|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
จีนเปิดทิเบตรับนักท่องเที่ยวเทศ 5 เมษานี้
เอเอฟพี-จีนคลายข้อจำกัดช่วงครบรอบ 50 ปีเหตุการณ์ชาวทิเบตลุกฮือ เตรียมพร้อมเปิดประตูแดนหลังคาโลกให้ต่างชาติเยี่ยมชมอีกครั้ง 5 เมษายนนี้ ตามที่สำนักข่าวซินหัวรายงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (29 มี.ค.)
สำนักข่าวซินหัวอ้างข้อมูลจากปาชุก ผู้อำนวยการสำนักงานท่องเที่ยวของทิเบต ระบุว่า ช่วงเดือนมีนาคมได้มีการระงับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในทิเบต "เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเอง" แต่ก็จะเปิดให้เข้ามาเที่ยวอีกครั้งในวันที่ 5 เมษายนนี้
"ตอนนี้ทิเบตปลอดภัยและมีความปรองดองแล้ว ดังนั้นบริษัททัวร์ รีสอร์ต และโรงแรมกำลังเตรียมตัวรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง" ปาชุกกล่าว
ทั้งนี้ ทางการจีนได้ตรึงกำลังควบคุมความสงบในทิเบต รวมทั้งพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อป้องกันเหตุความไม่สงบในช่วงครบรอบ 50 ปี (10 มี.ค.) ของเหตุการณ์ชาวทิเบตลุกฮือขึ้นต่อต้านการปกครองจีนแต่ล้มเหลว จนเป็นเหตุให้องค์ทะไลลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของทิเบตต้องลี้ภัยไปอินเดีย
ด้านเจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนามจากคณะกรรมการการท่องเที่ยวของทิเบตรายหนึ่งก็ยืนยันว่าจะอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในวันที่ 5 เมษายนนี้แน่นอน "นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาในทิเบตได้ แต่ว่าจะต้องมีจดหมายรับรองจากตำรวจ"
อย่างไรก็ตาม ในหมู่บริษัททัวร์และธุรกิจอื่นๆ ของอุตสาหกรรม ยังมีความสับสนเรื่องแผนการเปิดประตูให้นักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ อย่างเช่น ลูกจ้างรายหนึ่งของบริษัททัวร์เฉิงตู ไชน่า ซึ่งทำทัวร์ไปทิเบต ให้สัมภาษณ์ว่า "นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สามารถเข้าไปทิเบตได้จนกระทั่งวันที่ 28 เมษายน" พร้อมระบุว่า "นักท่องเที่ยวจะต้องยื่นเรื่องขออนุญาตเข้าทิเบต และไม่สามารถเข้าไปกับกรุ๊ปคนจีนได้"
ขณะที่คนงานในโรงแรมลาซาย่านใจกลางเมืองก็ไม่ทราบวันเวลาที่แน่นอน โดยเขากล่าวว่า "ได้ยินว่าจะเปิดให้ชาวต่างชาติเข้ามาในวันที่ 14 เมษายน"
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์ความสับสนในลักษณะนี้ โดยบริษัทท่องเที่ยวยืนยันว่าเมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางทิเบตได้ปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา แต่ทางกระทรวงต่างประเทศจีนปฏิเสธข่าวดังกล่าว
ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สองในรอบปีที่ทางการไม่อนุญาตให้ต่างชาติเข้าทิเบต โดยครั้งแรกเกิดขึ้นหลังเกิดเหตุจลาจลในลาซา เมืองเอกของทิเบตโดยพระลามะที่ต่อต้านการปกครองของจีน เมื่อวันที่ 14 มีนาคม เพียง 4 วัน หลังจากครบรอบ 49 ปีเหตุการณ์ไม่สงบในทิเบต และอนุญาตให้เข้ามาท่องเที่ยวอีกครั้งเมื่อปลายเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 19 ราย และจุดชนวนให้เกิดการประท้วงในดินแดนที่มีชาวทิเบตอาศัยอยู่ ด้านทางการพลัดถิ่นทิเบตกลับระบุว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 200 คน
ข่าวข้างต้นถูกนำเสนอโดย ASTV ผู้จัดการออนไลน์เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา
ที่ยกข่าวนี้ขึ้นมาเพียงเพื่อต้องการจะสะท้อนข้อเท็จจริงบางอย่างเกี่ยวกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยทั่วไป
ข้อเท็จจริงที่ว่า "ถ้าพื้นที่ใด มีทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพเพียงพอแล้ว ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดขึ้นมาในพื้นที่นั้นย่อมต้องมีนักท่องเที่ยวที่อยากเข้าไปเยี่ยมชมสถานที่นั้นๆ อยู่"
ประเทศไทยก็เช่นกัน
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยช่วงที่ผ่านมา แม้อาจส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงไปบ้าง แต่ผมเชื่อว่าจะลดลงเพียงชั่วคราว เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย หรือมีความชัดเจนขึ้น นักท่องเที่ยวเหล่านี้ก็จะกลับมากันใหม่
เป็นเรื่องถูกต้องที่รัฐบาลหยิบยกเรื่องการฟื้นฟูการท่องเที่ยวของไทยเป็นวาระแห่งชาติ และภาคเอกชนได้แสดงท่าทีที่จะให้ความร่วมมือกับภาครัฐในเรื่องนี้อย่างจริงจัง
แต่การจัดการกับปัญหานี้ คงต้องละเอียด รอบคอบ มองหาความพอดี ไม่จำเป็นต้องอัดฉีดงบประมาณให้มากจนเกินไป
ประเทศไทยมีของดีอยู่มากมายที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากมาเห็น เพียงแต่เราจะจัดการกับของดีที่เรามีอยู่อย่างไรให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยไม่ต้องตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
|
|
|
|
|