|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ชาญอิสสระฯ โอดวิกฤตเศรษฐกิจการเมืองในประเทศป่วน พ่นพิษ ทุกอุตสาหกรรมชะลอตัว เผยปีนี้ประเมินการเติบโตของบริษัทแค่ช่วงสั้น ตั้งเป้ารายได้ปี 52 ใกล้เคียงกับปี 51 ที่ทำไว้ 1.1 พันล้านบาท เน้นรักษากำไรขั้นต้นไม่ให้ต่ำลง ขณะที่มียอดขาย รอโอน 4 โครงการ ทยอยรับรู้รายได้ 2-3 ปี พร้อมอัดโปรโมชันจูงใจลูกค้า
นายสงกรานต์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI เปิดเผยว่า บริษัทยอมรับว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ผ่านมาได้รับผลจากวิกฤตการเงินและเศรษฐกิจโลกไม่น้อยไปกว่าธุรกิจกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เกิดการชะลอตัวลงประกอบกับที่ผ่านมาราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้น บริษัทตั้งเป้า รายได้ปี 52 เติบโตใกล้เคียงกับปี 51 ที่ 1,127 ล้านบาท พร้อมรักษาอัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ให้ใกล้เคียงกับปีก่อนเช่นกัน จากผลดีของงานในมือที่ทยอยรับรู้รายได้จากโครงการต่างๆ ในปีนี้
ทั้งนี้ จากสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัวและบรรยากาศทางการเมืองยังไม่นิ่งขณะนี้ บริษัทยังประเมินแนวโน้มทางธุรกิจของช่วงไตรมาสแรกปีนี้ได้ยากว่าผลประกอบการจะออกมาในรูปแบบใด เนื่องจากรายได้ที่บริษัททยอยรับรู้จากโครงการต่างๆ นั้นมีเข้ามาไม่แน่นอน แต่เบื้องต้นคาดว่าจะอยู่ในอัตราใกล้เคียงกับปี 51 ที่ประมาณ 66 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ 4 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการคอนโด-มิเนียม 2 โครงการ คือบริเวณถนนลาดพร้าว มูลค่า 2,700 ล้านบาท บริเวณถนนสุขุมวิท ซอย 42 มูลค่า 460 ล้านบาท และโครงการ รีสอร์ต 2 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านชานทะเล ชะอำ มูลค่า 1,400 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถ ทยอยโอนได้หมดช่วงครึ่งแรกของปี 52 และโครงการโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต มูลค่า 2,700 ล้านบาท ที่มีจำนวนทั้งหมด 4 เฟส โครงการเหล่านี้เป็นโครงการก่อสร้างที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว และจะทยอยรับรู้ให้กับบริษัทเป็นระยะเวลาถึง 2-3 ปี
สำหรับปัญหาของวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นส่งผลให้กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เกิดการชะลอตัวลง ซึ่งบริษัทพยายามหาวิธีการจูงใจลูกค้าเข้ามาเพิ่มในเรื่องของตัวสินค้า และการให้บริการ ทั้งในส่วนของลูกค้าใหม่ และลูกค้าเก่า เพื่อให้เกิดจุดเด่นและสร้างความน่าสนใจในแบรนด์ของธุรกิจ ทั้งการจัดรายการโปรโมชันลดราคา หรือแพกเกจที่ประหยัดและคุ้มค่าสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงการจัดกิจกรรมร่วมกับธุรกิจ ได้แก่ การจัดกิจกรรมคอนเสิร์ตให้ลูกค้าและผู้ที่สนใจได้เข้าร่วม
'ราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับขึ้นในช่วงแรกก็ส่งผลต่อธุรกิจเราเหมือนกัน ประกอบกับเจอปัญญาเศรษฐกิจโลกอีก ทำให้ธุรกิจชะงักไป แต่พอมาช่วงหลังราคาปรับลงทุกอย่างก็กลับมาดีเหมือนเดิม และถือว่าเป็นเรื่องดีของธุรกิจก่อสร้างที่เป็นธุรกิจในการรับรู้รายได้ระยะยาวขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการอย่างน้อยต้อง 2-3 ปี ทำให้รายได้มีทยอยเข้ามา ตอนนี้เราคงไม่มีโครงการใหม่เพราะรอดูสถานการณ์ไปก่อน' นายสงกรานต์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีมาตรการปลด พนักงานออก รวมถึงในส่วนของลูกค้าก็ไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน เนื่องจากเมื่อเทียบสัดส่วนลูกค้าของบริษัททั้ง 100% มีเพียง 30% เท่านั้นที่มีการทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารในการ เช่าซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัท จึงประเมินได้ว่าลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่ค่อนข้างมีศักยภาพทางการบริโภคสูง และมีประสิทธิภาพที่ดีจึงจะส่งผลดีสะท้อนมาสู่บริษัทในเรื่องรายได้ที่จะเข้าแน่นอน และประเมินภาพรวมการฟื้นตัวของ ธุรกิจเศรษฐกิจโลกที่จะปรับตัวดีขึ้น คาดต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 ปี
|
|
|
|
|