Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา พฤษภาคม 2552
มิงกลาบา: เมียวดี             
โดย เอกรัตน์ บรรเลง
 


   
search resources

Commercial and business
International




ชุมทางการค้า เส้นทางแห่งการสงครามในอดีตอย่าง "เมียวดี" ณ วันนี้ กำลังถูกจับแต่งให้เป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญในเชิงยุทธศาสตร์สำหรับชายแดนตะวันออกของพม่ากับแนวรบด้านตะวันตกของไทย รวมถึงอาเซียน แน่นอน! การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ย่อมมีผลต่อไทยไม่น้อย

"Myawadi; เมียวดี" ถือเป็นเมืองสุดชายแดนตะวันออกของพม่า ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเมย หรือที่พม่าเรียกว่า แม่น้ำต่องยิน อยู่ในเขตรัฐกะเหรี่ยง ตรงข้ามกับ อ.แม่สอด จ.ตาก ก่อนหน้านี้ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่เสี่ยงสูงด้านความมั่นคง เนื่องจากชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงคริสต์ (KNU) ของนายพลโบเมี๊ยะทรงอิทธิพลอยู่

แต่วันนี้เมียวดีเปลี่ยนไปแล้ว

ความเป็นเมืองชุมทางการค้า ช่องทางการถ่ายเททางวัฒนธรรม รวมถึงเส้นทางแห่งการสงครามในอดีต กำลังจะเปล่ง รัศมีเพิ่มขึ้นทุกขณะ

ด้วยภูมิศาสตร์ที่เป็นประตูด่านแรกด้านตะวันออกสำหรับการค้าของพม่า ที่มีเส้นทางเชื่อมโยงไปถึงมะละแหม่ง ที่อังกฤษพัฒนาให้เป็นเมืองท่าสำคัญทางทะเลมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2359 (ค.ศ.1852) ในยุคล่าอาณานิคมฯ และต่อมาสาธารณรัฐประชาชน (สป.) จีน ได้เข้ามาให้การช่วยเหลือในการสร้างสะพาน-เส้นทางรถไฟรองรับ ตลอดจนเมียวดียังเป็นจุดเชื่อมต่อของพม่าเข้ากับ "ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก" หรือ East-West Economic Corridor (EWEC) ที่เชื่อมโยงออกสู่ท่าเรือดานัง ตามเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 พิเศษ และเส้นทางหมายเลข 9 (อ่านเรื่อง "East-West Corridor ประตูฝั่งตะวันตกที่รอการเปิด" นิตยสารผู้จัดการ ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2551 หรือใน www.gotomanager.com ประกอบ)

ขณะนี้รัฐบาลพม่ากำลังเร่งพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนเมียวดี (Myawadi Border Trade Zone) ขึ้นมา เพิ่มขีดความสามารถของเมืองหน้าด่านชายแดนตะวันออกแห่งนี้อีกทางหนึ่ง

โดยใช้พื้นที่บริเวณ 2 ฝั่งถนนเมียวดี-กอกะเร็ก-ย่างกุ้ง เนื้อที่รวมประมาณ 600-700 เอเคอร์ หรือประมาณ 1,500-1,750 ไร่ ตั้งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนเมียวดี ซึ่งอยู่ลึกจากริมฝั่งแม่น้ำเมย เข้าไปประมาณ 11.5 กม. ผ่านตลาดเมียวดี ไปตามเส้นทางถนนลาดยาง 2 เลน ที่รัฐบาลไทยให้การช่วยเหลือด้านงบประมาณ แบบให้เปล่าในการปรับปรุงช่วงแรก 17.35 กม.วงเงิน 119 ล้านบาท ก็จะเข้าสู่ "เขตเศรษฐกิจชายแดนเมียวดี" (Myawadi Border Trade Zone)

เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการนำเข้า-ส่งออกสินค้าระหว่างพม่ากับไทย และจัดระเบียบการค้าให้เป็นไปตามหลักสากลเพื่อสร้างรายได้ให้กับรัฐบาลพม่า ตลอดจนเป็นการรองรับการขยายตัวของเส้นทาง เศรษฐกิจ EWEC

ติ่นตินเมี๊ยะ หรือที่เรียกขานกันว่า "มะติ่นติน" (แปลว่าพี่ติ่นติน) ประธานหอการค้าเมียวดี ซึ่งเป็นนักธุรกิจชั้นแนวหน้าของเมียวดี ที่มีกิจการทั้งนำเข้า-ส่งออก และขนส่ง ฯลฯ บอกกับคณะกรรมการ เพื่อโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (คสศ.) หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ ที่ยกทีมนักธุรกิจภาคเหนือเข้าไปสำรวจพื้นที่การค้า การลงทุน ผ่าน "ปณิธิ ตั้งผาติ" ที่ปรึกษา หอการค้าตาก ซึ่งทำหน้าที่ล่ามกิตติมศักดิ์ ว่า เขตเศรษฐกิจเมียวดีเป็นเขตเศรษฐกิจชายแดนแห่งที่ 2 ของพม่าที่เปิดขึ้น หลังจากที่เปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษมูเซ ชายแดน พม่า-จีน เมื่อปี 2549 คู่กับเขตเศรษฐกิจชายแดนเจียก้าว เมืองรุ่ยลี่ เขตปกครองตนเองชนชาติไต-จิงโพ่ แห่งเต๋อหง มณฑล หยุนหนัน สป.จีน

