“ไนท์แฟรงค์”ระบุตลาดคอนโดฯแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องอีก เหตุวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองไม่มีเสถียรภาพ ส่งผลให้ตลาดคอนโดฯในกทม.อ่อนตัวลงในช่วงไตรมาสแรกปี 2552 จำนวนยูนิตที่เปิดตัวใหม่ลดลงถึง 36% อัตราการขายเฉลี่ยลงมาเหลือ 40%

บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รายงานถึงภาวะตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯว่า ในช่วงไตรมาสแรกมีการชะลอตัวลง เนื่องจากผู้พัฒนาโครงการและผู้ซื้อต่างไม่มีความเชื่อมั่นในการลงทุนหรือใช้จ่ายภายใต้สภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยพบว่า ในไตรมาสแรกของปี 2552 จำนวนคอนโดฯที่เปิดตัวใหม่เพียง 1,671 ยูนิต มีอัตราลดลงถึง 36% เมื่อเทียบกับจำนวนคอนโดฯที่เปิดตัวในไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 ซึ่งมีจำนวน 2,615 ยูนิต หากเทียบกับจำนวนคอนโดฯที่เปิดตัวไปในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2551 แล้ว จำนวนคอนโดฯที่เปิดตัวใน 3 เดือนแรกของปี 2552 คิดเป็นสัดส่วนเพียง 16% การลดลงของคอนโดฯที่เปิดตัวใหม่นี้ชี้ให้เห็นว่าผู้พัฒนาโครงการใช้ความระมัดระวังในการเปิดตัวโครงการคอนโดฯใหม่ออกสู่ตลาดเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจและการเมืองที่ยังคงเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายจับตามองอย่างใกล้ชิด

ประกอบกับความไม่ชัดเจนของทิศทางของเศรษฐกิจและการเมือง, ความลังเลใจของผู้ซื้อในการตัดสินใจซื้อคอนโดฯ, การลดลงของจำนวนยูนิตที่ขายไปที่ลดลงมากกว่าการลดลงของจำนวนยูนิตที่เปิดตัว, และการที่ผู้ซื้อตระหนักถึงการที่ผู้พัฒนาโครงการจะนำยูนิตที่ยังคงเหลือและยังไม่ถูกขายไปมาลดราคา ปัจจัยทั้งหมดนี้ส่งผลให้อัตราการขายชะลอตัวลง ซึ่งจำนวนคอนโดฯที่เปิดตัวในไตรมาสแรกของปีนี้ มีอัตราการขายเฉลี่ยอยู่ที่ 40% และลดลงจาก 42% ของอัตราการขายในไตรมาสสุดท้ายของปี 2551

สำหรับราคาขายต่อตารางเมตร(ตร.ม.)ของคอนโดฯที่เปิดตัวใหม่ในไตรมาสแรกของปี52 พบว่ามีการเพิ่มขึ้นที่น้อยมากเพียง 1.1% เมื่อเทียบกับราคาขายในไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 ราคาขายของคอนโดฯในย่านศูนย์กลางเศรษฐกิจ(ซีบีดี)มีการเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 122,000 บาทต่อตร.ม. มาอยู่ที่ 123,000 บาทต่อตร.ม.

ทั้งนี้ ไนท์แฟรงค์ฯได้คาดการณ์ว่า จำนวนคอนโดฯที่เปิดตัวใหม่ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2552 จะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับจำนวนคอนโดฯที่เปิดตัวไปในไตรมาสแรก เนื่องจากนักลงทุนมีความมั่นใจค่อนข้างต่ำต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งจะทำให้ผู้พัฒนาโครงการเกิดความลังเลในการเปิดตัวคอนโดฯใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด ราคาขายของคอนโดฯที่จะเปิดตัวใหม่ในไตรมาสที่ 2 คาดว่าจะยังคงระดับราคาเดิมหรืออาจเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากไตรมาสแรก