Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2531








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2531
ท่าเรือโตเกียว รัฐสร้างเอกชนเช่า             
 


   
search resources

Import-Export
Transportation
Japan




กระบวนการทำมาค้าขายแล้ว ญี่ปุ่นถือว่าเป็นยอดไม่แพ้ใคร ที่รุ่งเรืองอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะเรื่องขายเก่งนี่เป็นส่วนหนึ่ง และของที่ขายก็เป็นของดีอีกส่วนหนึ่งด้วย

เมื่อกลางเดือนที่แล้ว คณะผู้แทนของท่าเรือนครโตเกียวเดินทางมาเปิดการแนะนำท่าเรือของตนที่กรุงเทพฯ จุดมุ่งหมายก็เพื่อชักชวนให้ผู้ส่งออกและสายการเดินเรือที่วิ่งระหว่างไทยกับญี่ปุ่นไปใช้บริการที่ท่าแห่งนี้

กรุงเทพฯ เป็นจุดสุดท้ายของขบวนการขายท่าเรือคณะนี้ หลังจากได้ไปที่กลุ่มประเทศในยุโรปตอนใต้มาแล้วด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกัน

"เมืองไทยประสบความสำเร็จทางเศรษฐกิจมาก ปริมาณการค้าระหว่างไทยกับญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นทุกปี เราถือว่าที่นี่เป็นตลาดที่น่าสนใจ" Shunryu Takahashi อธิการบดีท่าเรือโตเกียวซึ่งเป็นหัวหน้าคณะกล่าวสั้น ๆ ถึงเหตุที่มาแวะที่กรุงเทพฯ

ปีที่แล้วสินค้าจากไทยที่ผ่านท่าแห่งนี้ทั้งขาออกขาเข้ามีจำนวน 9,000 กว่าตัน ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงครึ่งเปอร์เซนต์ของปริมาณสินค้าต่างประเทศ 22 ล้านตันที่มาขนถ่ายกันที่นี่ แต่ Takahashi เชื่อว่า ในอนาคตปริมาณสินค้าจะมากขึ้น เพราะการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการหลั่งไหลเข้ามาลงทุนอย่างมากมายของญี่ปุ่นในขณะนี้

"ส่วนใหญ่แล้วบ้านเราจะไปใช้ที่ท่าโยโกฮามาและโกเบซึ่งอยู่ใกล้กว่า แต่ปริมาณสินค้าจริง ๆ ของทั้งสามท่านี่ก็ไม่แตกต่างกันมากเท่าไรนัก" เจ้าหน้าที่ของสายการเดินเรือแห่งหนึ่งเปิดเผยกับ "ผู้จัดการ"

ท่าเรือโตเกียวจึงอยู่ในภาวะที่ต้องแข่งขันกับอีกสองท่าดังกล่าวเพื่อช่วงชิงลูกค้าให้มาใช้บริการให้มากที่สุด การปรับปรุงประสิทธิภาพของการบริการจึงถือเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารท่าเรือแห่งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 530 ปีที่แล้ว และในปัจจุบันได้ชื่อว่า เป็นท่าเรือที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเป็นท่าเรือที่มีอัตราการเพิ่มของตู้คอนเทนเนอร์ขาเข้าที่สูงที่สุดของญี่ปุ่น

เรือสินค้าจากต่างประเทศ 2,177 ลำได้เข้ามาเทียบท่าแห่งนี้ เมื่อปีที่แล้วโดยบรรทุกสินค้าทั้งขาเข้าและขาออกรวมกันเป็นจำนวน 22.72 ล้านตัน เป็นสินค้าส่งออก 8.26 ล้านตันและสินค้านำเข้า 14.46 ล้านตัน ส่วนใหญ่เป็นตู้คอนเทนเนอร์ถึง 73%

ปัจจุบันท่าเรือโตเกียวมีท่าขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ต่างประเทศอยู่สองท่าคือ ท่า Ohi-Container Terminal ซึ่งมีท่าเทียบเรืออยู่แปดท่า มีความยาวรวมกันเกือบสองกิโลเมตรครึ่ง รับเรือที่มีระวางสูงสุดได้ 40,000 ตัน และท่า Aomi Container Terminal ซึ่งสร้างขึ้นใหม่เมื่อปี 2528 อยู่ตรงข้ามกับท่าแรกบนฝั่งตะวันออกของอ่าวโตเกียว ขณะนี้มีท่าเทียบเรือท่าเดียว แต่ก็มีโครงการที่จะสร้างให้ครบสี่ท่า เพื่อรองรับการขยายตัวของการค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่น

