Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน23 เมษายน 2552
“โตโย-ไทยฯ”ขายIPO130ล.หุ้นมิ.ย.นี้ระดมทุนรับงานใหญ่ขยายตลาดสู่ตปท.             
 


   
search resources

โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น, บมจ.




“โตโย-ไทยฯ” เตรียมขายไอพีโอ 130 ล้านหุ้น มิ.ย.นี้ หวังระดมทุนเพิ่มศักยภาพรองรับงานโครงการขนาดใหญ่ พร้อมปูพื้นฐานธุรกิจเข้มและเตรียมบุกตลาดต่างประเทศในปีหน้า โดยเพิ่มสัดส่วนรับงานนอกเป็น 40% ผู้บริหารมั่นใจปีนี้มีรายได้กว่า 1. 1หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน จากอานิสงส์งานในมือ ล่าสุดเล็งประมูลงานใหม่ 13โครงการ มูลค่าเกือบ 4 หมื่นล้านบาท

นายสุวิทย์ มโนมัยยานนท์ ผู้อำนวยการและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและสัญญา บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือTTCL เปิดเผยถึงแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอเวลาที่เหมาะสม โดยคาดว่าจะสามารถเปิดขายหุ้นสามัญ (IPO) จำนวน 130 ล้านหุ้นให้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยได้ช่วงไตรมาสที่ 2 ประมาณเดือนมิถุนายนปีนี้ ซึ่งจะนำเงินลงทุนที่ได้ไปเพิ่มศักยภาพในการเข้ารับงานโครงการขนาดใหญ่ในต่างประเทศที่มีมูลค่าประมาณ 10,000-17,600 ล้านบาท หรือ 300-500 ล้านเหรียญสหรัฐ ต่อโครงการ รวมถึงการขยายงานสู่ตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลางและอาเซียน

ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในปี 2552 ให้ได้ใกล้เคียงกับปี 2551 ที่ 11,049 ล้านบาท จากงานในมือ(Back log) ที่มีมูลค่ากว่า 11,230 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการในประเทศ และสามารถทยอยรับรู้ได้ตั้งแต่ในปีนี้จนถึงกลางปี 2553 รวมถึงแผนงานในการขยายกิจการอย่างต่อเนื่องทั้งตลาดต่างประเทศและตลาดในประเทศที่บริษัทมีการวางแผนการประมูลงานไว้

สำหรับแผนการดำเนินงานในระยะกลางที่บริษัทมีอยู่ขณะนี้ จะมีโครงการที่รอเข้าประกวดราคาในปี 2552-2553 จำนวน 13 โครงการ โดยมีมูลค่ารวมที่ 39,200 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นโครงการที่บริษัทเตรียมจะทำการประมูลในระยะเวลาอันสั้นนี้จำนวน 6 โครงการ มีมูลค่า 7,200 ล้านบาท โดยเบื้องต้นนั้นได้งานมาแล้วจำนวน 2โครงการ และอีก 7 โครงการที่เป็นโครงการเตรียมประมูลในแผนระยะยาวมีมูลค่า 32,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอตัดสินใจเรียกประมูลของลูกค้า

นอกจากนี้บริษัทได้มีการปรับสัดส่วนการรับงานต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ที่มีสัดส่วนงานต่างประเทศอยู่ที่ 10% ของสัดส่วนรายได้งานทั้งหมด ซึ่งได้มีการปรับเพิ่มเป็น 30-40% ของสัดส่วนรายได้งานทั้งหมด โดยจะเห็นภาพที่ชัดเจในปีหน้า เนื่องจากจะมีการขยายงานไปยังตลาดต่างประเทศมากขึ้น ทั้งในประเทศเวียดนาม จีน และสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นฐานลูกค้าเดิมที่บริษัทได้ดำเนินการอยู่ก่อนแล้ว

