Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา พฤษภาคม 2552
ดนตรีในยุคโลกาภิวัตน์             
โดย วิมล อังสุนันทวิวัฒน์
 


   
search resources

Musics




ความสัมพันธ์เชิงอำนาจในโลกสมัยใหม่ของวัฒนธรรมดนตรีนั้น ภายหลังสงครามเย็นในช่วงทศวรรษ 90 เป็นต้นมา รัฐทั่วโลกเปิดเสรีมากขึ้น เกิดกระแสโลกาภิวัตน์แพร่ออกไปอย่างกว้างขวางในทางดนตรีก็เกิดมิติข้ามชาติเช่นกัน โลกาภิวัตน์ได้เข้าครอบงำดนตรีท้องถิ่น เกิดอาณานิคมทางสุนทรียะในวัฒนธรรมดนตรีขึ้น เพื่อตอบสนองทุนนิยมและความหลากหลายที่เกิดขึ้น ก็เป็นเพียงเพื่อตอบสนองระบบทุนกระแสหลักเท่านั้น

Veit Erlmann นักชาติพันธุ์ดนตรีวิทยาที่ทำการศึกษาดนตรีในแอฟริกา มองว่าประเทศหลังอาณานิคมในยุคโลกาภิวัตน์ ไม่ใช่การแสดงอัตลักษณ์ที่หลากหลาย หรือการแสดงความสามารถในการกำหนดตัวเอง ดนตรีระดับโลก (World Music) เป็นเพียงความต้องการของประเทศโลกที่หนึ่งที่แสวงหาความแปลก ด้วยการออกแสวงหาดนตรีดั้งเดิมในประเทศโลกที่สาม เพื่อมาตอบสนองผู้บริโภคของตน ซึ่งไม่ใช่ดนตรีเพื่อคนพื้นเมืองที่แท้จริง

เช่น คณะร้องประสานเสียงชาวแอฟริกัน ที่ไปเล่นในยุโรปตอนต้นศตวรรษที่ 20 หรือในครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 Paul Simon นักร้องเพลงป๊อปชื่อดัง นำคณะร้องประสานเสียงชื่อดังจากแอฟริกา วง Ladysmith Black Mambazo มาร่วมร้องในอัลบัม Graceland เป็นเพียงดนตรีของคนขาว เพราะชาวแอฟริกันต้องการตอบสนองผู้ฟังคนขาว

ความเป็นแอฟริกาถูกกลั่นกรองผ่านคนขาวและดนตรีของคนขาว เขาชี้ให้เห็นว่าสไตล์ดนตรี isicathamiya ของ Ladysmith Black Mambazo ดั้งเดิม เป็นดนตรีตะวันตกที่ถูกทำให้เป็นท้องถิ่น โดยพวกแรงงานอพยพชาวซูลู ซึ่งสภาวะความเป็นแรงงานอพยพเกิดจากทุนนิยมโลก ลัทธิอาณานิคมไปจนถึงโลกาภิวัตน์ ดนตรีจึงปนเปื้อนโลกาภิวัตน์ตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว

ขณะที่ Mark Slobin นักชาติพันธุ์ดนตรีวิทยามองว่า โลกาภิวัตน์ไม่มีส่วนครอบงำท้องถิ่น แต่ท้องถิ่นกลับใช้ประโยชน์จากโลกาภิวัตน์ ในการคัดสรรและต่อรองกับวัฒนธรรมภายใน (interculture) วัฒนธรรมย่อย (subculture) และวัฒนธรรมกระแสหลัก (superculture)

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่มีบทบาทในการผลิตดนตรี ไม่ว่าจะเป็นค่ายเพลง ผู้จัดการสตูดิโอ ช่างเทคนิค นักดนตรี มีความเข้าใจโลกาภิวัตน์ต่างกันไป บางกรณีก็ตอบโจทย์ดนตรีแอฟริกันในจินตนาการของชาวตะวันตก โดยไม่สนใจดนตรีแอฟริกันที่มีอยู่จริง บางกรณีตอบโจทย์ท้องถิ่นโดยไม่ใส่ใจโจทย์ระดับโลก แต่ก็กลายเป็นดนตรีระดับโลกไปได้ เช่น ช่วงต้นทศวรรษ 90 อัลบัม Didi ของ Cheb Khaled ซึ่งเป็นดนตรี Rai จากแอลจีเรีย ทำมาเพื่อตอบโจทย์โลกภาษาอาหรับ แต่กลับดังระดับโลก

นอกจากประเด็นอาณานิคมทางสุนทรียะแล้ว เรื่องลิขสิทธิ์ก็ไม่ยอมรับว่า ชุมชนเป็นผู้สร้างสรรค์งานได้ งานที่เกิดจากภูมิปัญญาชุมชนเป็นของสาธารณะ ก่อให้เกิดการขูดรีดทางดนตรีระดับข้ามชาติ โลกาภิวัตน์จึงก่อให้เกิดความสัมพันธ์ทางอำนาจใหม่ในวัฒนธรรมดนตรี เช่น มิติการครอบงำผ่านอาณานิคมทางสุนทรียะ ในดนตรีสมัยนิยมยุคใหม่ที่มีกำเนิดมาจากโลกภาษาอังกฤษที่แพร่กระจายไปทั่ว ผสานกับการแสวงกำไรจากลิขสิทธิ์ข้ามชาติอย่างแนบเนียน

จะเห็นว่าคนยุคใหม่ทั่วโลก ต่างยกย่องว่างานดนตรีชั้นเลิศต้องมาจากโลกภาษาอังกฤษ ที่ถูกทำให้เป็นงานชิ้นเอกผ่านกลไกสื่อจำนวนมาก จนเกิดรูปแบบดนตรีหลักที่ผู้คนทั่วโลกต้องปฏิบัติตาม แล้วไปสร้างกำไรมหาศาลให้กับบรรษัทยักษ์ใหญ่เจ้าของลิขสิทธิ์ กลายเป็นอาณานิคมทางสุนทรียะในที่สุด ซึ่งไปมีผลต่อนโยบายต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์ที่รัฐหลายแห่งต้องปฏิบัติ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us