Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา พฤษภาคม 2552
แม่น้ำเมย: ลำน้ำหมื่นล้าน             
โดย เอกรัตน์ บรรเลง
 


   
search resources

Commercial and business
International




"น้ำเมย หรือแม่น้ำต่องยิน" นอกจากจะเป็นเส้นกั้นเขตแดนระหว่างชายแดนตะวันออกของพม่ากับแนวชายแดนตะวันตกของไทย ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ที่มีความยาว 327 กม. มีต้นน้ำอยู่ที่บ้านมอเกอ ต.พบพระ อ.พบพระ และไหลย้อนขึ้นไปทางทิศเหนือ ผ่าน อ.ท่าสองยาง ไปถึงแม่ฮ่องสอน ก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำสาละวินแล้ว

แม่น้ำสายนี้ยังเป็นช่องทางผ่านของสินค้าเข้า-ออกระหว่าง ไทยกับพม่าที่มีมูลค่าสูงกว่า 15,000-20,000 ล้านบาทต่อปี ผ่านกระบวนการขนส่งลำเลียงแบบดั้งเดิมที่ทั้งใช้คนขนข้าม เรือเล็ก หรือแม้แต่ยางในรถยนต์ขนาดใหญ่ที่เพียงแค่ใช้ไม้กระดานพาดทับ ก็สามารถบรรทุกของถ่อข้ามน้ำเมยได้ แทบจะไม่ต้องพึ่งพิงเทคโนโลยีใดๆ เข้ามาช่วย

โดยบริเวณ 2 ฝั่งแม่น้ำเมยทั้งทางด้านเหนือ-ใต้ สะพานมิตรภาพไทย-พม่าฯ ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.ของทุกวัน จะคลาคล่ำไปด้วยกรรมกรชาวพม่า ทำหน้าที่คอยแบกและขนสินค้า จากฝั่งไทยลงเรือไปพม่า หรือจากพม่าลงเรือข้ามมาส่งให้กับผู้ซื้อในฝั่งไทยต่อเนื่องไม่มีหยุด

รวมถึงบางครั้งหลัง 18.00 น.ไปแล้ว ก็อาจจะมีกองทัพมดคอยขนสินค้าข้ามฝั่งเกิดขึ้นได้เช่นกัน

เฉพาะฝั่งไทย การขนสินค้าเข้าออกจะขนผ่าน 19 ท่าข้าม ที่ได้รับอนุมัติเป็นคลังสินค้าชั่วคราวตามกฎหมายศุลกากร (ดูแผนผังคลังสินค้า-ท่าข้ามริมแม่น้ำเมยประกอบ) ซึ่งเป็นการขนสารพัดสินค้าที่ผ่านพิธีการทางศุลกากรของไทยแล้ว แต่บางประเภท ก็จำเป็นต้องขนส่งผ่านท่าข้าม เพื่อเลี่ยงกำแพงภาษีของพม่า ที่ตั้งไว้สูงลิบเพราะระบุไว้เป็นสินค้าห้ามนำเข้า

โดยเฉพาะสินค้า 15 รายการที่กระทรวงพาณิชย์พม่าประกาศห้ามนำเข้าตามประกาศฉบับที่ 9/99 คือ

ผงชูรส, น้ำหวาน เครื่องดื่ม, ขนมปังกรอบทุกชนิด, หมากฝรั่ง, ขนมเค้ก, ขนมเวเฟอร์, ช็อกโกแลต, อาหารกระป๋อง, เส้นหมี่ทุกชนิด, เหล้า, บุหรี่, เบียร์, ผลไม้สดทุกชนิด, ผลิตภัณฑ์พลาสติกทั้งที่ใช้ในครัวเรือนและใช้ส่วนตัวทุกชนิด รวมถึงสินค้าควบคุมการนำเข้าโดยกฎหมายที่มีอยู่แล้ว

บางประเภทตั้งกำแพงภาษีสูงกว่า 80% หรือเกิน 100%

นอกจากนี้ยังเป็นการหลีกเลี่ยงข้อกำหนดของพม่า ที่อนุมัติให้นำเข้าสินค้าตามมูลค่าที่ส่งออกเท่านั้น ซึ่งแม้ในระยะนี้จะผ่อนคลายกฎระเบียบผ่านช่องทางกำหนดพิกัดภาษี ด้วยการกำหนดให้เสียภาษี 2 ระดับ คือสินค้านำเข้าตามมูลค่า ส่งออกที่ให้เสียภาษีในระดับต่ำกับสินค้านำเข้าที่ไม่มีการส่งออก ให้เสียภาษีสูงก็ตาม กอปรกับสะพานมิตรภาพไทย-พม่าฯ ยังมีปัญหาการห้ามรถบรรทุกขนาดใหญ่วิ่ง เนื่องจากตัวสะพานชำรุดอีกด้วย

ทำให้ผู้ประกอบการหันมาขนส่งสินค้าผ่านท่าข้ามต่างๆ มากขึ้น โดยมีท่าข้ามริมแม่น้ำเมยฝั่งพม่า ที่ชนกลุ่มน้อยในพม่าดูแลอยู่ ได้แก่ กลุ่มกะเหรี่ยงพุทธ (DKBA) ที่แยกตัวออกมาจากกะเหรี่ยงคริสต์ (KNU) รองรับก่อนลำเลียงขึ้นรถบรรทุกส่งต่อเข้าพื้นที่ชั้นในของพม่าต่อไป

เป็นผลให้แม่น้ำเมยมีชีวิตตลอด 24 ชั่วโมง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us