ส่วนการขยายตลาดไปยังประเทศใหม่ ได้แก่ ประเทศโมร็อคโค เนื่องจากเล็งเห็นว่ายังเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางธุรกิจที่สูงและให้ผลตอบแทนที่ดี โดยเป็นโครงการก่อสร้างโรงงานปุ๋ยเคมี ที่มีมูลค่างานถึง 400 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งขณะนี้บริษัทได้มีการยื่นซองประมูลโครงการดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการรอพิจารณา โดยคาดว่าจะทราบผลสรุปโครงการดังกล่าวประมาณปลายปี52 จนถึงต้นปี 53

“เรามองว่าการได้งานที่โมร็อกโค เราจะได้เปรียบในเรื่องของการได้รับการสนับสนุนเรื่องเงินกู้จากรัฐบาล ที่คาดว่าจะเป็นจุดได้เปรียบคู่แข่งทั้ง สหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ ที่เป็นคู่แข่งในการเข้าร่วมประมูลงานครั้งนี้ รวมถึงงานประมูลอันอื่นด้วยที่เราก็มีแผนถึง 13 โครงการ เราก็มั่นใจว่าศักยภาพของบริษัทน่าจะทำให้ได้รับงานดังกล่าว” นายสุวิทย์ กล่าว

อย่างไรก็ตามประเมินสถานการณ์การเมืองและภาคการลงทุนขณะนี้ว่ายังสามารถเติบโตต่อไปได้ เมื่อมองจากธุรกิจของบริษัทเอง เนื่องจากการมีกลยุทธ์รับมือในการบริหารธุรกิจด้านการรับเหมาออกแบบ จัดหา และก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่แบบครบวงจรหรือ EPC (Engineering, Procurement and Construction) ที่ถือเป็นจุดแข็งของบริษัทในการเอาชนะคู่แข่ง

นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ถึงแม้ปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงชะลอตัวรวมถึงสภาวะของตลาดหุ้นจะไม่สดใสมากนัก แต่ยังคงเชื่อว่าหุ้นของ โตโย-ไทยฯ น่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากรูปแบบของธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และฐานะทางการเงินค่อนข้างแข็งแกร่ง เนื่องจากตัวบริษัทเองมีสภาพคล่องทางการเงินที่สูง รวมถึงไม่มีภาระเงินกู้ โดยมีมูลค่าทางบัญชี (Book Value) อยู่ที่ 1.90 บาท ณ. สิ้นปี 2551

“เรามองว่าช่วงไตรมาส 2 น่าเป็นเวลาที่เหมาะสมแก่การเข้าจดทะเบียนของบริษัทโตโยฯ เพราะสถานการณ์ต่างๆเริ่มคลี่คลาย ถึงแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะยังไม่สดใสมากนัก แต่เราก็มองภาวะตลาดควบคู่ไปด้วยไม่ได้ปล่อยละเลย ซึ่งก็เห็นว่ายังคงมีวอลุ่มที่ดีอยู่ ผมมองว่าไม่มีอะไรเลวร้ายเกินไปกว่านี้แล้ว รวมถึงบริษัทเองก็มีศักยภาพดี การเข้าตลาดหุ้น จะช่วยให้บริษัทมีศักยภาพเพิ่มขึ้น ฉะนั้นแม้ภาวะที่เศรษฐกิจไม่ดี แต่น่าจะไม่เป็นปัญหาที่จะต้องรีรอหรือเลื่อนออกไป”นายประเสริฐ กล่าว

ขณะเดียวกัน ในส่วนของธุรกิจบล.ทิสโก้ ปัจจุบันมีดีลที่รอเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นอีก 3 ราย ซึ่งรวมบริษัทโตโย-ไทย โดยอีก 2 ราย เป็นธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ และธุรกิจเหล็ก ซึ่งได้ทำการยื่นแบบบแสดงข้อมูล (Filing) กับสำนักงานคณะกรรมมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีมูลค่ารวมกันประมาณ 1-1.5 พันล้านบาท อย่างไรก็ตามต้องใช้รอดูระยะเวลาที่เหมาะก่อนจึงจะนำเข้าตลาด และสำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจของบล.ทิสโก้ ในปีนี้ จากการที่งานด้านวาณิชธนกิจ(IB) มีจำนวนที่ลดลง บริษัทจึงหันไปมุ่งเน้นงานทางด้านการออกหุ้นกู้ (Bound) แทน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us