ซึ่งรัฐบาลพม่าได้ให้สัมปทาน 5 บริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ของพม่าเข้ามาลงทุนในระยะเวลา 30 ปี ประกอบด้วยบริษัท Asia Wealth, บริษัท Eden Construction, บริษัท Ngwe Sin Construction, บริษัท Shwe Nagar Min Construction และบริษัท Lah Construction

โดยบริษัท Asia Wealth ได้รับสัมปทานก่อสร้างอาคารของส่วนราชการในพื้นที่เขตเศรษฐกิจฯ ทั้งหมด, Eden Construction ได้สัมปทานก่อสร้างอาคารพาณิชย์ คลังสินค้านำเข้า-ส่งออก, Ngwe Sin Construction รับสัมปทานก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัย, Hall แสดงสินค้า โรงแรม ห้องเย็น คลังสินค้าบางส่วน และ Shwe Nagar Min Construction รับสัมปทานก่อสร้างที่อยู่อาศัย เช่นเดียวกับบริษัท Lah Construction

"ทั้งหมดนี้จะเป็นเขตปลอดภาษี รวมเนื้อที่ 466 เอเคอร์ หรือ 1,165 ไร่ส่วนที่เหลือจะเป็นพื้นที่รองรับการลงทุนภาคอุตสาหกรรม ซึ่งที่ผ่านมามีกลุ่มนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาดูพื้นที่และสนใจที่จะเข้ามาลงทุนมาก ส่วนอาคารพาณิชย์ที่เห็นเกือบทั้งหมด มีการจับจองเกือบทุกยูนิตแล้วเช่นกัน ในราคาประมาณ 1 ล้านบาทเศษต่อยูนิต"

Myawadi Border Trade Zone เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งที่ 2 ของพม่า รองจากเขตเศรษฐกิจพิเศษมูเซ (ชายแดนพม่า-จีน) ที่รัฐบาลพม่าตั้งขึ้นมารองรับเขตเศรษฐกิจเจียก้าวของมณฑลหยุนหนัน สป.จีน (อ่านเรื่อง "เต๋อหง ช่องทางสินค้าจีนที่ไทยไม่อาจมองข้าม" นิตยสารผู้จัดการ 360 ํ ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2552 หรือใน www.gotomanager.com ประกอบ)

นอกจากนี้พม่ายังเปิดเขตเศรษฐกิจ เมืองทะวิน ติดชายแดนบังกลาเทศ และเขตเศรษฐกิจชายแดนทามูติดกับชายแดนอินเดียอีก 2 แห่งด้วย

ภายในพื้นที่โครงการจะมีศูนย์บริการนำเข้า-ส่งออกครบวงจร (One Stop Service) รวมหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทั้งตรวจคนเข้าเมือง, ศุลกากร, ตำรวจ และพาณิชย์ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการค้าระหว่างประเทศ โดยนำรูปแบบการ ทำงานของเขตการค้ามูเซที่ใช้เขตเศรษฐกิจ พิเศษของจีนเป็นต้นแบบ มีการก่อสร้างอาคาร 2 ข้าง ให้รองรับสินค้าขาออกและ ขาเข้าได้อย่างเป็นระบบ ตลอดจนมีระบบกล้องวงจรปิดออนไลน์ให้ง่ายต่อการตรวจสอบของรัฐบาลพม่าด้วย

หลังจากเขตเศรษฐกิจฯ เมียวดีเปิดใช้อย่างเป็นทางการ สินค้านำเข้า-ส่งออกผ่านพรมแดนแม่สอด-เมียวดีจะต้องเข้าสู่ระบบทั้งหมด

แผนงานต่อไปยังจะมีการก่อสร้างคลังสินค้าหลายแห่ง, โรงแรมระดับ 5 ดาว 2 แห่งและศูนย์แสดงสินค้าในบริเวณเดียวกัน หลังจากนั้นจะเตรียมเข้าไปพัฒนาพื้นที่ในเขตนิคมอุตสาหกรรม เพื่อรองรับการจัดตั้งโรงงานอุตสาหกรรมหนัก และอุตสาหกรรมเบา

โดยคาดหมายกันว่า เขตเศรษฐกิจแห่งนี้จะทำให้ยอดการค้าผ่านพรมแดนเมียวดี เพิ่มขึ้นเป็นไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี จากที่ผ่านมาตัวเลขในมือของทางการพม่า มียอดการค้าเพียง 150 ล้านดอลลาร์ต่อปี หรือประมาณปีละ 5,000 กว่าล้านบาทเท่านั้น

