|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ชี้สภาพคล่องตึงตัวในปีนี้ฉุดความสามารถในการจ่ายปันผลของ บจ.ลดลงครึ่งหนึ่ง แถมยังต้องมีการระดมทุนออกหุ้นกู้ช่วย แนะนักลงทุนที่อยากเล่นหุ้นให้เลือกเก็บตัวที่มีกระแสเงินสดสูง มีความสามารถในการชำระหนี้ และจ่ายปันผลได้ต่อเนื่อง ส่องหุ้นเข้าเกณฑ์ มีกลุ่มค้าปลีกนำโด่ง กลุ่มเดินเรือตามติด
ภรณี ทองเย็น อุปนายก สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวในงานเสวนา "ตรวจสอบสุขภาพหุ้นจากสภาพคล่องทางการเงิน"ว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 0.75% ได้ในช่วงปลายปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.25% ทั้งนี้ เชื่อว่าในช่วงดอกเบี้ยขาลง และตลาดหุ้นอยู่ในภาวะซบเซา จะส่งผลให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์(บจ.)มีแนวโน้มที่จะออกหุ้นกู้มากขึ้น และคาดว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปี 2553 มีโอกาสกลับตัวเป็นขาขึ้นได้จากการที่รัฐบาลเริ่มหันมาใช้แหล่งเงินกู้ภายในประเทศมากขึ้น ทั้งยังคาดว่าปลายปีนี้จะเริ่มเห็นการเพิ่มทุนของบริษัทจดทะเบียนมากขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นน่าจะเริ่มมีการฟื้นตัว
สำหรับปัญหาสภาพคล่องที่ตึงตัวในหลายกิจการตั้งแต่ปี 2551 และกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (cash flow operation : CFO) มีแนวโน้มลดลงในปี 2552 ส่งผลให้บริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ต้องลดนโยบายการจ่ายเงินปันผลซึ่งมีผลทำให้อัตราส่วนเงินปันผลจ่ายต่อกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน (Dividend Payout Ratio)ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี โดยคาดว่าจะลดลงอยู่ที่ประมาณ 40% จากเดิมในปีก่อนที่อยู่ 80%
รวมทั้งจากกรณีเศรษฐกิจโลกตกต่ำส่งผลกระทบถึงปัญหาสภาพคล่องทางการเงินของ บจ. ดังนั้น บล.เอเชียพลัส จึงแนะนำกลยุทธ์ให้นักลงทุนเลือกลงทุนในหุ้นที่มีกระแสเงินสดสูง มีความสามารถในการชำระหนี้สิน และจ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง
โดยฝ่ายวิจัย ประเมินสภาพคล่องทางการเงินจาก บจ.จำนวน 150 แห่ง เมื่อคิดจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานรวมกับเงินสดในกิจการหารด้วยหนี้สินระยะสั้น (CFO + Cash in hand)/Short Debt) พบว่าในปี 2552 อุตสาหกรรมค้าปลีกมีสภาพคล่องสูงที่สุดที่ 19.17 เท่า จากเดิมเมื่อปีก่อนที่มี 6.96 เท่า
ดังนั้น จึงแนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่มค้าปลีก ซึ่งประเมินว่าหุ้น บมจ. ซีพี ออลล์ (CPALL) มีสภาพคล่องทางการเงินแข็งแกร่ง เนื่องจากมีเงินสดมากและมีหนี้สินน้อย รวมถึง บมจ. ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน (ROBINS) และ บมจ. สยามแม็คโคร (MAKRO) ซึ่งมีกระแสเงินสดมากอีกทั้งไม่มีภาระหนี้สิน
สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ความโดดเด่นรองลงมาเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมขนส่งทางเรือ เพราะมีสภาพคล่องทางการเงินเมื่อประมาณการณ์จากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานรวมกับเงินสดในกิจการหารด้วยหนี้สินระยะสั้นในปี 2552 แล้วอยู่ที่ระดับ 11.21 เท่า ทั้งนี้แนะนำหุ้น บมจ. พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL) และ บมจ. โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA)
โดย PSL ไม่มีภาระหนี้สิน และมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง คาดการณ์ปลดระวางเรือเก่าจะส่งผลให้เงินสดสุทธิเพิ่มขึ้นจากเดิม 2.6 พันล้านบาท และมีกำลังการให้บริการที่สอดคล้องกับความต้องการ ซึ่งคาดว่าอัตราเงินปันผลจ่ายเฉลี่ยในปี 2552-2553 สูงถึงประมาณ 10%
นอกจากนี้ยังมีหุ้น กลุ่มอุตสาหกรรมบันเทิงด้วยโดยหุ้น บมจ. บีอีซี เวิลด์ (BEC) ถือได้ว่ามีสภาพคล่องทางการเงินดีที่สุดในกลุ่ม และแนวโน้มกำไรสุทธิยังเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการปรับปรุงผังรายการ โดยเพิ่มสัดส่วนรายการที่ผลิตเองเป็น 90% ซึ่งถือว่ามีมาร์จิ้นสูงกว่ารายการจากผู้ผลิตรายนอก อีกทั้งมีเงินสดสำรองสูงกว่า 3 พันล้านบาท ทำให้เกิดความปลอดภัยที่จะสามารถสร้างโอกาสการลงทุนในระยะยาวได้ ขณะที่ยังไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ทำให้บริษัทสามารถเงินปันผลในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ บมจ.อสมท. (MCOT) เองก็ไม่มีภาระหนี้สิน
สำหรับ กลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ประเมินว่า บมจ. ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม (UVAN) และ บมจ.สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม (UPOIC) มีสภาพคล่องทางการเงินดีที่สุดในกลุ่ม และไม่มีภาระหนี้สิน อีกทั้งน้ำมันปาล์มเป็นที่น่าจับตามองจากที่รัฐบาลเข้ามาค้ำประกันราคาและเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการบริโภค
ส่วนกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แนะนำหุ้น บมจ. เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC), บมจ. แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) และบมจ. มั่นคงเคหะการ (MK) ด้านกลุ่มอุตสหกรรมยานยนต์ แนะนำ บมจ. ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า (STANLY) ขณะที่กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง แนะนำ บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC)
ด้านกลุ่มวัสดุก่อสร้าง แนะนำ บมจ. ไดนาสตี้เซรามิค (DCC) และ บมจ. ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) เพราะเงินสดและอัตราเงินปันผลสูง ด้านกลุ่ม ICT แนะนำ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) สำหรับกลุ่มอาหารและเกษตร แนะนำหุ้น บมจ. ซีเฟรชอินดัสตรี (CFRESH) และกลุ่มโรงพยาบาลแนะนำ บมจ. บางกอก เชน ฮอสปิทอล (KH)
|
|
|
|
|