"เราวางแผนล่วงหน้าไปจนถึงปี 2538" แผนที่กล่าวก็คือ แผนการปรับปรุงและขยายการบริการที่ทำกันมาตลอดเวลาจนเข้าแผนที่ห้าแล้วในปัจจุบันแต่ละแผนมองกันไกล ๆ ถึงสิบปี

ระบบขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์นั้นหัวใจสำคัญไม่ได้อยู่ที่ท่าเทียบเรือแต่เพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีพื้นที่สำหรับบรรจุและนำเข้าสินค้าออกจากตู้ด้วยที่เรียกกันว่า สถานีบรรจุตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งแต่ละท่าจะมีพื้นที่นี้และโรงเก็บสินค้าอยู่อย่างเพียงพอ ทำให้การขนถ่ายเป็นไปอย่างรวดเร็ว

หัวใจสำคัญที่จะทำให้การขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพนอกจากตัวท่าเทียบเรือแล้ว ยังต้องมีเครื่องมือทุ่นแรงอย่างเพียงพอ และมีพื้นที่หลังท่าสำหรับสถานีบรรจุสินค้านำเข้าและสินค้าออกจากตู้คอนเทนเนอร์ รวมทั้งโกดังเก็บสินค้าด้วย

ท่าเรือโตเกียวมีสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้อยู่อย่างพร้อมเพรียง และมีเครือข่ายคมนาคมที่เชื่อมท่าเรือนี้กับตัวเมืองโตเกียวและเมืองอื่น ๆ ทั้งทางบกและทางน้ำ

นโยบายในการให้บริการคือ รวดเร็ว เชื่อถือได้ ประหยัด และมีประสิทธิภาพ จึงเป็นจริงได้

ความสำเร็จนั้นอยู่ที่ระบบการบริหารงานที่มีการแบ่งงานกันทำระหว่างรัฐและเอกชน

เทศบาลนครโตเกียวเป็นเจ้าของท่าเรือนี้ มีอธิการบดีท่าเรือเป็นผู้บริหารท่าเรือ โดยตั้งองค์กรขึ้นมาบริหารในรูปบริษัทชื่อ Tokyo Port Service Corporation

บริษัทนี้มีหน้าที่ในการวางแผนปรับปรุงและขยายท่าเรือ ก่อสร้างท่าเรือ และสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานอื่น ๆ และจัดเตรียมพื้นฐานอื่น ๆ และจัดเตรียมพื้นที่สำหรับสร้างสถานีคอนเทนเนอร์และโกดังสินค้า

การปฏิบัติงานในท่าเรือเป็นหน้าที่ของฝ่ายเอกชน ซึ่งเข้ามาดำเนินการโดยจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้กับเทศบาลโตเกียวเป็นค่าเช่าและค่าธรรมเนียม และใช้วิธีแบ่งงานออกเป็นส่วน ๆ ตามลักษณะงานให้เอกชนหลาย ๆ รายเข้ามารับผิดชอบภายในท่าเทียบเรือแต่ละท่า เช่น งานที่เกี่ยวกับการขนถ่ายตู้ลงและขึ้นเรือ การบรรจุและนำสินค้าออกจากตู้ โกดังเก็บสินค้า การสร้างและบริหารสถานีคอนเทนเนอร์

ค่าภาระและค่าธรรมเนียมสำหรับการบริการต่าง ๆ นั้นกำหนดขึ้นโดย Tokyo Port Service Corporation และเอกชนที่เข้ามาให้บริการจะรวมตัวกันในรูปของสมาคมเพื่อประสานงานและแก้ไขปัญหาระหว่างกันเอง

"นโยบายของเราคือ เรามีหน้าที่สร้าง ปรับปรุงท่าเรือและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ส่วนการปฏิบัติงานจริง ๆ นั้น เราไม่มีกำลังคนและไม่มีความชำนาญพอ จึงให้เอกชนเข้ามา พวกเขาจะแข่งขันและควบคุมกันเอง" เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งในคณะผู้แทนกล่าว

ดู ๆ ไปแล้วก็เป็นเรื่องง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน แต่ทำไมบ้านเราถึงทำอย่างนี้ไม่ได้ก็ไม่รู้?

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us