ซึ่งแตกต่างจากยอดการค้าที่ปรากฏ ในระบบฐานข้อมูลของรัฐบาลไทย

พงศ์เทพ บัวทรัพย์ นายด่านศุลกากรแม่สอด จ.ตาก บอกว่าไตรมาสแรกของปีนี้ (มกราคม-มีนาคม 2552) การค้าชายแดนโดยเฉพาะสินค้าส่งออกจากไทยไปพม่ามีมูลค่ามากกว่าเดือนละ 1,400-1,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20-30% จากเดิมที่เคยมีการค้าเฉลี่ยประมาณ 1,200-1,300 ล้านบาทต่อเดือน คาดว่าในปี 2552 จะมียอดการค้ามากกว่า 20,000 ล้านบาท อันจะเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์

"ยอดสินค้าหลายรายการเพิ่มขึ้นทั้งวัสดุก่อสร้าง-น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งมียอดสั่งเพิ่มขึ้นกว่าวันละ 2-3 ล้านลิตร รวมถึงสินค้าอุปโภค-บริโภคและอุปกรณ์การเกษตร ฯลฯ"

แสดงให้เห็นว่าพม่ากำลังมีการพัฒนาประเทศในทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังมีการสั่งนำเข้ารถยนต์จากญี่ปุ่นทั้งรถยนต์ส่วนตัว ทั้งรถเก๋ง รถปิกอัพ รถขับเคลื่อน 4 ล้อ และรถทัวร์โดยสารจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นทิศทางการพัฒนาการท่องเที่ยวและระบบโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ในกรณีถนนจากเมียวดี-กอกะเร็ก-มะละแหม่ง-ท่าตอน-พะอัน-ย่างกุ้ง ที่เพิ่งได้รับการพัฒนาช่วงแรก 18 กม. จากการช่วยเหลือของรัฐบาลไทย วงเงิน 119 ล้านบาทนั้น ล่าสุดคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เตรียมที่จะให้ความช่วยเหลือพัฒนาถนนช่วงที่ 2 จากเชิงเขาตะนาวศรี-กอกะเร็ก ที่ตามแนวเส้นทางเดิมมีระยะทาง 42 กม. แต่กรมทางหลวงได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนสำรวจใหม่ สามารถร่นระยะทางให้เหลือเพียง 27 กม. ใช้งบประมาณราว 800 กว่า ล้านบาท และได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (สพพ.) เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2552 ที่ผ่านมานี้เอง

หากการพัฒนาเส้นทางช่วงนี้แล้วเสร็จก็จะช่วยลดระยะเวลาการขนส่งสินค้าจากชายแดนแม่สอด-เมียวดีถึงกรุงย่างกุ้ง ระยะทางประมาณ 400 กว่า กม. จากเดิมที่ใช้เวลามากกว่า 1 วัน เหลือเพียง 4-5 ชั่วโมงได้ เพราะจากกอกะเร็ก- พะอัน-ท่าตอน-ย่างกุ้ง มีถนนคอนกรีตเดิม ที่พร้อมขยายอยู่แล้ว

หลังจากนี้ก็ต้องมีการพัฒนาระบบน้ำ ระบบไฟฟ้า การสื่อสาร และการคมนาคม รองรับการอยู่อาศัย และการลงทุนภาคอุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ตลอดจนกฎระเบียบต่างๆ ที่ยังไม่เอื้อต่อการลงทุนจากต่างชาติเท่าใดนัก

อย่างไรก็ตาม แม้โครงการต่างๆ ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ก็ทำให้ราคาที่ดินเมียวดีขยับขึ้นหลายเท่าตัวในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา เช่นอาคารพาณิชย์จากราคาไม่ถึงล้านบาทต่อยูนิต ก็ปรับเป็น 1.5-2 ล้านบาทต่อยูนิต ที่ดินบางแปลงจาก 2-3 แสนบาท ก็ขยับเป็น 5 แสนบาทขึ้นไป

บรรพต ก่อเกียรติเจริญ ประธานหอการค้า จ.ตาก มองว่าจากนี้ไป มีความเป็นไปได้ว่านักลงทุนไทยน่าจะเข้าไปตั้งคลังสินค้าในเขตการค้าเมียวดีมากขึ้น นอกเหนือไปจากปัจจัยเรื่องแรงงานที่มีรองรับอยู่แล้ว แต่ก็ต้องดูด้วยว่าสิทธิประโยชน์ที่จะได้มากน้อยแค่ไหน

ซึ่งปัจจุบันพม่ามีข้อตกลงที่เอื้อต่อการค้า การลงทุนระหว่างประเทศอยู่บ้าง แต่ยังไม่เต็มที่ ทั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน, ข้อตกลง FTA กับประเทศต่างๆ, ปฏิญญาพุกาม การอำนวยความสะดวกทางการค้า ภายใต้กรอบ Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy (ACMECS) และความร่วมมือทางการค้าในกรอบ BIMSTEC ฯลฯ

นับเป็นปฐมบทแห่งการเปลี่ยนแปลงของหน้าด่านสุดชายแดนตะวันออกของพม่าแห่งนี้ที่น่าจับตายิ่ง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us