขึ้นหลังจากสต็อกของลูกค้าลดลง

อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นของราคาพาราไซลีนจะเป็นช่วงระยะสั้นหรือไม่นั้น คงต้องรอทิศทางราคาตลาดต่อไป ซึ่งปัญหาคู่แข่งในประเทศมีการขยายกำลังการผลิตพาราไซลีนนั้น ไม่กระทบการทำตลาดของบริษัทฯเพราะมีสัญญาซื้อขายระยะยาว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us